ดูๆ แล้วพวก ฝรั่ง เขาไม่ค่อยคิดจะกลัว หรือไม่คิดให้ความสำคัญ กับท่านเชื้อไวรัสโควิด หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจสรุปได้ชัดเจน แต่จากการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ในแต่ละนัด ไม่ว่ากล้องจะแพนไปทางไหน เห็นบรรดากองเชียร์หรือแฟนบอลที่กำลังกู่ก้องร้องตะโกน ต่างไม่ได้คิดจะสวมหน้ากากอนามัย และไม่คิดจะเว้นระยะห่างไปด้วยกันทั้งสิ้น...
---------------------------------------------
อย่างคู่อังกฤษลงเตะกับเยอรมนี...เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่ว่ามันซ์ซ์ซ์-ไม่มันซ์ซ์ซ์ สำหรับแฟนบอลทั้งหลายก็ตาม แต่ที่แน่ๆ ก็คือบรรดา กองเชียร์ ต่างแออัดยัดทะนานเข้าไปในสนามเวมบลีย์นับเป็นหมื่นๆ และไม่คิดจะสวมหน้ากาก ไม่ได้คิดจะเว้นระยะห่างไปด้วยกันทั้งนั้น ไม่ต่างไปจากสนามเทนนิสรายการแกรนด์สแลม วิมเบิลดัน ที่เปิดฉากขึ้นมาในระยะไล่เลี่ยกัน บรรดาผู้ดู ผู้ชม แฟนเทนนิสที่นั่งหน้าสลอนอยู่ในทีวี ก็ออกอาการแทบไม่ต่างไปจากแฟนบอลนั่นแหละ คือต่างพร้อมจะพ่นละอองเรณูฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งสนาม อย่างชนิดไม่ได้คิดจะกลัว คิดจะเกรง ท่านเชื้อไวรัสโควิดเอาเลยแม้แต่น้อย...
-------------------------------------------------
ทั้งๆ ที่อังกฤษทุกวันนี้...จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมเห็นว่าปาเข้าไประดับนับเป็นล้านๆ หรือกว่า 4 ล้านเกือบ 5 ล้านอะไรประมาณนั้น เด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ไปแล้วนับเป็นแสนๆ หรือ 1.28 แสนคน จำนวนผู้ติดเชื้อในแต่ละวันยังคงอยู่ในระดับนับเป็นหมื่นๆ หรือประมาณ 11,625 ราย เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าบ้านเรากว่าเท่าตัว แถมเห็นว่าช่วงระยะนี้ ยังต้องเจอกับ “สายพันธุ์เดลตา” เข้าไปอีก จนจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งพรวดๆ พราดๆ ถึงวันละ 16,400 คนเข้าไปแล้ว หรือเพิ่มเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ เอาเลยก็ว่าได้ แต่ดูเหมือนว่าพวก ผู้ดีอังกฤษ ท่านไม่ถึงกับขนหัวลุก ขนคอตั้ง อะไรกันมากมาย...
-----------------------------------------------------
นี่เห็นว่า...รอบรอง รอบชิงชนะเลิศ ที่กะจะเตะกันที่ประเทศอังกฤษ อาจเปิดโอกาสให้บรรดากองเชียร์แต่ละประเทศเข้าไปแออัด ยัดทะนาน กันชนิดเต็มความจุ หรือระดับ 6 หมื่น 7 หมื่นคนโน่นเลย ส่วนหมีขาวรัสเซียก็ไม่น่าจะผิดแผก แตกต่าง ไปจากกัน แม้ว่าทีมบอลของตัวเองจะตกรอบไปเรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับสนามที่กรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ที่เปิดโอกาสให้กองเชียร์ฟินแลนด์ เข้าไปกู่ก้องร้องตะโกน ไปพ่นและไปรับเอาละอองเกสรเรณูต่างๆ ส่งผลให้แฟนบอลฟินแลนด์ที่เข้าไปเชียร์ทีมชาติตัวเอง ติดเชื้อรวดเดียวถึง 300 คน พอๆ กับ คลัสเตอร์ ย่อยๆ ประมาณนั้น...
----------------------------------------------------------
อันนี้...ต้องเรียกว่า ต่างไปจาก บ้านเรา หรือประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา แบบคนละเรื่อง คนละม้วน ที่แม้จะติดเชื้อแค่วันละ 4 พัน 5 คน แต่โดยสีสัน บรรยากาศ แทบไม่ต่างอะไรไปจาก หนังสยองขวัญ ที่ใครต่อใครต่างออกอาการขนหัวลุก ขนคอตั้ง กันไปเป็นแถบๆ และหนีไม่พ้นต้องหันมาระบายความอัดอั้น ตันใจ ด้วยการด่ารัฐบาล ด่าหมอ หรือด่าอะไรต่อมิอะไรกันไปตามเรื่อง ตามราว โดยไม่ว่าจะด่าแล้วหาย-ไม่หาย ตาย-ไม่ตาย แต่ยังไงๆ คงต้องด่าเอาไว้ก่อน ส่งผลให้แม้แต่ผู้ที่ถือเป็น กองเชียร์รัฐบาล อย่างท่านอาจารย์ เสรี เป็นต้น ยังอยากจะ ลาออก แทนนายกรัฐมนตรี เอาเลยถึงขั้นนั้น...
----------------------------------------------------------
ก็เอาเป็นว่า...มันจะเป็นอุปนิสัย วาสนา หรือสันดอน สันดานใดๆ ก็แล้วแต่ แต่ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า โดยความเชื่อ-ความศรัทธา หรือโดยคะแนนนิยมของรัฐบาลนั้น น่าจะหัวทิ่ม-หัวตำ ตกจากหอคอย่นหนักยิ่งเข้าไปทุกที ด้วยเหตุเพราะจำนวน สากกะเบือบิน ที่สาดซัดเข้าใส่ น่าจะเป็นไปในระดับเซ็นเซอร์ราวด์ หรือรอบทิศ รอบทาง แม้จะยังพออยู่ๆ กันไปได้ หรืออยู่รอดปลอดภัยไปอีกซักพักใหญ่ๆ แต่ก็น่าจะอยู่ในวิสัยประเภท ถึงไม่ตาย-ก็น่าจะเลี้ยงไม่โต อะไรประมาณนั้น เพราะไอ้ที่อาจหนักหนา-สาหัสยิ่งไปกว่านั้น ยังรอคิวเข็มสอง เข็มสาม กันอีกเยอะ...
----------------------------------------------------------
ไม่ว่าจะ ยุบสภา-ไม่ยุบสภา ในวันข้างหน้า หรือวันไหนๆ ก็แล้วแต่ แต่ก็ยังมองไม่เห็นทางรักษา เยียวยา ให้มีโอกาสฟื้นกลับคืนมาสู่สภาพปกติ ไม่ว่าจะ ฟ้าทะลายโจร กันซักกี่เม็ด กี่กำมือ ก็ตามที อันนี้นี่แหละ...ที่น่าห่วง น่าวิตกกังวล เป็นอย่างยิ่ง เพราะอย่างที่เคยว่าๆ เอาไว้แล้วนั่นแหละว่า ระหว่าง ดวงเมือง กับ ดวงบิ๊กตู่ นั้น ดันไปกอดเกี่ยว พัวพัน ยิ่งกว่าหนวดแขกพันกับฝอยขัดหม้อ หรือยากที่จะแยกแยะให้เป็น คนละเรื่อง ไม่ใช่หนักไปทาง คนละเรื่องเดียวกัน เพื่อมิให้ความเสื่อมโทรม ทรุดโทรม ของ บิ๊กตู่ ต้องพลอยกลายเป็นความเสื่อมโทรม ทรุดโทรม ของชาติบ้านเมืองตามไปด้วย...
-----------------------------------------------------------------
แต่ก็นั่นแหละ...โดยอุปนิสัย วาสนา สันดอน สันดานใดๆ ก็ตามที ที่ถูกรวมไว้ใน ความเป็นไทย อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย แม้ว่าจะ ติดเชื้อ แค่ระดับวันละ 4 พัน 5 พันเท่านั้นเอง เด๊ดสะมอเร่ย์ ก็ยังไม่เท่าไหร่ ต่างไปจากพวก ฝรั่ง จำนวนไม่น้อยแบบคนละเรื่อง คนละม้วน แต่แนวโน้มที่ความขนลุก ขนพอง สยองขวัญ ภายใต้ ความเป็นไทย มันจะแผ่ซ่าน ซึมลึก ไปถึงขั้นไหนต่อขั้นไหน ก็ยังมิอาจคาดคำนวณได้ และจะส่งผลต่อชาติบ้านเมือง ต่อ ดวงเมือง หนักหนา-สาหัสถึงเพียงใด ก็ยากที่จะประเมินออกมาได้ชัดเจน แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...มันคงทำให้ บอลไทย ที่ตกรอบบอลโลกชนิดเที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า น่าจะต้องตกรอบต่อไปอีกตราบนานเท่านาน หรือแทบไม่มีโอกาสแห่เข้าไปพ่นละอองเกสร ณ สนามไหนๆ ไม่ว่าจะกลัวๆ กล้าๆ เพียงใดก็ตาม...
----------------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Robert Crais... “There is great audacity in the willingness to change, and more than a little optimism. – ในความเต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงนั้น จำต้องอาศัยความกล้าหาญอย่างใหญ่หลวง รวมทั้งทัศนะเล็งผลเลิศมิใช่น้อย...”.
-----------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |