อิบราฮิม ไรซี นักการศาสนาหัวอนุรักษนิยมสุดขั้วชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอิหร่านตามความคาดหมาย สื่ออิหร่านยกยอเป็นรุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ขณะรัฐบาลสหรัฐตั้งแง่เลือกตั้งไม่เสรีไม่ยุติธรรม อิสราเอลระบุเป็นประธานาธิบดีอิหร่านคตินิยมสุดโต่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา

    รายงานเอเอฟพีเมื่อวันอาทิตย์กล่าวว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของอิหร่านเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาประกาศผลการนับคะแนนในวันเสาร์ โดยไรซี ประธานศาลสูงสุดอายุ 60 ปี ได้คะแนนมากเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาผู้สมัครที่ถูกตัดจนเหลือเพียง 4 คน จากการคัดเลือกโดยสภาผู้พิทักษ์ที่ประกอบด้วยนักการศาสนาและตุลาการหัวอนุรักษนิยม 12 คน

    ไรซี ซึ่งเป็นนักการศาสนาที่ถูกมองว่าเป็นลูกศิษย์ที่จะสืบทอดตำแหน่งต่อจากอยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านวัย 81 ปี จะเข้ารับตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ผู้นำสายกลางที่ทำหน้าที่ครบสองวาระรวม 8 ปี ในเดือนสิงหาคมปีนี้

    สื่อหัวอนุรักษ์ของอิหร่านพากันยกย่องชัยชนะของเขา หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เรซาลัตเดลยกชัยชนะของไรซีที่ได้คะแนนสนับสนุน 62% ว่าเป็น "รุ่งอรุณแห่งยุคสมัยใหม่" ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงจากรัฐบาลของโรฮานีที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ทางการเมืองและความวุ่นวายกับการท้าทายในประเทศและนอกประเทศที่ไร้ประโยชน์

    ส่วนหนังสือพิมพ์สายกลางอย่าง จุมฮูรีเอสลามี ชี้ว่า ด้วยชัยชนะของไรซีทำให้ตอนนี้ฝ่ายอนุรักษนิยมกระชับอำนาจมั่นแล้ว ตั้งแต่สภาผู้แทนราษฎร, สภาผู้พิทักษ์ ไปจนถึงระบบศาลยุติธรรมและกองทัพ

    จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิที่คาดการณ์กันว่าจะต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์นั้น สุดท้ายอยู่ที่ 48.8% เป็นสถิติต่ำที่สุดของการเลือกตั้งประธานาธิบดีอิหร่านนับแต่ปฏิวัติอิสลามโค่นระบอบกษัตริย์ที่สหรัฐหนุนหลังเมื่อปี 2522

    บรรดาชาติพันธมิตรต่างแสดงความยินดีกับเขา ทั้งรัสเซีย, ตุรกี และชาติอาหรับหลายประเทศ รวมถึงที่ขาดไม่ได้คือประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด ของซีเรีย, กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอน และกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา

    ด้านกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐแถลงภายหลังไรซีชนะเลือกตั้งว่า สหรัฐจะยังคงเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านต่อไป และทำงานร่วมกับประเทศพันธมิตรและหุ้นส่วนความร่วมมือต่างๆ แต่โฆษกของกระทรวงยังไม่วายกล่าวโจมตีการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ชาวอิหร่านถูกปฏิเสธสิทธิในการเลือกผู้นำของพวกเขาในกระบวนการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม

    กระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลก็กล่าวหนักไม่แพ้กัน โดยโฆษกกระทรวงกล่าวว่า รัฐอิสลามอิหร่านเลือกผู้นำคตินิยมสุดโต่งที่สุดจนถึงขณะนี้ และว่า ไรซีมุ่งมั่นกับโครงการนิวเคลียร์ทหารที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของอิหร่าน การเลือกเขาแสดงถึงเจตนาร้ายที่แท้จริง และควรทำให้ประชาคมระหว่างประเทศกังวลอย่างมาก

    นายกฯ นัฟตาลี เบนเนตต์ ของอิสราเอล กล่าวในวันอาทิตย์ว่า การเลือกไรซีเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับชาติมหาอำนาจโลกที่จะตื่นขึ้นก่อนจะกลับเข้าสู่การทำข้อตกลงนิวเคลียร์ และเพื่อทำความเข้าใจว่ากำลังทำธุรกิจอยู่กับใคร

    กระนั้น นักวิเคราะห์จากหน่วยงานคลังสมอง ยูเรเซียกรุ๊ป มองว่า ชัยชนะของไรซีน่าจะไม่ส่งผลทำให้การเจรจาที่ดำเนินอยู่ในกรุงเวียนนาเพื่อกอบกู้ข้อตกลงนิวเคลียร์ต้องหยุดชะงักลง แม้จะเตือนว่า ทัศนะต่อต้านตะวันตกและแข็งกร้าวของไรซีนั้นแตกต่างอย่างมากจากโรฮานี และจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อความสัมพันธ์ของอิหร่านกับโลกภายนอก.