สหพัฒน์ เผยค่าเงินควรอยู่ระดับ 33-34 บาทต่อดอลลาร์เหมาะกับการทำธุรกิจ เตรียมผนึก BTS หวังแชร์บิ๊กดาต้า เพื่อสร้างโอกาสทางการขายมากขึ้น
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าการส่งออกของไทยจะมีการขยายตัวมากขึ้น แต่ปัญหาค่าเงินบาทแข็งก็ไม่ได้เพิ่มมูลค่าทางการเงินให้มากขึ้นตามไปด้วย ส่วนตัวมองว่าค่าเงินควรอยู่ที่ระดับ 33-34 บาทต่อดอลลาร์ จึงจะเหมาะสมกับการทำธุรกิจ โดยเครือสหพัฒน์เองไม่ได้มีการส่งออกมากนัก แต่สำหรับกลุ่มประเทศทางซีแอลเอ็มวี มีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคจากไทยมากขึ้น
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจ 5 เดือนแรก มีอัตราการเติบโตเล็กน้อยหรือเกือบทรงตัว ส่วนใหญ่กลุ่มอาหารจะไปได้ดีกว่าธุรกิจอื่น หรือมีการเติบโตขึ้นประมาณ 4-5% ขณะที่กลุ่มแฟชั่นบางแบรนด์ลดลงและบางแบรนด์ก็เพิ่มขึ้น รวมๆ แล้วค่อนข้างทรงตัวไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแฟชั่นหลายแบรนด์เริ่มทำออนไลน์ ทำให้พฤติกรรมไปซื้อช่องทางดังกล่าวมากขึ้น ขณะที่กำลังซื้อผู้บริโภคระดับล่างอาจยังไม่ฟื้นตัวเท่าไหร่
พร้อมกันนี้ ในยุคของโลกธุรกิจที่ต้องอาศัยข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อทำการตลาด จึงได้ร่วมมือกับกลุ่มบีทีเอสในการแชร์ข้อมูลของบริโภคของแต่ละฝ่ายร่วมกัน ทั้งยังเพิ่มโอกาสทางธุรกิจของเครือสหพัฒน์และบีทีเอสให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบการชำระเงิน โดยบีทีเอสจะมีบัตรแรบบิทที่ผู้บริโภคสามารถใช้จ่ายสินค้าบนบีทีเอส และร้านอาหารบางแห่งได้นั้น ก็อาจใช้เป็นอีกหนึ่งช่องทางให้มาจับจ่ายกับสินค้าในเครือสหพัฒน์ได้ รวมถึงลอยัลตี้โปรแกรมที่จะทำร่วมกัน และการใช้สถานีต่างๆ ของบีทีเอสเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้า
“การขายสินค้าในยุคนี้ไม่ใช่ผลิตสินค้าออกมาแล้ววางจำหน่ายได้เลย แต่ต้องมีข้อมูลของผู้บริโภคให้มากที่สุด เพื่อนำมาผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการ ออกสินค้ามาให้คนแย่งซื้อ ไม่ใช่วางขายเท่านั้น แน่นอนว่าจะทำให้ยอดขายสินค้าของสหพัฒน์เติบโตขึ้นตามไปด้วย” นายบุณยสิทธิ์ กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |