21 มิ.ย. 64 - นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศทั่วประเทศเป็นเหมือนสัญญาประชาคมว่าจะเปิดประเทศไทยใน 120 วันซึ่งจะตรงกับวันที่ 14 ตุลาคม 2564 และจะมีวัคซีน 105.5 ล้านโดส มาฉีดให้ประชาชนก่อนเปิดประเทศ ก็อยากให้ทำให้สำเร็จเพื่อเศรษฐกิจไทยจะได้เริ่มลืมตาอ้าปากได้บ้าง แต่เนื่องจากที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ ล้มเหลวในการบริหารและผิดคำพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ รักษาสัญญาประชาคมโดยเอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเป็นประกัน หากทำไม่ได้หรือล้มเหลวอีก จะต้องประกาศไม่ดำรงตำแหน่งอีกต่อไปทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งน่าจะพอทำให้ประชาชนมีความมั่นใจขึ้นมาได้บ้าง เพราะพลเอกประยุทธ์ แทบจะไม่เหลือเครดิตให้ประชาชนเชื่อถือได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะพูดอย่างไร จากความผิดพลาดซ้ำซ้อนที่ผ่านมา
"อย่าให้ประชาชนคิดว่า เพราะพี่โทนี่ประกาศในคลับเฮ้าส์ว่าจะเปิดประเทศได้ใน 6 เดือนจึงทำให้พลเอกประยุทธ์ เต้นตามและประกาศ 120 วันเพียงเพื่อเบิลบลัฟพี่โทนี่ แต่พลเอกประยุทธ์กลับไม่ได้มีแผนงานอะไรรองรับ ไม่ต่างจากการกู้เงิน 7 แสนล้าน แล้วลดการกู้มา 5 แสนล้านได้เพราะไม่ได้มีแผนงาน กู้มาก่อนแล้วค่อยคิด แต่การเปิดประเทศจะยากกว่ามากเพราะต้องเตรียมความพร้อมหลายด้านที่พลเอกประยุทธ์ อาจจะไม่มีความสามารถที่จะคิดได้ครบและอาจจะทำได้ไม่ทัน" นายพิชัย ระบุ
ยังไม่ทันไรนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ได้ออกมาประกาศว่า 120 วันนี้ นับจากวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งไม่ตรงกับที่พลเอกประยุทธ์ ประกาศไว้ ซึ่งเท่ากับไม่เชื่อว่าพลเอกประยุทธ์ จะเปิดประเทศได้ใน 120 วันจริง ซึ่งเท่ากับเป็นการตบหน้าพลเอกประยุทธ์อย่างแรง และต่อมาโฆษกรัฐบาลยังตบหน้าพลเอกประยุทธ์ ซ้ำอีกโดยประกาศว่าไม่ใช่เป็นการเคาท์ดาวน์แต่เป็นแค่หลักการ ยิ่งทำให้เครดิตของพลเอกประยุทธ์ ที่มีน้อยอยู่แล้วต้องกลายเป็นเครดิตติดลบทันที ดังนั้นตนจึงอยากเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ ออกมายืนยันคำพูดของตัวเองที่เป็นสัญญาประชาคมไปแล้วว่าประเทศไทยจะเปิดประเทศได้ในวันที่ 14 ตุลาคม โดยเอาตำแหน่งมาเป็นประกัน ซึ่งหากทำไม่ได้จริงก็ต้องลาออกไปและไม่ต้องกลับมาอีก แต่ถ้าจะกลับคำพูดก็ควรออกมาประกาศเองเพื่อขอโทษประชาชนที่พูดเพียงเพราะต้องการจะเอาชนะพี่โทนี่เท่านั้น แต่วิธีคิดและวิธีบริหารคงสู้ไม่ได้ เลยจะขอถอนสัญญาประชาคม แล้วดูว่าประชาชนจะว่าอย่างไร เพราะทุกวันนี้ก็มีแต่ข่าวคนหมดตัว และหมดหวังกับพลเอกประยุทธ์กันแทบทั้งประเทศแล้ว ขนาดคลิปเจ้าของโกดังชาบูที่ต้องหมดตัวและออกมาระบายถึงพลเอกประยุทธ์ คนยังเข้าดูหลายล้านคน
นายพิชัย กล่าวว่า การเร่งเปิดประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วเป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็น เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็วซึ่งส่งผลกระทบทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสูง ราคาสินค้าเริ่มมีราคาสูงขึ้นอย่างมาก โดยราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นไปอีก ในสหรัฐอัตราเงินเฟ้อได้พุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปีหรือเงินเฟ้อสูงขึ้นถึง 5 % และเศรษฐกิจสหรัฐปีนี้จะขยายตัวได้ถึง 7% หลังจากปีที่แล้วติดลบที่ -3.5% ซึ่งทำให้คาดการณ์กันว่าดอกเบี้ยในสหรัฐอาจจะต้องขึ้นเร็วกว่าที่คาดกันไว้เดิม โดยอาจต้องขึ้นดอกเบี้ยในต้นปีหน้าเลย ซึ่งทั้งอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบมาถึงเศรษฐกิจไทยอย่างแน่นอน ซึ่งหากเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัวไม่มีทิศทางที่จะฟื้นตัว อัตราการว่างงานยังสูง แต่ต้องมาเจอกับภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะผลักให้เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน หรือ Stagflation ได้ ซึ่งเป็นสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่และน่ากลัวที่สุด ซึ่งอาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่อยู่แล้ว ต้องย่ำแย่ต่อเนื่องไปอีกหลายปีกว่าจะหลุดพ้นได้ ประชาชนจะยิ่งลำบากกันอย่างแสนสาหัส ซึ่งจะเป็นภาวะข้าวยากหมากแพงของจริง และหนี้ต่างๆทั้ง หนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน หนี้ธุรกิจ หนี้เสียธนาคาร แม้กระทั่งหนี้นอกระบบ จะต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น แต่รายได้กลับน้อยลง หรืออาจจะไม่มีรายได้เลย หนี้สินจะยิ่งพุ่งสูงขึ้นทั้งในภาครัฐและในภาคเอกชน
อย่างไรก็ดี การที่จะเปิดประเทศได้ต้องมีแผนรองรับทั้งแนวทางสาธารณสุขและแนวทางการฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ ต้องคิดให้ครบทั้ง 2 ด้าน โดยแนวทางสาธารณสุขยังเป็นปัญหาอย่างมาก คนติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นกว่า 3 พันคนทุกวัน และมีคนตายวันละ 20-30 คนทุกวัน และยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง วัคซีนก็ยังขาดแคลนและยังไม่มีหมายกำหนดการที่ชัดเจน อีกทั้งวัคซีนมีให้เลือกจำกัด โดยมีข้อมูลจำนวนมากยืนยันว่าวัคซีนซิโนแวกที่พลเอกประยุทธ์ มีแผนงานจะฉีดให้ประชาชนเพิ่มอีกหลายสิบล้านโดส จะไม่สามารถป้องกันไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าที่มาจากประเทศอินเดียได้ และไวรัสสายพันธุ์นี้จะระบาดมากในไทย เหมือนกับที่ประเทศชิลีที่มีประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนแล้วกว่าครึ่งประเทศแล้วแต่ใช้วัคซีนซิโนแวคเป็นวัคซีนหลักกว่า 70% แต่ไม่สามารถควบคุมการระบาดของไวรัสได้ ต้องกลับไปปิดประเทศอีก อีกทั้งยังมีไวรัสที่กลายพันธุ์แล้วอีกหลายสายพันธุ์ที่วัคซีนที่พลเอกประยุทธ์เลือกมาอาจจะป้องกันไม่ได้เลย ทั้งที่วัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นามีราคาใกล้เคียงกันแต่มีประสิทธิภาพการป้องกันสูงกว่าแต่รัฐบาลกลับไม่ซื้อ ไม่แน่ใจว่าเพราะสหรัฐมีนโยบายห้ามการจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันหรือไม่ จึงไม่ยอมสั่งวัคซีนจากสหรัฐที่มีคุณภาพดีกว่าเข้ามา นอกจากนี้การกระจายการฉีดให้ครบ 100 ล้านโดสเพื่อจะเปิดประเทศได้ จะทำได้อย่างไร ภายใต้การบริหารของพลเอกประยุทธ์ ไม่ใช่จะฉีดเฉพาะคนงานของบริษัทไทยเบฟฯตามที่เป็นข่าวและต้องยกเลิกไปเพราะถูกตำหนิอย่างมาก
"ส่วนแนวทางการฟื้นเศรษฐกิจนี้ ตนและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ได้บอกไปมากแล้วและยังมีอีกมาก โดยจะต้องคิดและทำหลายๆ ด้านไปพร้อมๆ กัน ซึ่งไม่แน่ใจว่าพลเอกประยุทธ์ จะเข้าใจไหม อาจจะต้องขอให้พี่โทนี่สอนอีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องที่จะฟื้นเศรษฐกิจไทยได้ใน 6 เดือน พลเอกประยุทธ์ จะได้เต้นตามก็น่าจะเป็นประโยชน์ โดยปัจจุบันพลเอกประยุทธ์ คิดได้เพียงแค่การเปิดโรงรับจำนำเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มหนี้ให้ประชาชนมากขึ้น แต่ไม่ได้คิดวิธีสร้างรายได้เพื่อมาใช้หนี้ได้ ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ ได้เอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาจำนำไว้ หากเปิดประเทศและฟื้นเศรษฐกิจไม่ได้ก็น่าจะต้องยึดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคืนได้แล้ว เพราะทำประเทศไทยแหลกเหลวมานานแล้ว ส่วนจะคิดดอกเบี้ยทบต้นกันอย่างไร ก็แล้วแต่ประชาชนส่วนใหญ่จะเห็นควร" รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ ระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |