มุทิตา..หายไปไหน


เพิ่มเพื่อน    

       น่าแปลกใจมิใช่น้อยเลยทีเดียว สำหรับหัวข้อในการสนทนาของเหล่ามนุษย์ลุงมนุษย์ป้าที่เคยเรียนร่วมคณะในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ย้อนหลังไปเกือบ 40 ปี ที่ไถ่ถามกันว่า ..เหตุใด?? ทำไม?? เพื่อนบางคนไม่ออกมาเจอะเจอพบปะเพื่อนฝูงกันบ้างเลย ทั้งๆ ที่ก็มีเครื่องมือสื่อสารบอกข่าวสารให้รู้ และมีการชักชวนกันอย่างทั่วถึงมาโดยตลอด

       คำตอบที่ชวนให้คิ้วต้องผูกโบ ก็คือ ..บางคนรู้สึกว่าเพื่อนเติบโตเป็นใหญ่แล้ว ส่วนตัวเองยังต๊อกต๋อย จึงไม่อยากมาฟังหรือมาเปรียบเทียบเพื่อซ้ำเติมกับชะตาชีวิตของตัวเอง ที่ย่ำอยู่กับที่หรือไม่สามารถเท่ากับคนอื่นๆ  

       อุเหม่!!! ทำไม??? เป็นอย่างนี้ไปได้

       แต่ดูเหมือนว่าเป็นไปแล้ว และเป็นกันไม่น้อยทีเดียว เมื่อมีอายุมากขึ้น ก็จะมีความรู้สึกแบบนี้เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับคำกล่าวที่มักจะบอกเตือนกันในหมู่ผู้สูงวัยว่า ...คนยิ่งแก่ก็ยิ่งมีอีโก้สูง

       หากจะตัดสินว่า คนเหล่านี้เป็นคนคิดคับแคบ ชีวิตคงจะมีความสุขได้ยากในบั้นปลาย ก็อาจจะเป็นการมองมุมเดียว หรือมองปัญหาจากมุมของคนชนะ หรือคนที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น เพราะจิตใจของคนแพ้หรือคนล้มเหลวนั้น เนื้อหารายละเอียดย่อมแตกต่างจากคนทำอะไรก็ดีไปเสียทุกอย่างแน่นอน  

       แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อมูลที่ยืนยันว่า เพื่อนไม่มาพบเพื่อนเพราะไม่อยากทนเห็นความเฮฮาปาร์ตี้ที่ไร้สาระ อวดอ้างความสามารถ หรืออวยเพื่อนบางคนนั้น  ทำให้ต้องกลับไปทบทวนพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสักหน่อยนะคะ เป็นการเตือนใจตัวเอง และทุกๆ คนค่ะ

       พรหมวิหาร 4 หลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ชนะหรือเราจะเป็นผู้แพ้ก็ตาม

     เพราะพรหมวิหาร 4 คือ  เมตตา..ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข, กรุณา..ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์, มุทิตา..ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี และ อุเบกขา..การรู้จักวางเฉย

       ชีวิตจริง อาจจะทำได้ยาก แต่เห็นทีเราต้องฝึกกันมากๆ นะคะ มิเช่นนั้น แก่ตัวกว่านี้ก็จะกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้

       อาจจะเป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ... ทุกครั้งที่เราเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเรื่องใดๆ ก็ตาม เป็นธรรมชาติของจิตใจที่ยังไม่ได้ถูกฝึกมา มักจะคิดอิจฉาริษยา ในความสำเร็จของเขาผู้นั้น สาเหตุก็เกิดจากการไม่อยากเห็นผู้อื่นได้ดีกว่าตน เพราะเหตุว่า...ตัวเอง..เป็นคนสำคัญที่สุด

       แต่เป็นเรื่องที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงอย่างแน่นอน ที่จะลองฝึกละเลิกความเป็นตัวเองลง ด้วยการตามหามุทิตาให้พบ แล้วแสดงความกล้าหาญทางจิตใจที่จะแสดงมุทิตาจิตออกไป กับทุกสิ่งที่เราได้พบได้เห็นและได้สัมผัส ซึ่งมองเห็นว่านั่นเป็นสิ่งที่ดีแล้ว...

       ลองฝึกกันนะคะ

                                                                   "ป้าเอง" 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"