แฟ้มภาพ
28 มิ.ย.64 - พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า โพสต์นี้ยาวก็อยากให้อ่านจะได้รู้จักสิงห์จอมโวตัวจริงความว่า...เพราะหลักการทรงงานของพระเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ 9 ทรงสอนให้ 'พึ่งตนเอง' ทำให้ผมตัดสินใจพึ่งตนเองตั้งแต่เริ่มการระบาดโควิด-19 ระลอกแรกเมื่อ ก.พ.63 ปีที่แล้ว
เมื่อปีที่แล้ว(เดือน ก.พ.63) หลังจากที่มีผู้ป่วยโควิด-19 ชาวจีนที่ รพ.ราชวิถี และต่อมามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในย่านดอนเมือง ผมได้จัดประชุมแพทย์และหัวหน้าแผนกต่างๆมีสาระสำคัญว่า รพ.มงกุฎวัฒนะจะต้องพึ่งตนเองด้วยการรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ถึงแม้จะเป็นโรคอุบัติใหม่ที่เราไม่เคยเรียน ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยรักษามาก่อนก็ตาม หากเราจะหวังแต่เพียงการส่งต่อ[Refer]ผู้ป่วยไปยัง รพ.รัฐ เราจะไม่มีวันรู้จักโควิด-19 เราจะไม่มีประสบการณ์รักษาโรคติดเชื้อนี้ซึ่งจะเป็นโรคระบาดที่คุกคามชีวิตผู้ป่วยซึ่งอาจหมายถึงญาติของแพทย์และบุคลากรทุกคนด้วย
หากเราไม่พึ่งตนเองแล้วการระบาดมันรุนแรงจน รพ.รัฐไม่สามารถรับผู้ป่วยที่เราส่งต่อไปได้ ในที่สุดเราก็จะต้องรักษาโรคนี้ด้วยตัวเราเอง...เราหนีมันไม่พ้นหรอก เราต้องเผชิญหน้า ซดกับมันประหนึ่งว่ามันคือศัตรูของเราโดยการรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเอง
เมื่อผมตัดสินใจให้ รพ.มงกุฎวัฒนะพึ่งตนเองด้วยการรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว เราจะต้องกล้ารับผู้ติดเชื้อจำนวนมากๆ แล้วเราจะมีประสบการณ์จากผู้ป่วยจำนวนมากๆนั้นซึ่งจะทำให้เราเก่ง แกร่งด้วยตัวของเราเอง
การกล้ารับจะต้องเข้าร่วมกับภาครัฐด้วยการเป็น"ศูนย์สำรองเตียงขึ้นสมทบกับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข" ผมจึงประกาศต่อสาธารณะ ทำให้กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ทราบและจัดทีมมาช่วย รพ.มงกุฎวัฒนะในการรับผู้ป่วยโควิด-19 ระลอกแรกเมื่อปีที่แล้ว
ถึงแม้การระบาดระลอกแรกนั้นจะไม่รุนแรง แต่ด้วยการเป็น"ศูนย์สำรองเตียงขึ้นสมทบกับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ณ อาคาร ซี[C]"ก็ทำให้พวกเราทุกคนใน รพ.มงกุฎวัฒนะมีประสบการณ์ ได้'ซ้อมรบ'กับโควิด-19 ระลอกแรก
ครั้งนั้นบุคลากรในสังกัดติดเชื้อโควิด-19 ไปหลายคน และผู้ใกล้ชิดต้องถูกกักตัวมากกว่าร้อยคน ผมถือว่านั่นคือการบาดเจ็บจากการซ้อมรบ และเป็นบทเรียนที่ทำให้พวกเรานำมาปรับแผนในการรบกับโควิด-19 ระลอกใหม่ต่อไป
การระบาดระลอกปัจจุบันที่รุนแรงกว่าระลอกแรกเป็นทวีคูณ แต่บุคลากรในสังกัด รพ.มงกุฎวัฒะ กลับติดเชื้อน้อยมากเมื่อเทียบกับการระบาดระลอกแรกในปีที่แล้ว เพราะพวกเราเก่ง แกร่ง และชำนาญ เราจึงพร้อมรบในสงครามจริง
การระบาดระลอกแรกที่ผมเปรียบเสมือนการ'ซ้อมรบ'นั้น ทำให้ผมจินตนาการวาดภาพการต่อสู้กับโควิด-19 ว่านี่คือ'สงครามชีวภาพ' ดังนั้นผมจะวางแผนยุทธการอย่างเป็นลำดับขั้น ตั้งแต่การตั้งรับอย่างฉุกละหุกในระลอกแรกด้วย"ศูนย์สำรองเตียง อาคาร ซี[C] ขึ้นสมทบกับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข" และการเตรียมพร้อมในระลอกอนาคตอย่างเป็นลำดับขั้นด้วย 'แผนปฏิบัติการ รพ.สนาม จากระดับ 1 สู่ระดับ 3 ให้เป็นระบบ รพ.สนามขั้นสมบูรณ์ เพื่อการพึ่งตนเอง'...หากไม่เชื่อให้ย้อนไปดูโพสต์ต่างๆที่ผมได้เขียนไว้ในเฟซบุ๊คตั้งแต่ ก.พ.63 เมื่อปีที่แล้วดูก็ได้ แล้วท่านจะหมั่นไส้ผมว่า "ขี้โม้ชิบหาย" แต่ทำได้จริงนะโว้ย ...ท่านผู้อ่าน 555
หลังจากสิ้นสุดการระบาดระลอกแรกในกลาง พ.ค.63 สถานการณ์สงบดูดีมากจนในเดือน ต.ค.63 ผมต้องรื้อถอน"ศูนย์สำรองเตียงขึ้นสมทบกับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ณ อาคาร ซี[C]" เนื่องจากถูกกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามความคืบหน้า อันเนื่องจากอาคาร ซี[C] เป็นอาคารที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพมีคำสั่งให้ระงับการใช้ อธิบดีกรมการแพทย์[นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์] กระทรวงสาธารณสุข ยังคุยกับผมทางโทรศัพท์เลยว่าอย่าทุบอาคาร ซี [C] ทิ้งเลย เก็บไว้ก่อน และจะช่วยผมด้วยการคุยกับอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพให้ชะลอคำสั่ง...แต่ผมเรียนท่านว่าไม่ต้องหรอกครับ ผมจะรื้ออาคาร ซี [C] ทิ้ง...(ทั้งนี้ผมไม่ได้บอกอธิบดีกรมการแพทย์หรอกครับว่าผมมีแผนการเตรียม รพ.สนาม ขั้นสมบูรณ์ ไว้แล้ว หากเกิดการระบาดระลอกใหม่ขึ้น)
แล้วมันก็เกิดการระบาดระบาดระลอกใหม่ ณ 'คลัสเตอร์ตลาดกลางกุ้ง' และระบาดต่อเนื่องมายัง จ.สมุทรสาคร ต่อเนื่องเป็นโดมิโนเรื่อยมาจนข้ามปีสู่ปีปัจจุบัน พ.ศ.2564 แต่ก็ยังจำกัดพื้นที่อยู่ห่างไกลจากเขตหลักสี่อันเป็นที่ตั้งของ รพ.มงกุฎวัฒนะ จนกระทั่งเดือน เม.ย.64 ที่เกิด 'คลัสเตอร์ทองหล่อ' อันเป็นจุดเริ่มต้นของ 'แผนปฏิบัติการ รพ.สนาม ขั้นสมบูรณ์' ที่ผมได้เตรียมไว้ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว
ผมกล้าโอ้อวดว่า รพ.มงกุฎวัฒนะ โดยเฉพาะกำลังพลในสังกัดทุกนายของผมมีศักยภาพพร้อมรบในสงครามโควิด-19 ผมประเมินสถานการณ์และจินตนาการสร้างภาพการรบกับโควิด-19 จนบางครั้งก็คิดว่าตัวผมเองอาจจะใกล้บ้าแล้ว เพราะโควิด-19 ขึ้นสมองที่ผมมักจะล้อเล่นว่าเป็นโควิด-19 สายพันธุ์ RR ที่ย่อมาจาก Rudolf Rien (Rudolf หรือ รูดอล์ฟ นั้นเป็นชื่อแรกของ รูดอล์ฟ เฮิร์สท์ ที่เป็นผู้บัญชาการค่ายกักกันมรณะเอ๊าซ์วิทช์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เคยกักกัน ณ ศูนย์สำรองเตียง ณ อาคาร ซี[C] ได้โพสต์ว่า ศูนย์สำรองเตียง ณ อาคาร ซี[C] เหมือนกับคุก ผมจึงเอามาล้อเล่นนับแต่นั้นมาว่า ผมเปรียบเสมือน รูดอล์ฟ เฮิร์สท์ แต่ผม คือ รูดอล์ฟ เหรียญ หรือ Rudolf Rien , RR ไงล่ะครับ แต่ รูดอล์ฟ เหรียญ คนนี้ เป็นหมอผู้ค้นพบโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่ขึ้นสมองที่ผมเรียกว่า สายพันธุ์ RR)
ผมบ้าขนาดไหน ผมจะเปิดเผยให้ทราบทั่วกันดังนี้
1] การจัดตั้ง ศูนย์สำรองเตียง ณ อาคาร ซี[C] ขนาด 4,000 ตารางเมตร ขึ้นสมทบกับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข นั้นเป็นแค่แผนการตั้งรับอย่างฉุกละหุกแล้วผมก็รื้อถอนออกไปเสีย 2 ใน 3 ส่วน ในเดือน ต.ค.63 แต่ผมก็ยังคงส่วนอาคารที่เหลือไว้อีก 1 ส่วนเพื่อเป็นส่วนตรวจคัดกรองการติดเชื้อโควิด-19 ที่สามารถรองรับการตรวจเชื้อผู้ต้องสงสัยได้วันละ 500 ราย ดังที่ปฏิบัติอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบัน...ทุกวันมีผู้เข้าแถวรอตรวจเชื้อ ณ อาคารส่วนที่เหลือนี้ทุกวัน...นี่คือการคาดการณ์อย่างแม่นยำจากความบ้าของผม
2] ผมเตรียม รพ.สนาม ระดับ 3 (รพ.พลังแผ่นดิน) ณ ที่ดินข้างเคียงของมรดกครอบครัวรุจิรวงศ์ ตั้งแต่ ส.ค.63 ก่อนที่ผมจะตัดสินใจรื้อถอน ศูนย์สำรองเตียง ณ อาคาร ซี[C] แล้ว...ผมนี่แหละครับที่เป็นคนออกแบบและเขียนแปลน รพ.สนาม พลังแผ่นดิน ระดับ 3 ด้วยตัวผมเอง (ผมมีความสามารถในการเขียนแบบด้วยโปรแกรม Autocad จากการเรียนสถาบันเน็ตดีไซน์ [Net Design]ที่ สยามสแควร์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 แล้ว แบบแปลน รพ.มงกุฎวัฒนะ ผมจะเขียนแบบเพื่อแสดงความต้องการของผมให้สถาปนิกและวิศวกร บ.วิไลศิริ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ นำไปดำเนินการในรายละเอียดต่อ นี่คือทักษะส่วนตัวของผมในการบริหารงาน)
3] ผมได้วางแผนเตรียมอาคาร รพ.มงกุฎวัฒนะใหม่ที่กำลังก่อสร้าง เป็นอาคารขนาดใหญ่พิเศษ ขนาด 28,000 ตารางเมตร ซึ่งขณะนี้ได้ก่อสร้างชั้นใต้ดินแล้ว และคาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในปลายปี พ.ศ.2565 อาคารใหม่ที่กำลังก่อสร้างนี้จะมีหอผู้ป่วยสามัญรวมที่มีเตียงรับผู้ป่วยจำนวนมาก ทั้งยังจะเป็น 'ศูนย์ผู้ป่วยอาการหนัก' ที่มีจำนวนเตียงรับผู้ป่วยอาการวิกฤตจำนวนมากๆได้ด้วย ทั้งนี้ผมได้ประเมินสถานการณ์ว่าโควิด-19 จะเป็นโรคประจำถิ่นที่มีการระบาดทุกๆปี ถึงแม้จะมีวัคซีนแล้วก็ตาม ดังนั้นอาคารใหม่ที่จะเปิดใช้ในปลายปีหน้าจึงต้องสามารถรับผู้ป่วยอาการหนักจำนวนมากๆได้
แล้วท่านทั้งหลายที่อ่านโพสต์นี้มาดูกันนะครับว่าผมประเมินสถานการณ์ได้ถูกต้องหรือไม่ รพ.มงกุฎวัฒนะจะพร้อมรับผู้ป่วยอาการหนักจำนวนมากได้จริงหรือไม่ ขนาดไหน???...มาดูกันซิว่า ไอ้เหรียญ มันเป็นไอ้ขี้โม้หรือไม่...ผมตัดสินใจลงทุนเป็นพันล้านเชียวนะครับสำหรับอาคารที่กำลังก่อสร้างนี้
ความบ้าของผมไม่ได้อยู่เพียงแค่ รพ.สนาม ระดับ 3 (รพ.พลังแผ่นดิน) หรอกครับ เพราะสงครามโควิด-19 มันคือ สงครามโรคระบาดประจำถิ่นที่คุกคามชีวิตพสกนิกรของพระเจ้าแผ่นดิน...มันคือ สงครามของผม ที่ได้รับเกียรติจากพี่น้องพสกนิกรทั้งหลายยกย่องให้ผมเป็น 'ทหารพระราชา' ทั้งๆที่ผมไม่เคยเป็นราชองครักษ์และไม่เคยเป็นทหารรักษาพระองค์
การเป็น 'ทหารพระราชา' นั้นยิ่งใหญ่เกินความสมควรที่ผมจะได้รับนะครับ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |