"จตุพร" ตีปี๊บ! สถาบันฯ เดือดร้อนเพราะ "ประยุทธ์" กวักมือเรียกมวลชนอย่ากลัวโควิด แบะท่าค้างคืนหน้าทำเนียบฯ "บิ๊กป้อม" วอนถ้ามาต้องเว้นระยะห่างให้ดี มากันเยอะเดี๋ยวติดเชื้อ นครบาลย้ำแกนนำเตรียมตัวรับคดีเพราะมีทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินและ พ.ร.บ.โรคติดต่อ
    เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2564 ที่ห้องประชุมไทยไม่ทน  สถานีพีซทีวี (Peace TV) รามอินทรา 40 แยก 33/1  กลุ่มไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับการจัดการชุมนุมในวันที่ 24 มิถุนายน  2564 เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง
     นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า  วันที่ 24 มิถุนายนจะเป็นสมรภูมิที่ใหญ่ขึ้น เคยบอกไว้แล้วเมื่อสองสัปดาห์ก่อนว่า พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ไม่เกินสามเดือน นอกจากนี้ขอประกาศว่า พวกตนยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประเด็นที่เราพูดถึงสถาบันฯ มีเพียงเตือนกลุ่มคนที่มักแอบอ้างเพื่อผลประโยชน์ตนเองเพื่อรักษาอำนาจ และอ้างเพื่อทำร้ายประชาชน รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ที่เป็นตัวการสำคัญ เรียกได้ว่าสถาบันฯ เดือดร้อนจาก พล.อ.ประยุทธ์
     เขากล่าวว่า เตือนหลายครั้งแล้ว ในอดีตนายกรัฐมนตรีทุกคนยามมีวิกฤติควรถวายรายงาน แต่ พล.อ. ประยุทธ์ไม่ทำ จึงเป็นข้อสงสัยเรื่องความจงรักภักดี และเหล่าคนที่ปกป้องสถาบันฯ มากเกินไปมักเป็นคนที่หาประโยชน์จากเรื่องนี้ รวมถึงมักมีประวัติไม่ดีที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อย่างไรก็ตาม การอยู่หรือไปของรัฐบาลเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของหลายภาคส่วน 
     "ผมสามารถคุยกับทุกคนที่ไม่สามารถทน พล.อ. ประยุทธ์ได้ เชิญชวนร่วมกันสู้ มิเช่นนั้นเราจะถูกแบ่งแยกปกครองต่อไป อย่ากลัวโควิด-19 เมื่อเราพยายามทุกวิถีทางแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง การลงถนนคือมาตรการสุดท้าย"
    นายจตุพรย้ำว่า "เรายึดมั่นแนวทางสันติวิธีเท่านั้น  เรามีหน้าที่ส่งประเทศให้คนรุ่นลูกหลานเราอย่างดีที่สุด นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ เราไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แต่นายกรัฐมนตรีคนต่อไปต้องแก้ไขประเทศได้ หลัง พล.อ. ประยุทธ์ออก ประชาชนต้องมีสัญญาประชาคม กำหนดว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปต้องทำอย่างไร เพื่อรีเซตประเทศไทยใหม่ให้จงได้"
    "หลัง 4 โมงเย็นค้างคืนหรือไม่สถานการณ์จะกำหนด  ถ้ารัฐไม่ซื่อก็อาจยืดเยื้อ อย่างไรประชาชนก็ยึดสันติวิธีเท่านั้น หน้าที่รัฐบาลคือต้องจัดการไม่ให้มีมือที่สาม คิดว่าแม้มีหลายกลุ่มจัดชุมนุมก็ไม่มีปัญหา ด้วยแต่ละกลุ่มมีแนวทาง สถานที่ชัดเจน ของใครของมัน แต่มีเป้าหมายเดียวกัน" นายจตุพรระบุ
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่อยากให้ชุมนุมเพราะกลัวเรื่องติดเชื้อโควิด-19 เพราะถ้ามากันจำนวนมากก็มีความเสี่ยง  แต่ถ้าจะมาก็ต้องเว้นระยะห่างให้ดี
    "ไม่อยากให้มา สื่อต้องช่วยกันด้วย และไม่น่าจะมาชุมนุมกันข้ามวันข้ามคืนเพราะตอนนี้โควิดระบาดมาก  หากมากันเยอะก็ไปติดประชาชนอื่นๆ ส่วนเรื่องเจรจาคงไม่เจรจาอะไร ให้สื่อช่วยไปเจรจาหน่อยว่าอย่าเพิ่งชุมนุมเลยในช่วงนี้ ให้โควิดน้อยลงหน่อยเพราะรัฐบาลเป็นห่วงเรื่องนี้มาก"
    เมื่อถามว่า การนัดรวมตัวที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศและประกาศเคลื่อนมาทำเนียบรัฐบาล จะต้องบล็อกไม่ให้เข้ามาถึงทำเนียบฯ หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องห่วง แต่ที่เป็นห่วงเรื่องของการมาชุมนุมเยอะๆ แล้วเดี๋ยวก็ไปติดโควิด-19
    ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ตอนนี้เหมาะสมที่จะมาขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ออกจากตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็รู้อยู่แล้ว และสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ก็สงบดีไม่มีอะไร 
    ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า บรรยากาศในทำเนียบฯ ยังเป็นไปโดยปกติ แต่มีการแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ ที่ต้องปฏิบัติงานในทำเนียบฯ ให้เตรียมความพร้อม โดยขอไม่ให้จอดรถค้างคืนและขอสงวนจุดจอดรถในวันที่ 24  มิ.ย. ตั้งแต่เวลา 06.00 น. บริเวณถนนลูกหลวงตั้งแต่สะพานอรทัย-สะพานมัฆวานฯ ผิวการจราจรตั้งแต่ประตู 8 ทำเนียบรัฐบาล-ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ผิวการจราจร  (ฝั่งซ้าย) ตั้งแต่ประตู 6 ทำเนียบรัฐบาล-อาคาร 11 (โรงยิม) และลานจอดรถหน้าอาคาร 20 และหน้าอาคาร 18  ขณะที่นายกรัฐมนตรียังคงเข้าปฏิบัติภารกิจที่ตึกไทยคู่ฟ้า ตามปกติ โดยในช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์จะให้การต้อนรับเอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทยที่เข้าอำลาในโอกาสพ้นหน้าที่ สำหรับสื่อมวลชนยังสามารถเข้าปฏิบัติงานภายในทำเนียบฯ ได้ตามปกติ แต่มีการแจ้งให้ผู้ปฏิบัติงานในทำเนียบฯ ออกจากพื้นที่เวลา 14.00 น. 
    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังเที่ยงคืนวันที่ 23 มิ.ย.  เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตู้คอนเทนเนอร์มาตั้งจุดสกัดกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาปิดล้อมทำเนียบฯ อาทิ บริเวณสะพานเทวกรรมรังรักษ์, สะพานชมัยมรุเชฐ, สะพานมัฆวานรังสรรค์  เหมือนการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมทุกครั้งที่ผ่านมา 
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ขณะนี้มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขอให้ผู้ชุมนุมคำนึงถึงข้อห้ามและข้อกำหนด  นึกถึงผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ การที่มาชุมนุมจำนวนมากๆ กฎหมายก็บอกแล้วว่าไม่อนุญาตให้ทำ ถ้าทำก็ต้องทำตามมาตรการที่กำหนดไว้ เพราะฉะนั้นตำรวจจำเป็นต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายทุกเรื่อง ฝากเตือนขอให้คำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย ถ้ามีการกระทำความผิดต้องดำเนินคดีทุกราย
    ถามว่า ประเมินว่าต้องมีการใช้เครื่องกีดขวางหรือไม่  ผบ.ตร.ตอบว่า เตรียมไว้หากจำเป็นต้องทำก็ต้องทำ ทุกคนมีข้อจำกัด ขอให้ระมัดระวังอย่าทำอะไรที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ต้องตรวจสอบทุกคนไม่ได้เน้นคนใดคนหนึ่ง ตามกติกา 
    ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวว่า บช.น.ย้ำเตือนการชุมนุมครั้งนี้ กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผู้จัดการชุมนุมและผู้เข้าร่วมชุมนุมจะมีความผิดตามข้อกำหนดตามมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 24 ลงวันที่ 19 มิ.ย.64 ประกอบประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับความมั่นคง ฉบับที่ 5 วันที่ 5 พ.ค.64 ประกอบประกาศกรุงเทพฯ ฉบับที่ 33 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง 
    นอกจากนี้ยังผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ ผู้ฝ่าฝืนต้องรับโทษตามกฎหมาย ผู้ชักชวนให้มารวมตัวกัน ไม่ว่าจะเป็นทางโซเชียลหรือทางหนึ่งทางใดก็ตาม ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิด ผู้จัดเวที เครื่องเสียง รถสุขา ผู้สนับอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใดถือเป็นผู้ร่วมทำผิด
    วันเดียวกัน นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เดินทางมาเพื่อยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เรื่องขอให้ตรวจสอบการจัดกิจกรรมชุมนุมของทุกกลุ่ม โดยตรวจสอบการกระทำผิดเกี่ยวกับกฎหมายอาญา มาตรา 116  ของนายจตุพรที่กล่าวใส่ร้ายประเทศไทย และให้สัมภาษณ์เรียกร้องให้ปรับปรุงสถาบันฯ รวมทั้งให้ตรวจสอบการชุมนุมของทุกกลุ่มว่ามีผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ศาลตั้งเงื่อนไขห้ามเข้าร่วมการชุมนุมที่อาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวายว่ามีการเข้าร่วมหรือไม่ หากพบว่าผิดกฎหมายฉบับใดจะเข้าไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่สถานีตำรวจที่ใกล้บริเวณที่จัดชุมนุม และถ้าหากมีการชุมนุมยืดเยื้อจะเข้าไปแจ้งความทุกวันที่จัดชุมนุม.