“ศรีสุวรรณ” ไม่รอช้า เตรียมยื่นเรื่อง “ประยุทธ์” ให้ชงเรื่องศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมายลูกว่าด้วย ป.ป.ช. สำทับหากนิ่งเฉยเจอละเว้นแน่ “สนช.” กัดฟันประชุมล่ารายชื่อบ้าง แต่ออกแนวลูกเกรงใจ กลัวตบหน้าเสียงส่วนใหญ่ “พท.-ปชป.” เอาแน่ยื่นพิเคราะห์คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ขัด รธน.2560

เมื่อวันอาทิตย์ ยังคงมีการแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่องในร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ..... ที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2560 โดยเฉพาะในบทเฉพาะกาล มาตรา 185 ที่ไม่รีเซตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 232 รวมทั้งการกำหนดวาระของ ป.ป.ช.เป็น 9 ปี ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ.2542 ทั้งที่รัฐธรรมนูญมาตรา 233 กำหนดอายุไว้เพียง 7 ปี

            โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ระบุว่า มติการผ่านร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช.ของ สนช.น่าจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 232 และมาตรา 233 โดยชัดแจ้ง แต่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และ สนช.กลับไม่มีมาตรการที่จะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเสียก่อนแต่อย่างใด สมาคมจึงจะนำคำร้องไปยื่นต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 148 (2) ให้จัดส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว ซึ่งหากนายกฯ ไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ สมาคมฯ ก็จำฟ้องร้องต่อศาลฐานละเลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

            “สมาคมจะเดินทางไปยื่นคำร้อง ณ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนทำเนียบรัฐบาล บริเวณตึก ก.พ.ร.เดิม ตรงข้ามประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ในวันจันทร์ที่ 15 ม.ค. เวลา 10.30 น.” นายศรีสุวรรณระบุ

            ด้านนายสมชาย แสวงการ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้จะไปหารือกับสมาชิก สนช. ถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ทำหนังสือถึงประธาน สนช. ให้ส่งตีความบทเฉพาะกาลของร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ ป.ป.ช.ในประเด็นการดำรงตำแหน่งที่มีการยกเว้นลักษณะต้องห้าม เพื่อให้เรื่องยุติ และหยุดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ และข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น หากศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญ สนช.จะได้รับกลับมาแก้ไข หากไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก็ส่งดำเนินการตามกระบวนการ

สนช.ออกลูกเกรงใจ

“แม้ตัวเองจะสนับสนุนให้ยื่นตีความ แต่ขอยืนยันในความเห็นส่วนตัวมองว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ส่วนช่วงระยะเวลาจะยื่นเรื่องไปที่ศาล ที่ต้องใช้สมาชิก 1 ใน 10 หรือ 25 คนนั้น คาดว่าการกระทำได้ในเวลา 5 วันก่อนนายกฯ นำเสนอทูลเกล้าฯ ถวาย หลังจากได้รับร่างกฎหมายจากประธาน สนช.มาแล้ว ซึ่งขณะนี้ กรธ.ได้ยืนยันมาแล้วว่าไม่ขอตั้งคณะ กมธ. 3 ฝ่าย เพราะไม่เห็นว่ากฎหมายนี้ขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ขณะที่ ป.ป.ช.ก็ทราบอย่างไม่เป็นทางการว่าจะไม่เสนอให้ตั้งคณะ กมธ. 3 ฝ่ายเช่นกัน ซึ่งหนังสือยืนยันของ ป.ป.ช.จะถึง สนช. ภายในวันที่ 15 ม.ค.นี้  และประธาน สนช.ก็จะตรวจสอบร่างกฎหมายดังกล่าวไม่เกิน 2 สัปดาห์ก่อนส่งให้นายกฯ ต่อไป หรือในช่วงปลายเดือน ม.ค.หรือต้นเดือน ก.พ.นี้” นายสมชายกล่าว 

นายสีมา สีมานันท์ สนช.และ กมธ.ร่าง พ.ร.บ.รัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. กล่าวว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่าควรยื่นหรือไม่ แต่ถ้าเป็นประเด็นสำคัญ ก็อยากให้ประชุมเพื่อหารือตามขั้นตอนของสภาว่าจะยื่นหรือไม่ยื่น

แหล่งข่าวจาก สนช.กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครเป็นแกนนำในการขอชื่อสมาชิกเพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างกฎหมาย ป.ป.ช.ประเด็นยกเว้นลักษณะต้องห้ามขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะหลายคนเห็นว่าต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ของสภาที่ลงมติเห็นด้วยไปแล้ว ประกอบกับ กมธ.เสียงส่วนใหญ่พิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวแล้ว ว่าความจริงลักษณะต้องห้ามที่ สนช.โหวตยกเว้นนั้น ตามรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาทั้งปี 40 และปี 50 บัญญัติไว้ในคุณสมบัติกรรมการ ป.ป.ช. เพียงแต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกลับเขียนแยกออกจากคุณสมบัติและกำหนดเป็นลักษณะต้องห้าม ดังนั้นจึงทำให้เกิดการตีความว่าการยกเว้นลักษณะต้องห้ามไม่ถูกต้อง ซึ่งนายกล้านรงค์ จันทิก กมธ.เสียงส่วนใหญ่อธิบายว่า ถ้าลักษณะต้องห้ามดังกล่าวเขียนไว้ที่เดียวกัน ก็ยกเว้นได้เหมือนกัน ไม่ได้แตกต่าง

วันเดียวกัน นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พรรคเตรียมยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ที่บัญญัติว่า บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ มีสิทธิยื่นคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อมีคําวินิจฉัยว่าการกระทํานั้นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากมองว่าคำสั่ง คสช.ดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญต่อสมาชิกพรรค

พท.-ปชป.ยื่นศาลตีความ

“คำสั่งดังกล่าวยังไม่มีเหตุผลอันสมควร พรรคจึงเตรียมยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย รวมทั้งจะยื่นเรื่องต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินด้วยเช่นกัน เพื่อให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาว่าคำสั่งดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ด้วย โดยจะยื่นเรื่องในวันพุธที่ 17 ม.ค.นี้” นายชูศักดิ์กล่าว

ด้านนายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวในประเด็นนี้ว่า ในสัปดาห์นี้ฝ่ายกฎหมายพรรคจะตรวจทานความถูกต้องของเอกสารอีกครั้ง ก่อนใช้ช่องทางของผู้ตรวจการแผ่นดินในการยื่นตีความในนามพรรค โดยหากสมาชิกและฝ่ายกฎหมายจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป.ก็ไม่ได้ขัดข้องที่จะใช้ 2 ช่องทางยื่นตีความ โดยจะยื่นคำร้องภายในเดือน ม.ค.นี้

สำหรับความเคลื่อนไหวในการพิจารณา พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น นายวันชัย สอนศิริ สนช. ในฐานะกรรมการพิจารณากฎหมายดังกล่าวระบุว่า เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนให้มีมหรสพได้ในการหาเสียงเลือกตั้ง เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ สามารถสร้างความตื่นตัวตื่นตาตื่นใจ และทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งคึกคัก เป็นการปลุกให้ประชาชนสนใจการเมือง มีส่วนรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากผู้สมัครได้อย่างทั่วถึง ดีกว่าที่ถึงเวลาก็มาหย่อนบัตรเท่านั้น ซึ่งเรามักกล่าวหาโจมตีกันว่าประชาธิปไตย 4 วินาทีคือแค่ตอนเลือกตั้ง นอกนั้นนอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็น วิธีการนี้นี่แหละจะเป็นส่วนสนับสนุนส่งเสริมการเลือกตั้งยุคปฏิรูปเพื่อการเปลี่ยนแปลง

            “ในเมื่อเรามีกฎหมาย หลายบทหลายมาตราควบคุมกำกับดูแลการใช้เงินและกำหนดวงเงินของผู้สมัครอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะไปห้ามผู้สมัครที่จะสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนมาฟังการหาเสียง เพราะจะมีมหรสพใดประกอบการหาเสียงก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว ขนาดวัดวาอารามจะทำบุญสุนทานชักชวนญาติโยมเข้าวัดยังมีมหรสพให้ดู บุญก็คือบุญ การแสดงก็คือการแสดง เลือกตั้งก็คือการเลือกตั้ง อย่าไปห่วงเรื่องมหรสพเลย ห่วงแต่ว่าให้เลือกคนดี ให้เลือกพรรคดีเป็นพอ ส่วนใครจะมีหรือไม่มีมหรสพก็ไม่ได้บังคับ อย่าคิดมาก อย่าเลอะเทอะ” นายวันชัยกล่าว