24 มิ.ย.64 - เมื่อเวลา 10.05 น. ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุมพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ต่อเป็นวันที่สอง นายถวิล เปลี่ยนศรี ส.ว. อภิปรายว่า ตนได้พิจารณาแล้วว่าร่างทั้ง 13 ฉบับถือว่าเป็นจำนวนมาก ต้องพิจารณาหัวใจของรัฐธรรมนูญและสาระสำคัญที่ไม่ควรแก้ไขผิดเพี้ยนไปจากหลักการ หรือเจตนารมณ์ดั้งเดิมที่มีอยู่ ก็จะจับแต่ละร่างมาขึงดูว่า ฉบับใดไปตัดแก้หลักการสำคัญหรือเจตนารมณ์เหล่านั้นในรัฐธรรมนูญหรือไม่ นี่เป็นหลักการง่ายๆ
นายถวิล กล่าวว่า ตนมองว่าประเด็นมาตรา 144 ที่เสนอตัดบทลงโทษที่รุนแรงออกนั้น ตั้งแต่พ้นจากตำแหน่ง สิ้นสุดสมาชิกภาพทางการเมืองหรือถึงขั้นติดคุก ทั้งนักการเมือง ส.ส. ส.ว. คณะรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมรายการงบประมาณรายจ่ายของรัฐ ถือเป็นการทำลายหลักการสำคัญของรัฐธรรมนูญที่มุ่งปราบโกงและปราบการทุจริตคอรัปชั่น จนทำให้ประเทศเราจมปลักอยู่กับการแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นไม่ได้สักที เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศตลอดมา ปล่อยออกไปก็เหมือนแก้มัดตราสังข์ ป่าช้าแตกแน่นอน ปล่อยให้มีคอรัปชั่นการอาละวาดหลอกลอนประชาชนอีกรอบ ส.ว.รับไม่ได้และรับไม่ไหว
มาตรา 185 ที่แก้ไขยอมให้ส.ส. ส.ว.หรือรัฐมนตรีใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปแทรกแซงข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น เห็นแล้วแสลงใจตนมาก เพราะตนเจอจริงและเจ็บจริงมาด้วยตัวเอง คงยอมให้ร่างที่มีเนื้าหาแบบนี้ผ่านไปไม่ได้ เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ใช่พนักงาน คนงาน ไม่ใช่ยาม รปภ. หรือคนรับใช้ส่วนตัวในบ้านหรือบริษัทที่นึกจะโอนย้าย สับเปลี่ยนหน้าที่ ปลดออกได้ตามอำเภอใจนั้นทำไม่ได้ ท่านอาจคุ้นเคยในระบบของท่าน แต่ระบบราชการมีระบบคุณธรรมคุ้มครองอยู่ ดังนั้นอย่าไปยุ่งกับเขา ปล่อยให้เขาอยู่กับระบบแบบนั้นดีอยู่แล้ว
“ผมประสบมาด้วยตนเองที่มีการโอนย้ายอย่างไม่เป็นธรรม ไม่เป็นไปตามระบบคุณธรรม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน แต่เพื่อความสะใจ เพื่อประโยชน์ตน ประโยชน์พรรค ประโยชน์พวกและญาติพี่น้อง เป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดไม่น่ารื่นรม แม้ผมจะต่อสู้ฟ้องร้องเรียกหาความเป็นธรรมและได้รับคืนมาในที่สุด แต่ก็เป็นไปอย่างโดดเดี่ยว ยากลำบาก เต็มไปด้วยอุปสรรค จึงไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ผมจึงรับไม่ได้ในชั้นนี้จริงๆ ส่วนเรื่องการปิดสวิตช์ ส.ว.ต้องพูดให้ชัด อย่ามาพูดเอามัน แม้ส.ว.จะอายุมาก ไฟน้อย แต่จะให้ใครมาปิดสวิตช์ง่ายๆโดยไม่มีเหตุผลจนถึงขั้นข่มขู่คุกคามหรือเหยียดยามนั้นยอมไม่ได้ แต่ถ้ามีเหตุผลมาพูดกัน ผมกระซิบเบาๆว่าเราปิดสวิตช์เราเองได้” นายถวิล กล่าว
นายถวิล กล่าวต่อว่า ส่วนการโหวตเลือกนายกฯนั้นในหลักการเสียงของส.ว.ไม่ใช่เสียงชี้ขาดเลือกนายกฯ ถ้าไม่มีเสียงสนับสนุนจากส.ส.ที่เพียงพอก็เป็นนายกฯไม่ได้ เมื่อตอนพล.อ.ประยุทธ์ก็เข้ามา เพราะเสียงสนับสนุน ส.ส. ไม่มีเสียงสนับสนุนจากส.ว. ท่านก็เป็นนายกฯได้ ทำให้ส.ว.โดนด่าฟรี เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่รองนั่ง มีคนเอากระดูกมาแขวนคอ และการให้ส.ว.ออกเสียงเลือกนายกฯก็เป็นผลมาจากการออกเสียงประชามติของประชาชนที่เป็นฉันทามติจะมาเปลี่ยนดื้อๆไม่ได้ ถ้าจะทำก็ต้องไปย้อนต้นทางให้ถูกต้อง
เรื่องนี้จะสิ้นสุดไปตามบทเฉพาะกาลที่เหลืออีก 2-3 ปี สวิตช์เราก็จะปิดลง ไม่ต้องให้ใครมาปิดก็ได้ การที่บ้านเมืองยุ่งวุ่นวายถามว่าที่ผ่านมาใครกันอาศัยประชาธิปไตยบังหน้า สมคบโกงกิน ดำเนินนโยบายผิดพลาดจนบ้านเมืองแทบล่มจนเสียหาย ไม่ต้องบอกว่านโยบายอะไรก็คงทราบดี และลุแก่อำนาจใช้เสียงข้างมากผ่านกฎหมายนิรโทษกรรม ทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรมโดยไม่ฟังเสียงใคร จนประชาชนต้องออกมาเดินขบวนขับไล่เป็นล้านๆคน นักการเมืองและพรรคการเมืองที่ดีก็มี ตนชื่นชม แต่เรายังมีไม่มากพอที่จะไปต้านทานนักการเมืองที่ไม่ดี
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |