ทหารพร้อมด้วยปกครอง จับ 3  หนุ่มสัญชาติจีน บริเวณช่องทาง/ท่าข้ามธรรมชาติ ริมแม่น้ำเมย หลังแอบหนีออกจากสถานที่กักตัว ตามสิทธิด้านสุขภาพ เพื่อรอการส่งกลับ ส่วนอีกรายลักลอบข้ามแม่น้ำเมยข้ามมาฝั่งไทย

    หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบ ที่ 4 แม่สอด (ฉก.ร.4) โดยร้อยสกัดกั้นฯ ที่ 2 (มว.สกัดกั้นฯ ที่ 1) ออกปฏิบัติการทำการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองและการกระทำผิดกฎหมาย บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา โดยการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ ในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณช่องทาง/ท่าข้ามธรรมชาติ ริมแม่น้ำเมย (MU 543370) บ้านแม่กุหลวง หมู่ 1 ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก ระหว่างปฏิบัติภารกิจ ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าพบบุคคล ลักษณะต้องสงสัยคาดว่าจะลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย เดินอยู่บริเวณถนนในหมู่บ้าน จนท.ทหาร ฉก.ร.4 กองร้อยสกัดกั้น จึงจัดกำลังร่วมกับฝ่ายปกครอง อ.แม่สอด เข้าตรวจสอบ ผลการปฏิบัติ พบบุคคลสัญชาติจีนเป็นชาย จำนวน 2 คน จากการสอบสวนทราบชื่อคือ MR. ZHANG YONGLYU (ไม่ทราบอายุ) สัญชาติจีน และ MR.LIU WEI (ไม่ทราบอายุ) สัญชาติจีน
    จากการตรวจสอบเอกสาร พบว่าบุคคลทั้งสองเป็นผู้ต้องกักรอการส่งกลับตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง 2522 ซึ่งได้มีการประกันตัวจากกองกำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ด้วยเหตุผลการรักษาสิทธิในด้านสุขภาพกรณีมีความเสี่ยงในการได้รับเชื้อโรคระหว่างที่ถูกควบคุมโดยบุคคลดังกล่าว ต้องพักอาศัยอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.แม่สอด จ.ตาก ตามที่แจ้งไว้กับ จนท.ด่าน.ตม.เท่านั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงาน จนท.ตรวจคนเข้าเมือง หน่วยทหารจึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมตัวบุคคลดังกล่าวกลับไปกักกันตัวที่ โรงแรม ซึ่งใช้เป็นสถานที่กักตัวใน อ.แม่สอด จนครบกำหนดในการใช้สิทธิด้านสุขภาพของบุคคลดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ด่าน ตม.ต่อไป  
    ก่อนหน้านี้ ทหาร ฉก.ร.4 จับหนุ่มชาวจีนลักลอบข้ามแดนท่าเรือริมแม่น้ำเมย ก่อนจับตรวจหาเชื้อ Covid-19 โดยเหตุเกิดที่บริเวณริมแม่น้ำเมยชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สอด จ.ตาก หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 แม่สอด (ฉก.ร.4) โดยกองร้อย ร.431 ทำการออกลาดตระเวนตามแนวชายแดนเพื่อเฝ้าระวังการลักลอบการกระทำผิดกฎหมาย และเพิ่มมาตรการความเข้มข้นตรวจตราการลักลอบข้ามแดนเพื่อป้องกัน สกัดกั้น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยลาดตระเวนซุ่มเฝ้าตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณช่องทางท่าเรือ/ท่าข้ามธรรมชาติที่ 11 (MU 465462) ริมแม่น้ำเมย บ้านท่าอาจ หมู่ 3 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ระหว่างปฏิบัติภารกิจ จนทหารร้อย ร.431 พบบุคคลสัญชาติจีน เป็นชายจำนวน 1 คน ได้ลักลอบข้ามแม่น้ำเมยจากฝั่งประเทศเมียนมาเข้ามายังฝั่งประเทศไทย จนท.ทหารจึงแสดงตนเข้าตรวจสอบ ตรวจค้น จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบชื่อคือ Mr.DI LABU อายุ 26 ปี สัญชาติจีน และจากการตรวจสอบไม่พบเอกสารหลักฐานใดๆ ในการเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร จึงทำการควบคุมตัว มาตรวจวัดอุณหภูมิ ซึ่งเป็นปกติ
    จากนั้นจึงได้นำตัวไปส่งตรวจหาเชื้อไวรัส Covid-19 ที่โรงพยาบาลแม่สอด ผลการตรวจเป็นลบ ไม่พบการติดเชื้อไวรัส จนท.ชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวส่งให้กับพนักงานสอบสวน สภ.แม่สอด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    นอกจากนี้ทางฝ่ายปกครองแม่สอด สนธิกำลังตั้งจุดตรวจ 11 จุด สกัดแรงงานต่างด้าวออกนอกพื้นที่แม่ตาว อ.อุ้มผาง ตรวจเข้มพื้นที่พักพิงผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบชาวกะเหรี่ยง เพื่อป้องกันไวรัส COVID-19 แพร่ระบาด
    นายชัยพฤกติ์ เชียรธานรักษ์ นายอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก สั่งการให้ นายภัทรดนัย อุทัยรัตน์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานความมั่นคง นายธวัชชัย อ่อนสาร ปลัดอำเภองานป้องกัน และ น.ส.ศิริพร สอนไว ปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคง นำกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอแม่สอด ที่ 3 กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ ชรบ.ตำบลแม่ตาว ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด เจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 (ฉก.ร.4) แม่สอด อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านแม่ตาว ตั้งจุดตรวจ-จุดสกัดแรงงานต่างด้าวห้ามออกนอกพื้นที่ บริเวณถนนสายแม่ตาว-แม่สอด หมู่ที่ 3 ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก รวมทั้งหมด 11 จุด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019   
    นายชัยพฤกติ์ เชียรธานรักษ์ นายอำเภอแม่สอด กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พบการแพร่กระจายของเชื้อจากชุมชนแรงงานเมียนมา ซอยมิตรภาพ หมู่ที่ 2 ตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ไปยังผู้สัมผัสใกล้ชิดพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงพื้นที่หมู่ที่ 3 ดังนั้นอำเภอแม่สอดจึงได้จัดตั้งจุดตรวจ-จุดสกัดแรงงานต่างด้าวห้ามออกนอกพื้นที่ เพื่อป้องกันควบคุมมิให้เชื้อแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง
    รายงานข่าวแจ้งว่า ทางด้านฝ่ายปกครอง อ.อุ้มผาง ตรวจเข้มพื้นที่พักพิงผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบชาวกะเหรี่ยงเพื่อป้องกันไวรัส COVID-19 แพร่ระบาด.