29 มิ.ย. 64 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันที่ 29 มิ.ย. ดัชนี SET Index ปิดตลาด อยู่ที่ระดับ 1,586.28 จุด ปรับเพิ่มขึ้น +7.11 จุด หรือคิดเป็น +0.45 % มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 39,959.69 ล้านบาท

ดัชนี SET50 อยู่ที่ 953.57 จุด เพิ่มขึ้น +3.31 จุด คิดเป็น +0.35% มีมูลค่าซื้อขายรวม 16,959.81 ล้านบาท

ดัชนี SET100 อยู่ที่ 2,177.18 จุด เพิ่มขึ้น +8.65 จุด คิดเป็น +0.40% มีมูลค่าซื้อขายรวม 25,310.03 ล้านบาท

ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 505.48 เพิ่มขึ้น +6.28 คิดเป็น +1.26% มีมูลค่าซื้อขายรวม 3,889.55 ล้านบาท

ซึ่งหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่

KBANK    ปิดที่ 119.50 บาท เพิ่มขึ้น +0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,368.69 ล้านบาท

RCL    ปิดที่ 55.50 บาท เพิ่มขึ้น +4.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,596.47 ล้านบาท

BANPU    ปิดที่ 15.70 บาท  เพิ่มขึ้น -0.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,102.63 ล้านบาท

GUNKUL ปิดที่ 4.80 บาท ลดลง -0.02 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,078.97 ล้านบาท

UKEM     ปิดที่ 1.96 บาท ลดลง +0.38 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,077.34 ล้านบาท

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ ว่า ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงมา 8 วันติดแล้ว มีโอกาสที่จะมีการรีบาวด์ของตลาด ซึ่งถ้ามองจากกราฟจะเห็นได้ชัดว่าเป็นการรีบาวด์ หุ้นส่วนใหญ่เป็นฟื้นตัวจากการลดลงมาแรง อย่างเช่น หุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง หุ้นส่งออก หุ้นกลุ่มสายการบิน หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ที่ได้อานิสงค์จากการตรวจและการฉีดวัคซีนโควิด-19   ซึ่งมองว่าตลาดช่วงบ่ายยังคงมีการผันผวนอยู่ เนื่องจากปัจจัยที่ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนมาก และต้องรอดูการกระจายตัวของสายพันธุ์ใหม่ของโควิด-19 ว่าจะมีการกดดันภาพรวมของตลาดหุ้นไทยอย่างไร และจะยังฟื้นตัวได้อย่างที่นักลงทุนหลายๆ คนคาดการณ์ไว้ได้หรือไม่

ทั้งนี้ ยังคงแนะนำให้นักลงทุนลงทุนในหุ้นเชิงรับ หรือ Defensive Stock ซึ่งเป็นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว สามารถป้องกันผลกระทบของสภาวะโควิด-19 ได้เช่น  ADVANC , AS เป็นต้น หุ้นกลุ่มส่งออก ที่ในช่วงนี้ที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงจะได้รับผลประโยชน์มากขึ้น เช่น NER ,TFG และหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ที่ปัจจัยบวกมาจากที่มีการรักษาผู้ติดเชื้อที่มากขึ้น รวมถึงการฉีดวัคซีนทางเลือก เช่น BDMS เป็นต้น