6 มิ.ย.61 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญจะส่งผลต่อการปลดล็อกทางการเมืองหรือไม่ ว่า ในเมื่อผลวินิจฉัยออกมาแล้วไม่ผิดแล้วมันเป็นยังไง ส่วนเรื่องการปลดล็อกเป็นเรื่องของตนที่จะพิจารณา หากจะปลดก็ต้องปลดเป็นกิจกรรมไป ถ้าปลดล็อกทั้งหมดท่านรับรองได้หรือไม่ว่าจะไม่มีปัญหา ตอบมาสิ แต่เดี๋ยวก็จะปลดล็อก ซึ่งต้องมีการพิจารณาหารือกันว่าจะปลดล็อกอย่างไรบ้าง ไม่ใช่ให้อิสรเสรีแล้ว ใครจะรับรองกับตนได้มันจะไม่เกิดเหตุเดิมขึ้นอีก
“มันด่ากันตามถนนหนทางเดินกันทั่วไปหมด รับได้หรือไม่ ถ้าสื่อรับไม่ได้ก็ต้องช่วยผมให้ทุกคนออกมารับประกันว่าการหาเสียงจะต้องประกาศนโยบายที่ตรงตามกฎหมายกำหนด ไม่ใช่มองว่า กฎหมายที่ออกมาเป็นการบังคับ มาตัดสิทธิมาเพิ่มภาระ แล้วที่ผ่านมาไม่มีเรื่องพวกนี้แล้วเป็นอย่างไร ก็ลองมีเสียบ้างไม่ได้หรือ ประเทศนี้มันต้องมีกฎเกณฑ์ มีกฎหมาย กติกา ผมถึงบอกว่าผมมีความเป็นมนุษย์ และความเป็นมนุษย์ของผมคือ ผมคิดและทำ และขับเคลื่อน โดยเอาทุกปัญหามาคลี่ มันถึงหนัก แต่ผมไม่บ่นหรอก เพราะผมเข้ามาแล้ว แต่การจะอยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาพิจารณาอยากอยู่ต่อเพื่อมีอำนาจ ผมไม่เคยคิดว่าผมมีอำนาจ ถ้าคุณพูดแต่เรื่องอำนาจและผลประโยชน์ กลายเป็นทุกคนเหลวแหลกไปหมด ไม่เช่นนั้น ทุกคนที่อยู่ในการเมือง ก็ต้องมีอำนาจและผลประโยชน์ แล้ววันหน้าจะเป็นอย่างนั้นอีกหรือ” นายกฯกล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่าฉะนั้นกฎกติกาทั้งหมดไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก ถ้าท่านต้องการรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ก็ต้องเตรียมความพร้อมเรื่องการเตรียมการเลือกตั้ง ต้องระมัดระวังความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จะทำให้เกิดปัญหา ทั้งการจราจร ความขัดแย้ง การปลุกระดมประชาชนสิ่งเหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้น นั่นคือหน้าที่ของสื่อมวลชนและประชาชนทุกคน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขั้นตอนแรกคือการเตรียมความพร้อมเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง จากนั้นเป็นเรื่องการปลดล็อกที่จะหาเสียงอะไรต่างๆ ขอถามว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไรในการหาเสียง มีหาเสียงในสิ่งที่ดีๆ หรือไม่ ด่ากันโจมตีกันไปมา แทนที่จะพูดในสิ่งที่พรรคจะทำอะไร ตัวเองจะทำอะไร ถ้าเป็นแบบนี้มันไปไม่ได้ จะกลายเป็นว่าเริ่มบรรทัดฐานตั้งแต่การเลือกตั้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเข้าไปเป็นรัฐบาลเป็นฝ่ายค้าน ขอถามว่าพื้นที่ฝ่ายค้านจะได้อะไร ฉะนั้น บางอย่างมันต้องมีการร่วมมือกันทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาค กลุ่มจังหวัด และจังหวัด ซึ่งวันนี้รัฐบาลคิดงบประมาณ และจัดทำงบประมาณเฉลี่ยไปถึงภาคกลุ่มจังหวัด และจังหวัด รวมถึงชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้สอดประสานการทำงานแบบประชารัฐ ซึ่งเป็นคำที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่คำของตน เป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนนั่นคือประชารัฐ ส่วนเรื่องไทยนิยม คือการทำความดีของคนไทยในทุกโอกาส มันผิดตรงไหน
เมื่อถามว่า การนัดพูดคุยกับพรรคการเมืองจะต้องมีเงื่อนไขอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีเงื่อนไข อยากคุยก็มาคุย การคุยทำไมต้องมีเงื่อนไข ถ้าไม่มาก็อย่ามา ตนไม่ได้ง้อให้ใครมา ถ้าไม่มาประชาชนและสื่อก็ตัดสินว่าทำไมไม่มา
เมื่อถามว่า พรรคอนาคตใหม่มีเงื่อนไขว่าจะมาร่วม ถ้าได้รับอนุญาตให้ถ่ายทอดสดผ่านโซเชียลมีเดีย นายกฯ กล่าวว่า ขอดูก่อน ขอดูความจริงใจก่อน เมื่อถามย้ำว่าในเดือนมิ.ย.นี้จะได้คุยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ประมาณนั้น “การหาเสียงจะต้องอยู่ในกรอบที่กำหนด โดยต้องขออนุญาตเป็นครั้งๆ ไป แต่บางอย่างอาจไม่ต้องขอ การปลดล็อกมันต้องเป็นแบบนั้น บางอย่างต้องขอ บางอย่างไม่ต้องขอ ซึ่งต้องหาวิธีในการกำหนดให้บ้านเมืองมันสงบเรียบร้อย ไม่ใช่ก่อนจะไปถึงประชาธิปไตยตีกันเละ ตรงนี้จะมีใครรับรองกับตนได้บ้าง สื่อถ้ารับรองไม่ได้ก็ต้องพูดออกไป ไม่ใช่มากดดันรัฐบาลอยู่แบบนี้” นายกฯกล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |