ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์

23 มิ.ย.64 - สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ออกแถลงการณ์ว่าตามที่ “กลุ่มประชาชนคนไทย” และเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนหลายกลุ่มที่จะมีการนัดหมายการแสดงออกทางการเมืองเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ ตามที่เคยสัญญาไว้กับประชาชน แต่กว่า 7 ปีที่เป็นนายกรัฐมนตรีกลับไม่ได้ทำในสิ่งที่สัญญาไว้ และในห้วงเวลาที่ผ่านมากลุ่มเครือข่ายต่างได้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลที่มีความผิดพลาด ล้มเหลว ในหลายเรื่อง ทั้งในเรื่องการบริหารจัดการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประเด็นการทุจริตที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ และประเด็นจริยธรรมของรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล ดังที่ปรากฏตามสื่อกระแสหลักและสื่อออนไลน์นั้น โดยกิจกรรมดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 24 มิถุนายน 2564 และในประเด็นดังกล่าวทำให้องค์กรสมาชิกสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้สอบถามเข้ามาหลายองค์กรต่อท่าที จุดยืน ของ สรส. ในประเด็นดังกล่าวว่าเป็นอย่างไร 

สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) โดยธรรมนูญและนโยบายได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนในการต่อต้านเผด็จการในทุกรูปแบบและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ปกป้องรัฐวิสาหกิจมิให้ถูกแปรรูปให้แก่เอกชน เพื่อให้รัฐวิสาหกิจทำหน้าที่เป็นเครื่องมือของรัฐในการให้ประชาชนเข้าถึงการบริการอย่างเท่าเทียม และเป็นธรรม ซึ่งจากการติดตามการทำงานของรัฐบาลในช่วงเวลาที่ผ่านมา อาจจะมีบางเรื่องในทางนโยบายที่พยายามทำออกมาบ้าง แต่ก็มีหลายเรื่องหลายประเด็นสำคัญดังที่กล่าวมาข้างต้นที่ สรส. และองค์กรสมาชิกรวมทั้งประชาชนทั่วไปตั้งคำถามและพยายามหาคำตอบจากการกระทำและการแถลงของรัฐบาล แต่ก็ยังคลุมเครือไม่ชัดเจน โดยเฉพาะในส่วนประเด็นการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลยังคงส่งบอร์ดที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในองค์ความรู้ที่รัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ใช้ในการสร้างบริการสาธารณะให้เกิดขึ้น บอร์ดยังเต็มไปด้วยกลุ่มนายทหารนักการเมืองที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในรัฐวิสาหกิจ และตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ยังไม่พบเห็นสัญญาณแห่งการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศอันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนชาวไทยเลย แต่กลับกลายเป็นการสนับสนุนส่งเสริมกลุ่มทุนธุรกิจขนาดใหญ่เติบโต มั่งคั่ง ผูกขาด ในแทบทุกกิจการสาขา แต่ในทางกลับกันความ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ในหมู่ประชาชนที่นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศย้ำเตือนเสมอมาแทบไม่มี 

อย่างไรก็ตาม การประกาศจุดยืนการตัดสินใจของ สรส. นั้น ต้องขอฉันทามติจากองค์กรสมาชิกเพราะ สรส. ให้ความสำคัญกับความเป็นประชาธิปไตยในองค์กรซึ่งจะได้หารือกันต่อไป แต่ในเบื้องต้นการแสดงออกต่อกิจกรรมทางการเมืองของ “กลุ่มประชาชนคนไทย” ที่ได้เคยร่วมยืนหยัดต่อสู้มาด้วยกันและเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนนั้น หากองค์กรสมาชิกหรือสมาชิกที่สังกัดในองค์กรในนามบุคคล ส่วนตน ก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวได้ ซึ่งถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน การแสดงออก ความต้องการทางการเมือง ที่บัญญัติไว้ในกติกาสากลว่าด้วย “สิทธิมนุษยชน” และบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่จักต้องได้รับการคุ้มครอง

จึงแถลงให้ทราบโดยทั่วกัน