ฟิทช์หั่นจีดีพีเหลือ1.8% กนง.ตรึงอัตราดอกเบี้ย


เพิ่มเพื่อน    

 

“ฟิทช์” หั่นจีดีพีไทยปีนี้เหลือ 1.8% เหตุโควิดระลอก 3 พ่นพิษทำกิจกรรมเศรษฐกิจชะงัก แบงก์ตะลุยตั้งสำรองแก้ลำฉุดกำไรร่วง ขณะที่ “กนง.” ลดเป้าลงในอัตราเดียวกัน พร้อมมีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ต่อปี ลุ้นไตรมาส 3 คุมไวรัสได้
    เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน น.ส.จินดารัตน์ สิริสิทธิโชติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายจัดอันดับเครดิตสถาบันการเงิน  บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ฟิทช์  เรตติ้ง ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปี 2564 ลงเหลือ 1.8% ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นเป็น 4.2% ในปี 2565 จากผลกระทบของการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 ที่ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่แม้จะไม่เข้มงวดเหมือนการระบาดในระลอกที่ผ่านมา แต่ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะต่อไปยังคาดการณ์ได้ค่อนข้างยาก  เนื่องจากยังมีปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนอีกหลายปัจจัย 
    ทั้งนี้ จากผลกระทบของการระบาดโควิด-19 ได้ส่งผลชัดเจนกับความสามารถในการทำกำไรของสถาบันการเงินไทย ที่ก่อนหน้านี้ความสามารถในการทำกำไรของสถาบันการเงินไทยอ่อนแอตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาดอยู่แล้ว โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ได้ส่งผลให้ส่วนต่างรายได้อัตราดอกเบี้ยสุทธิของสถาบันการเงินลดลง  แม้จะมีการกระจายแหล่งที่มาของรายได้ โดยสถาบันการเงินหันไปเน้นค่าธรรมเนียมต่างๆ มากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ได้รับผลกระทบจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและการแข่งขันที่สูงขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองสูงส่งผลกดดันความสามารถในการทำกำไรด้วย  แต่ฟิทช์ เรตติ้งคาดการณ์ว่าแนวโน้มกำไรของสถาบันการเงินไทยจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ในปีนี้ในลักษณะช้าๆ สอดคล้องกับภาพเศรษฐกิจ
    “ฟิทช์ให้ความเห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ค่อนข้างช้า ส่งผลให้สภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานของธนาคารไทยยังคงต้องเผชิญกับความท้าทาย แต่อย่างไรก็ตามความเสี่ยงดังกล่าวน่าจะสามารถลดทอนลงได้บ้าง  เนื่องจากธนาคารไทยยังคงมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง”
    อย่างไรก็ดี มองว่าสัดส่วนตัวเลขสินเชื่อด้อยคุณภาพในระบบสถาบันการเงินในปี 2564 จะไม่อยู่ในระดับที่น่ากังวล แต่คาดว่าตัวเลขสินเชื่อด้อยคุณภาพในระบบสถาบันการเงินจะปรับเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า หลังมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ของภาครัฐโดยเฉพาะการป้องกันการตกชั้นของสินเชื่อหมดอายุลง 
    วันเดียวกัน นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)  กล่าวภายหลังการประชุม กนง.ว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี  พร้อมทั้งปรับลดคาดการณ์จีดีพีในปี 2564 ลงเหลือ 1.8%  จากคาดการณ์เดิมที่ 3% และปี 2565 เหลือ 3.9% จากคาดการณ์เดิมที่ 4.7% เนื่องจากประเมินว่าการระบาดระลอกที่สามของโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าลง และไม่ทั่วถึงมากขึ้นเทียบกับประมาณการเดิม อีกทั้งในระยะข้างหน้ายังมีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำอย่างมีนัยสำคัญจากสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่
    ทั้งนี้ กนง.เห็นว่า การเร่งดำเนินมาตรการทางการเงิน โดยเฉพาะสินเชื่อฟื้นฟู รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ จะช่วยภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบได้ตรงจุด มากกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ  ดังนั้นจึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้ และพร้อมดำเนินนโยบายการเงินที่มีจำกัดในจังหวะที่เกิดประสิทธิผลสูงสุด
    นอกจากนี้ ได้ปรับแนวโน้มตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ลดลงเหลือ 7 แสนคน จากคาดการณ์เดิมที่ 3  ล้านคน จากความยืดเยื้อของการระบาดโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศที่มีนัยสำคัญ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ที่หลายประเทศอาจจะมีการออกมาตรการเพื่อจำกัดการเดินทาง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเป้าหมายตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไทยในปี 2565 ให้มีความเสี่ยงด้านต่ำ จากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ 21.5 ล้านคน ลดลงเหลือ 10 ล้านคน ขณะที่อุปสงค์ในประเทศได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกที่ 3 ด้วยเช่นกัน ส่วนตลาดแรงงานก็ยังได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ 
    “ช่วง 4-5 เดือนนี้ เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเศรษฐกิจไทย จากการแข่งขันของไวรัสที่กลายพันธุ์ และการจัดหารวมถึงการกระจายวัคซีน ดังนั้นมาตรการช่วยเหลือทุกอย่างของภาครัฐและ ธปท.จะต้องเน้นผลักดันมาตรการที่มีอยู่ให้เกิดผลจริงในทางปฏิบัติ ทั้งสินเชื่อฟื้นฟูและอื่นๆ โดยหากสามารถควบคุมการระบาดได้ ก้าวข้ามผ่านช่วงนี้ได้จะเริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้น การบริโภคจะปรับตัวดีขึ้นบ้างจากที่เคยอั้นในอดีต คนไทยจะกลับมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวต่างชาติก็จะเข้ามาได้ในจำนวนที่มากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจไทยค่อยๆ ฟื้นตัว  และเมื่อควบคุมสถานการณ์ได้ภาพของเศรษฐกิจที่เปราะบางจะได้รับแรงกระตุ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าการระบาดระลอก 3 น่าจะควบคุมได้ภายในสิ้นไตรมาสที่ 3  และคาดว่าจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในช่วงต้นปี 2565”  เลขานุการ กนง.ระบุ.
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"