24 มิ.ย. 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนพ.ค.2564 มีมูลค่า 23,057.91 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 41.59% หรือคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 714,885.27 ล้านบาท เป็นการขยายตัวเติบโตสูงสุดในรอบ 11 ปี และหากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัยออก การส่งออกจะบวกมากกว่า โดยบวกถึง 45.87% และการนำเข้ามีมูลค่า 22,261.96 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 63.54% เกินดุลการค้ามูลค่า 795.95 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนการส่งออกรวม 5 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่า 108,635.22 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.78% หากหักน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัยออก จะเติบโตถึง 17.13% และการนำเข้า มีมูลค่า 107,141.12 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 21.52% เกินดุลการค้ามูลค่า 1,494.10 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายจุรินทร์กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกปรับตัวดีขึ้น มาจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ ๆ ของไทย เริ่มฟื้นตัว เช่น สหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น เป็นต้น และยังได้รับผลดีจากแผนการขับเคลื่อนการส่งออก ที่กระทรวงพาณิชย์ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชนและทำอย่างเข้มข้นต่อเนื่องในรูป กรอ.พาณิชย์ ทำให้แก้ปัญหาอุปสรรคได้รวดเร็ว ทันท่วงที และยังได้มีการจัดทำแผนเชิงรุกร่วมกัน โดยมีเป้าหมายและรายละเอียดชัดเจนมาแต่ต้นปี ทำให้ตัวเลขการส่งออกปีนี้ ค่อยๆ เป็นบวกขึ้นตามลำดับ
โดยปัญหาที่ได้เข้าไปแก้ไขและประสบผลสำเร็จ จนส่งผลดีต่อการส่งออกไทย เช่น รถยนต์ หลังจากที่ได้เจรจากับเวียดนามมาหลายครั้งตั้งแต่การประชุมอาร์เซ็ป ต่อมาเวียดนามได้มีการปรับระเบียบ แทนที่ต้องตรวจรถยนต์นำเข้าจากไทยทุกล็อต และบางครั้งตรวจทั้งไทยและเวียดนาม ได้ผ่อนปรนเป็นตรวจที่ใดที่หนึ่ง และสุ่มตรวจ ส่งผลให้ส่งออกรถยนต์เพิ่ม 922% และส่งออกไปไปทั้งโลกเพิ่ม 170% ส่วนผลไม้ ได้แก้ไขปัญหาติดขัดที่ด่านชายแดนและข้ามแดน ส่งผลให้ส่งออกเพิ่มถึง 31.9% โดยเฉพาะทุเรียน เพิ่ม 95% และปัญหาเรื่องขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ก็ได้เข้าไปแก้ปัญหา ผลักดันให้มีการผ่อนปรนให้เรือใหญ่ 400 เมตรเข้าเทียบท่าเรือแหลมฉบัง ทำให้ส่งออกคล่องตัวขึ้น และยังมีแผนเจรจากับกระทรวงคมนาคม อนุญาตให้เรือใหญ่เข้ามาได้ตลอดไป ไม่ใช่แค่ 2 ปี เพราะการส่งออกยังต้องทำต่อเนื่อง ไม่ใช่ 2 ปี แล้วเลิก
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับแผนในระยะต่อไป จะยังคงดำเนินการภายใต้ กรอ.พาณิชย์ ประกอบด้วยการเร่งรัดเปิดตลาดใหม่ ให้มีผลในภาคปฏิบัติเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นตลาดตะวันออกกลาง กลุ่มประเทศที่แตกจากรัสเซีย กลุ่มเอเชียใต้ และแอฟริกา , การเร่งรัดการค้าชายแดนและผ่านแดน โดยจะเร่งเปิดด่านที่มีอยู่ 97 ด่านให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่เปิดแล้ว 45 ด่าน โดยเป้าระยะสั้น จะผลักดันเปิดเพิ่มอีก 11 ด่าน และในวันที่ 9-11 ก.ค.2564 จะเดินทางไปดูด่านชายแดนที่สปป.ลาว ที่จะผ่านทะลุเวียดนามไปจีน เช่น ด่านปากแซง ด้านท่าเทียบเรือมุกดาหาร นครพนม และหนองคาย
นอกจากนี้ จะเร่งส่งเสริมการส่งออกและการเจรจาการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มยอดการส่งออก และหากสามารถดำเนินการในระบบออฟไลน์ได้ ก็จะเร่งดำเนินการต่อไป เป็นการผสมผสานแบบไฮบริด , เร่งทำมินิเอฟทีเอกับเมืองเป้าหมาย ได้แก่ ไหหนาน จีน เตลังกานา อินเดีย คยองกี เกาหลีใต้ และโคฟุ ญี่ปุ่น ขณะนี้สัญญาณล่าสุดอาจจะสามารถลงนามกันได้ช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.2564 โดยประมาณ และจะเร่งสร้างแม่ทัพการค้าและแม่ทัพส่งออกรุ่นใหม่ เพื่อเป็นอนาคตสำหรับการนำเงินเข้าประเทศ โดยจะเร่งปั้นเจนซีเป็นซีอีโอ ซึ่งปีนี้ดำเนินการได้ครบ 12,000 รายแน่นอน
ส่วนเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 4% น่าจะทำได้ดีกว่านี้ เพราะตัวเลข 5 เดือนทำได้แล้ว 10.78% คาดการณ์ว่าแนวโน้มจากนี้ไป การส่งออกจะสามารถทำหน้าที่เป็นหัวจักรสำคัญ เป็นพระเอกขับเคลื่อนจีดีพีของประเทศได้อยู่ ยกเว้นมีวิกฤตอะไรมากระทบไทยมาก ๆ หรือกระทบไปทั้งโลก อันนั้น นอกเหนือการคาดการณ์ โดยจะพยายามทำให้ดีที่สุด และจับมือเอกชนทำงานใกล้ชิด ทั้งการแก้ไขปัญหาส่งออกและกิจกรรมส่งออก
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า ภาพรวมการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกตลาด โดยการส่งออกไปสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น ขยายตัวดีต่อเนื่อง 44.9% , 25.5% และ 27.4% ตามลำดับ ตลาดสหภาพยุโรป เพิ่ม 54.9% และ CLMV เพิ่ม 46.8% ส่วนตลาดอาเซียนกลับมาเพิ่ม 51% ซึ่งการส่งออกของไทยเติบโตดีกว่าหลายประเทศในเอเชีย ทั้งจีน เวียดนาม สิงคโปร์ และไต้หวัน ส่วนสินค้าส่งออก 10 อันดับแรก ก็ขยายตัวเกือบทุกตัว ยกเว้นอัญมณีและเครื่องประดับตัวเดียวที่ลดลง แต่ถ้าหักทองคำออก ก็จะบวกถึง 113%
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |