จเรตำรวจจี้ทุก บช.เร่งสะสางเรื่องร้องเรียน พบค้างเก่ากว่า 3,500 เรื่อง ทั้งทุจริตเบี้ยเลี้ยงโควิด บ่อนคลัสเตอร์ระบาด สั่งสอบร้อยเวรสามพรานเมินกระบะชนหงายท้องคาบ้านเป็นเดือน ชี้ไม่ใส่ใจความเดือดร้อนประชาชน
วันที่ 22 มิ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ได้เรียกประชุมเร่งรัดติดตามเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ข้าราชการตำรวจ ผ่านระบบประชุมทางไกล VDO Conference กับผู้แทนทุกกองบัญชาการทั่วประเทศ โดยมี พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช รอง จตช. พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ จตร. (หน.จต.) พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จตร. และผู้บังคับบัญชาระดับสูงของจเรตำรวจ รวมถึง รอง ผบช. ซึ่งทำหน้าที่จเรตำรวจของแต่ละกองบัญชาการเข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ติดตามเร่งรัดเรื่องร้องเรียนให้ถึงที่สุด โดยเฉพาะเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ เช่น กรณีทุจริตเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 กรณีบ่อนการพนันที่เป็นคลัสเตอร์โควิด-19 กรณีละเว้นการดำเนินการรถขนตู้สล็อตในเขต สภ.โชคชัย โคราช กรณี ตชด.รีดเงินและปล่อยตัวคดียาเสพติดในเขตจันทบุรี เป็นต้น รวมถึงเร่งรัดติดตามผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ของประชาชนและตำรวจที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อให้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างเป็นธรรมและสามารถตอบคำถามสังคม
พล.ต.อ.วิสนุกล่าวถึงกรณีสืบเนื่องจากช่วงเดือน พ.ค.2564 ทาง จตช.ได้สั่งการให้สำนักงานจเรตำรวจสำรวจสถิติเรื่องร้องเรียนที่ยังคงค้างอยู่ เพราะที่ผ่านมามีการร้องเรียนร้องทุกข์ ส่งเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ไม่เคยมีการติดตามผล และเรื่องที่เสร็จสิ้นไปแล้วปรากฏผลที่เป็นธรรมแก่ผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องอย่างไร ทำให้สังคมขาดความเชื่อถือและมีข้อสงสัยในการให้ความเป็นธรรมของตำรวจ จนต้องไปพึ่งพาหน่วยงาน องค์กร บุคคลอื่น ซึ่งปัญหานี้ ผบ.ตร.มอบหมายให้ จตช.เร่งติดตามแก้ไข โดยหลังการตรวจสอบพบว่ามีเรื่องร้องเรียนค้างเก่าของทุกกองบัญชาการ ในช่วงปี 2558-2564 (มิ.ย.) จำนวนถึง 10,154 เรื่อง มีการดำเนินการแล้วเสร็จ 6,614 เรื่อง เหลืออีก 3,540 เรื่อง โดยหลังจาก จตช.นำเข้าที่ประชุมบริหาร ตร. เมื่อ 25 พ.ค.2564 ซึ่งในที่ประชุม ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ทุกหน่วยไปเร่งรัดการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม จากนั้นเพียง 2 สัปดาห์ ปรากฏว่าทุก บช.ได้มีการดำเนินการเร่งรัดเรื่องคงค้าง จนลดไปแล้ว 580 เรื่อง
พล.ต.อ.วิสนุกล่าวอีกว่า ที่ประชุมครั้งนี้ได้สั่งการวางกรอบเวลาในการดำเนินการ การตรวจสอบต้องคำนึงทั้งปริมาณและคุณภาพข้อเท็จจริงด้วย นอกจากจะลดจำนวนเรื่องคงค้างแล้ว ต้องตอบคำถามสังคมได้หากประชาชนเห็นว่าไม่สามารถพึ่งพาตำรวจได้ ก็ต้องขอความช่วยเหลือด้วยวิธีอื่น เช่น พึ่งกระแสโซเชียล พึ่งสื่อมวลชน หรือหน่วยงานอื่นๆ ทำให้ตำรวจที่ตั้งใจทำงานส่วนใหญ่เสียหาย โดยเฉพาะเรื่องทุจริตของตำรวจ ที่ จตช.ตรวจสอบพบว่ามีมูลจนนำไปสู่การดำเนินการทางวินัยในขณะนี้ ต้องพิจารณาทัณฑ์ที่เหมาะสมกับความผิดอย่างตรงไปตรงมา เพราะต้องรายงานข้อมูลให้ ป.ป.ช.ทราบอีกชั้นหนึ่ง เช่น กรณี ป.ป.ช.สั่งดำเนินคดีอาญากับอดีต ผกก.สภ.ทุ่งสง กรณีทุจริตเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 รวมถึงชี้แจงแนวทางปฏิบัติระบบร้องเรียนออนไลน์ หรือ JCoMSเพื่อเร่งพัฒนาระบบให้ทำงานรองรับความเดือดร้อนของผู้ร้องได้อย่างเต็มที่ต่อไป
นอกจากนี้ จตช.นำกรณีการกระทำผิดระเบียบกฎหมาย การละเลย ไม่ใส่ใจต่อความเดือดร้อนของประชาชน มากำชับเป็นตัวอย่างในที่ประชุม ได้แก่ การนำรถของกลางคดีไปใช้ส่วนตัวของตำรวจ สน.บางนา โดยพลการ และกรณีข่าวล่าสุด เมื่อ 21 มิ.ย. ข่าวประชาชนร้องผ่านสื่อมวลชนว่า มีอุบัติเหตุรถยนต์กระบะแหกโค้งพลิกหงายท้องทับกำแพงบ้านเสียหาย ตั้งแต่ 3 พ.ค.2564 แต่คนขับหลบหนี ซึ่งแจ้งความตำรวจ สภ.สามพรานแล้ว แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ ซึ่ง จตช.ได้สั่งการให้รอง ผบช.ภ.7 เร่งแก้ปัญหาและตรวจสอบข้อบกพร่องของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่เพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของประชาชน แล้วให้รายงานผลให้ทราบโดยเร็ว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |