5มิ.ย.61- นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานฯ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก เรื่อง ปฏิรูปใหญ่สายงานสอบสวน ระบุว่า การพิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจฯนัดล่าสุดเย็นวานนี้ (4 มิถุนายน) เริ่มต้นลงลึกราย ละเอียดรายมาตราในประเด็นที่เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการปฏิรูปตำรวจ คือการทำ หน้าที่ของเจ้าพนักงานสอบสวน อันเป็น 1 ใน 4 สายงานของการจัดส่วนราชการใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยร่างฯใหม่จะระบุถึงความหมายของสายงานสอบสวนไว้ดังนี้
"สายงานสอบสวน ได้แก่งานเกี่ยวกับการสอบสวน และงานสืบสวนที่เกี่ยวเนื่องกับการ สอบสวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กฎหมายว่าด้วยการสอบสวน และกฎหมายอื่น"
นั่นหมายความว่าในสายงานสอบสวน จะมีเจ้าพนักงานสืบสวนเพื่อประโยชน์ในการรวบ รวมพยานหลักฐานทำสำนวนคดีภายใต้บังคับบัญชาของสายงานตัวเองแยกออกมาจาก งานสืบสวนทั่วไปเพื่อป้องกันอาชญากรรมซึ่งอยู่ในสายงานป้องกันและปราบปราม
การมีพนักงานสืบสวนภายใต้บังคับบัญชาในสายงานสอบสวนเองจะเป็นหลักประกันใน การทำงานภายในกรอบอำนาจหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดจากการแทรก แซง
ทั้งนี้ ตำแหน่งของข้าราชการตำรวจทั้งหมดตามร่างพ.ร.บ.ตำรวจฯฉบับใหม่ที่ปรับแก้ จากเดิมจะมีดังนี้
(1) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
(2) จเรตำรวจ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
(3) ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
(4) ผู้บัญชาการ และผู้บัญชาการสอบสวน
(5) รองผู้บัญชาการ และรองผู้บัญชาการสอบสวน
(6) ผู้บังคับการ และผู้บังคับการสอบสวน
(7) รองผู้บังคับการ และรองผู้บังคับการสอบสวน
(8) ผู้กำกับการ และผู้กำกับการสอบสวน
(9) รองผู้กำกับการ และรองผู้กำกับการสอบสวน
(10) สารวัตร และสารวัตรสอบสวน
(11) รองสารวัตร รองสารวัตรสอบสวน และพนักงานสืบสวนในการสอบสวน
(12) ผู้บังคับหมู่ และผู้ช่วยพนักงานสอบสวน
(13) รองผู้บังคับหมู่
ประเด็นที่ปรับแก้คือระบุชื่อตำแหน่งในสายงานสอบสวนไว้ในทุกระดับตั้งแต่เริ่มต้นที่ (12) ขึ้นไปจนถึงสูงสุดที่ (4) และเพิ่มตำแหน่งพนักงานสืบสวนในสายงานสอบสวนไว้ ในชื่อ 'พนักงานสืบสวนในการสอบสวน' ไว้ที่ตำแหน่งระดับเทียบเท่ารองสารวัตรตาม ปรากฎใน (11)
จะเห็นได้ว่าเมื่อเริ่มบรรจุเข้ารับราชการชั้นสัญญาบัตรในสายงานสอบสวนที่ตำแหน่งรอง สารวัตรสอบสวนตาม (11) จะมีโอกาสเติบโตในสายงานขึ้นไปตามลำดับจนถึงระดับผู้ บัญชาการตาม (4)
ส่วนตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตาม (3) และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่ง ชาติตาม (2) ก็จะบัญญัติไว้ในมาตราต่อ ๆ ไปให้แต่งตั้งจากสายงานสอบสวน 2 คนและ 1 คนตามลำดับ
นั่นหมายความว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสายงานสอบสวนจะเป็นหนึ่งในแคนดิเดทที่จะได้ รับการพิจารณาให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะในมาตราต่อ ๆ ไปข้างหน้าจะ กำหนดให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาจากผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและจเรตำรวจเป็นหลัก
และเพื่อความเป็นอิสระในการสอบสวน และการทำความเห็นทางคดี ร่างฯใหม่จึง กำหนดตำแหน่งของข้าราชการตำรวจไว้ให้มีผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสาย งานสอบสวนโดยเฉพาะตั้งแต่ระดับหัวหน้าสถานีตำรวจหรือระดับกองกำกับการขึ้นไปจน ถึงระดับกองบัญชาการควบคู่กันไปกับตำแหน่งผู้บังคับบัญชาทั่วไป
ผู้บังคับบัญชาทั่วไปในแต่ละระดับยังคงมีหน้าที่และอำนาจสูงสุดในการบริหารหน่วยงาน เหมือนเดิม ยกเว้นแต่อำนาจและหน้าที่ในการสอบสวนและการทำความเห็นทางคดี ให้เป็นหน้าที่และอำนาจของผู้บังคับบัญชาสายงานสอบสวน
ส่วนการแต่งตั้งโยกย้าย และการเลื่อนเงินเดือนประจำปี แม้จะเป็นหน้าที่และอำนาจ ของผู้บังคับบัญชาทั่วไปในระดับกองบัญชาการและกองบังคับการ แต่จะต้องดำเนินการ ตามข้อเสนอของผู้บังคับบัญชาสายงานสอบสวน
เว้นแต่ในกรณีที่เห็นว่าข้อเสนอของผู้บังคับบัญชาสายงานสอบสวนมิได้เป็นไปตามหลัก เกณฑ์ตามที่กฎหมายหรือกฎก.ตร.กำหนด ให้ผู้บังคับบัญชาทั่วไปมีอำนาจสั่งให้ผู้ บังคับบัญชาสายงานสอบสวนทบทวนให้ถูกต้องตามที่กฎหมายหรือกฎก.ตร.กำหนดได้
ทั้งนี้ หากผู้บังคับบัญชาสายงานสอบสวนทบทวนแล้วยังยืนยันตามข้อเสนอเดิม แต่ผู้ บังคับบัญชาทั่วไปเห็นว่าการดำเนินการนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือกฎก.ตร. ให้ผู้บังคับบัญชาทั่วไปมีอำนาจออกคำสั่งให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือกฎก.ตร. แต่ไม่ตัด สิทธิผู้ได้รับผลกระทบจากคำสั่งดังกล่าวที่จะร้องทุกข์ต่อก.พ.ค.ตร.หรือฟ้องศาล ปกครองแล้วแต่กรณี
นอกจากนั้น ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสายงานสอบสวนที่ดำรงตำแหน่งตาม (8) (9) (10) (11) และ (12) เฉพาะที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำอยู่ที่สถานีตำรวจ ได้รับเงินเพิ่มเป็นกรณี พิเศษตามอัตราที่ก.ตร.กำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง โดยให้คำนึง ถึงค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานและการดำรงตนอยู่ในความยุติธรรมได้อย่างมีเกียรติโดย เทียบกับค่าตอบแทนที่รัฐจ่ายให้แก่ข้าราชการฝ่ายอื่นที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ประกอบด้วย
บทบัญญัตินี้มีอยู่แล้วในพ.ร.บ.ตำรวจฯฉบับปัจจุบัน แต่คณะกรรมการฯปรับแก้ให้เน้น เฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำอยู่ที่สถานีตำรวจ
เพื่อให้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดของรัฐลงตรงไปที่สถานีตำรวจอันเป็นหน่วยที่ใกล้ ชิดประชาชนที่สุด และเพื่อมิให้กำลังพลไปกระจุกตัวอยู่แต่เฉพาะในส่วนกลางโดยไม่ จำเป็น
นอกจากนั้น คณะกรรมการฯยังได้ย้อนกลับไปเพิ่มเติมหน้าที่และอำนาจของ ก.ตร. ให้กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำที่เกี่ยวกับกำลังพล อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการ ปฏิบัติหน้าที่ของสถานีตำรวจและกองบังคับการ ซึ่งอย่างน้อยต้องกำหนดอัตรากำลัง พลสายงานสอบสวนรวมทั้งสายงานป้องกันและปราบปรามให้เพียงพอต่อการปฏิบัติ หน้าที่
และให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐานดังกล่าวของก.ตร. โดย เฉพาะกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดและสถานีตำรวจภูธร
ทั้งนี้ เพื่อทำให้สถานีตำรวจมีความพร้อมในการรับใช้ประชาชนสูงสุดโดยเจ้าหน้าที่ ตำรวจไม่ต้องดิ้นรนหาเงินมาจ่ายเอง
ภาพ : เฟซบุ๊ก Kamnoon Sidhisamarn
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |