6 มิ.ย.61 - นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) แสดงความคิดต่อการเปิดตัวของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ว่า "การเปิดตัวของพรรค รปช. -  พรรครวมพลังประชาชาติไทย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และก่อนหน้านี้ พรรคอนาคตใหม่ ได้เปิดตัวไปแล้ว

ทั้ง 2 พรรคมีฐานมวลชนของตัวเอง

พรรคอนาคตใหม่ ใช้ฐานมวลชนทักษิณ - นปช. และคนรุ่นใหม่ที่ไม่เอาเผด็จการทหาร และผูกกับอดีตนายกฯทักษิณ กับพรรคเพื่อไทยอย่างยากที่จะปฏิเสธ โดยมี Voice TV เป็นสื่ออย่างไม่เป็นทางการ

ส่วนพรรค รปช. นั้น อาศัยฐานมวลชน กปปส. ประชาธิปัตย์ พธม. บางส่วน แบ่งกันไปกับ ปชป.

การเลือกตั้งครั้งใหม่ จึงเป็นการชิงมวลชนระหว่าง 2 กลุ่มใหญ่ ที่ลงสนามสู้กันมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ 2 เมื่อปี  2549 ถึงปีนี้ก็ครบ 12 ปี โดยมีพรรคสายทหารพยายามออกมาแย่งมวลชนไปป็นของตัวบ้าง โดยการสร้างความตื่นตัวของประชาชนในรอบ 10 ปี ให้เป็นประหนึ่ง"ปีศาจ" ร้าย คล้ายตัวละครในหนังสือ "ปีศาจ" ของ เสนีย์ เสาวพงศ์

พรรคอนาคตใหม่นั้น มีคนรุ่นใหม่หลายคน ที่ผมรู้จักคือคุณจุ้ย - กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ ที่ชวนเธอมาคุยในรายการสะพานสายรุ้ง ของมูลนิธิเด็ก เรื่องการศีกษาฟินแลนด์ 

เธอเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าสนใจที่สุดของพรรคนี้ จะติดตามเธอว่าจะปฏิรูปการศึกษาไทยแบบไหน อย่างไร ตอนนี้ ยังไม่เห็นทิศทางของเธอ แต่เห็นความคิดของเธอ ส่วนตัวหัวหน้าพรรคนั้น ไม่มีอะไรใหม่ที่น่าสนใจ อย่างที่หลายคนวิจารณ์ไปแล้ว แต่เก่งเรื่องเสนอ"วาทกรรมทางการเมือง" ที่ได้ใจคนรุ่นใหม่

กลับมาที่พรรค รปช. ผมรู้จักคนสร้างพรรคนี้หลายคน โดยเฉพาะ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ กับ ดร.สุริยะใส กตะศิลา และคนอื่นๆ ส่วนคุณสุเทพนั้นเจอกันสองสามครั้ง โดยไม่ได้แลกเปลี่ยนความคิดทางการเมืองกัน ล่าสุดหลบระเบิดด้วยกันที่หลังเวที คปท.และนำเรื่องผมไปพูดเชียร์ต่อเสียดิบดี

เรื่องที่สุริยะใสออกสื่อว่ารปช.มีดีอย่างไร แต่ไม่เป็นข่าว เพราะสื่อไปติด"น้ำตาสุเทพ" น่าเสียดาย

ดร.เอนก ก็ขาดการแสดงวิสัยทัศน์แบบสตีพ จอบส์ พรรคนี้มัวไปกังวลเรื่องสุเทพมากไป สื่อก็พลอยให้ความสนใจไปด้วย จะไปโทษใครเล่าครับ พรรคออกแบบการนำเสนอไม่ดีเอง ไม่สามารถเอา"ความใหม่"มาวางเรียงให้มวลชนเห็นบนเวที

วันนั้นผมสนใจการแสดงวิสัยทัศน์ 2 คนเท่านั้น คือ ดร.เอนก กับ ดร.สุริยะใส แต่ไม่ได้ยิน อ่านจากข่าวก็ไม่เจอ เสียดายโอกาสครับ

เพราะผมรักสองคนนี้ และมีความหวังกับเขา

หัวใจสำคัญของพรรคนี้ คือทำให้เป็นพรรคของประชาชนจริง ซึ่งในสภาพการเมืองแบบเก่าย่อมถูกตั้งคำถาม ว่าเป็นจริงได้หรือ ถึงหลักการจะสอดคล้องกับ รธน.ใหม่ที่กำหนดไว้เช่นนั้นด้วยแล้วก็ตาม

ความคิดนี้ไม่ใหม่ สมัยทำพรรคการเมืองใหม่ ที่สุริยะใสเป็นเลขาธิการ ก็วางแนวไว้แล้ว โดยพรรคการเมืองใหม่มีความพร้อมกว่าพรรค รปช.สมัยนี้เสียอีก เพราะมวลชนพร้อม พรรคเกิดในท่ามกลางความเคลื่อนไหวช่วงชุมนุมทางการเมืองของ พธม. มีระบบการเลือกตั้งภายในพรรคที่ทันสมัยมากกับยุคนั้น นโยบายก็เป็นความฝันของเรา กรรมการบริหารพรรคล้วนเป็นคนรุ่นใหม่ ที่กล้าสู้กล้าชนะในสนามรบ สาขาพรรคเกิดจากสมาชิกสร้างกันเองในจังหวัดต่างๆ

และสิ่งที่เสนอ 4 เรื่องในช่วงชุมนุมตอนนั้น คือ Vote No , Primary Vote, ปฏิรูปประเทศ ,คอร์รัปชัน ล้วนถูกนำไปใส่ไว้ใน รธน.2560 ด้วย แต่จะทำให้เป็นจริงได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ"วัฒนธรรมทางการเมือง" และ "วัฒนธรรมทางสังคม" ที่เป็นแก่นแท้ของสังคมของเรา ที่กลายเป็นอุปสรรคจนถึงวันนี้

ถึงอย่างไร ผมก็สนับสนุนพรรค รปช.ทั้งที่รู้ว่า สังคมไทยยังก้าวข้ามไม่พ้นทักษิณ เพราะมวลชน พธม. และ คปท. ร่วมเป็นร่วมตายกันมา"