ไม่รู้ว่าไปถึงไหนต่อถึงไหนกันมั่งแล้ว!!!...สำหรับชาติ บ้านเมือง ช่วงนี้ คือหลังๆ มานี้ต้องสารภาพเอาตรงๆ ว่า ไม่ได้คิดจะลงไปเจาะลึก ฟัดข่าว ขยี้ข่าว หยิบเอารายละเอียดต่างๆ มาพินิจ พิเคราะห์ ไม่ว่าจะในสภาฯ-นอกสภาฯ ไทยทน-ไทยไม่ทนใดๆ ก็แล้วแต่ แค่ได้มองห่างๆ แบบเว้นระยะห่าง พอให้เห็นภาพรวมๆ โดยรวม ก็พอแล้ว...
--------------------------------------------
คืออาจด้วยเหตุอย่างที่ ซี้แหง-ย่ำปึ้ก ของอันตัวข้าพเจ้าเอง ผู้มีนามกรว่า เสธ.ชิ หรือพลเอก สุรพล ชินะจิตร อดีตเสนาธิการทหารยุคท่านประธานองคมนตรี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ยังไต่ระดับเป็นแค่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดโน่นเลย ท่านได้พูดเอาไว้ หลังเกษียณ เมื่อหลายต่อหลายปีที่แล้วนั่นแหละว่า อะไรต่อมิอะไรหลายอย่างในบ้านเมือง มันอาจเลยขีดความสามารถ เลยวัย เลยภาระหน้าที่และความรับผิดชอบของหมู่เฮาไปนานแล้ว การเว้นระยะห่าง ถอยออกมาห่างๆ แล้วมองกลับไปให้เห็นภาพโดยรวม ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เหมาะสม เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับวัย มากกว่าการโหยหวน ครวญคราง แบบประเภท... ช่วยหามลุง-ไปตีกะมันที อะไรทำนองนั้น...
----------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...ก็เลยไม่คิดจะไปหาข้อสรุปในเรื่องรายละเอียดต่างๆ ที่ออกจะมีอยู่เยอะแยะ มากมาย ไม่ว่าเรื่องรัฐมนตรีแป้ง-ไม่แป้ง ที่เห็นว่ากำลังจะยกระดับ ขึ้นชั้น เป็นถึง เลขาธิการพรรค ตามสูตร โจรจับโจร ไปโน่นเลย เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อกลับไปใช้บัตร 2 ใบ หรือยังคง 1 ใบ โดยมิอาจลุกลามไปถึงเรื่องอื่นๆ ได้โดยเด็ดขาด หรือเรื่องไทยทน-ไทยไม่ทน ที่กะจะระดมผู้คนออกมาเป็นล้านๆ โดยจะล้านแบบ สุทธิชัย หรือล้านแบบ ท่านขุนน้อย ก็แล้วแต่ ฯลฯ ที่ว่าไปแล้ว น่าจะไม่ถึงกับส่งผลให้ ภาพรวม ทางการเมืองเปลี่ยนแปลงไปซักกี่มาก-น้อย หรือคงต้อง อยู่ๆ กันไป จนกว่าท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา ท่านจะ ผมพอแล้ว นั่นเอง...
---------------------------------------------
ส่วนในเรื่อง โควิด-ไม่โควิด นั้น...เห็นตัวเลขแวบๆ ว่ายังคงระดับอยู่ที่ประมาณ 3,000 กว่าๆ สำหรับบรรดาผู้ติดเชื้อ โดยจะก่อให้เกิด ผลกระทบ หรือ ผลข้างเคียง ต่อความหวัง ความปรารถนาและต้องการ ของท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ที่กะจะ เปิดประเทศ ภายใน 120 วันให้จงได้ หรือไม่ อย่างไร ก็ยากที่จะไปประเมิน ไปหาข้อสรุปกันได้ง่ายๆ เพราะถ้าหากว่ากันในภาพรวม โดยรวม อะไรต่อมิอะไรหลายต่อหลายอย่างในบ้านนี้ เมืองนี้ มันคงหนีไม่พ้นต้องขึ้นอยู่กับ พลังใจ หรือ พลังศรัทธา ของผู้คนภายในชาติบ้านเมืองด้วยกันเองนั่นแหละ ว่าจะแน่นเหนียว มั่นคง อยู่ยั้ง ยืนยง ไปได้ถึงขั้นไหน...
-------------------------------------------
อย่างที่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ปัจจุบัน ท่านทรงพยายามย้ำแล้ว ย้ำอีก เอาไว้นั่นแหละ ว่าจะต้องเริ่มต้นด้วย ขันติธรรม ถึงจะนำไปสู่ สามัคคีธรรม ได้อย่างแท้จริง โดยถ้าหาก สามัคคีธรรม สามารถอุบัติขึ้นมาอย่างเป็นจริง เป็นจังได้แล้ว ก็แทบไม่ต้องเสียเวลาไปปวดเศียร เวียนเกล้า ในเรื่องรายละเอียด เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อีกต่อไป เพราะมันจะนำมาซึ่ง เครือข่ายป้องกันทางสังคม ที่แข็งแกร่ง คงทน เอามากๆ ไม่ต่างไปจาก ป้อมปราการ ที่มิมีผู้ใดจะตีแตก แต่ถ้าหากเพียงแค่จุดเริ่มต้น หรือเพียงแค่ ขันติ ดันต้องกลายเป็น ขันแตก หรือ ขันรั่ว ไปซะก่อนแล้ว อันนี้...คงต้องตัวใครก็ตัวมัน กันไปตามสภาพ...
--------------------------------------------
คือถ้าว่าไปแล้ว... สังคมไทย คงไม่ได้ต่างไปจากสังคมอื่นๆ มากมายซักเท่าไหร่นั่นแหละทั่น แม้จะมีรายละเอียดผิดแผกกันไปมั่งในบางเรื่อง บางกรณี คือเป็นสังคมที่กำลังเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง อันมีที่มาจากจุดยืน ทัศนคติ วิธีคิด วิธีการ ที่ออกจะเป็นไปในแบบ คนละเรื่อง-คนละม้วน ระหว่าง คนรุ่นเก่า กับ คนรุ่นใหม่ หรือระหว่าง เด็ก กับ ผู้ใหญ่ ที่ต่างเติบโต ต่างก่อกำเนิดขึ้นมาภายใต้สภาวะแวดล้อมที่แทบจะไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง บรรดามุมมองต่างๆ ที่มีต่อวัฒนธรรม ประเพณี ไปจนถึงแม้แต่ศาสนา ฯลฯ ย่อมเป็นอะไรที่ยากจะต่อติดกันได้ง่ายๆ ด้วยเหตุนี้...จึงแทบไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ หรือเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ใดๆ ก็แล้วแต่ ว่ามันจะนำมาซึ่ง ช่องว่าง ไปได้ถึงขั้นไหน...
-----------------------------------------------
และสิ่งที่มิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้อีกเช่นกัน...หรืออาจถือเป็น ธรรมชาติทางการเมือง เอาเลยก็ว่าได้ ที่จะต้องมีผู้ซึ่งคิดนำเอาบรรดา ช่องว่าง เหล่านี้ ไปใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ ตัวกู-ของกู พรรคของกู พวกของกู หรือฝ่ายของกู ไม่ว่ามากหรือน้อย ไม่ว่าเป็นระบบ-ไม่เป็นระบบ เป็นกระบวนการ-ไม่เป็นกระบวนการ ก็แล้วแต่ การประคับประคองไม่ให้ความผิดแผก แตกต่าง เหล่านี้ มันกลายเป็นความแตกหัก หรือแตกแยก จึงย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ พลาดเมื่อไหร่ เผลอเมื่อไหร่ โอกาสที่มันจะลุกลาม บานปลาย จนนำมาซึ่ง ความเปลี่ยนแปลง แบบชนิดพลิกหน้ามือ-เป็นหลังตีน พลิกฟ้าและคว่ำดิน ย่อมเป็นไปได้เสมอๆ...
-------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ความเป็นรัฐบาล หรือบทบาทของรัฐบาล ต่อความเป็นไปของบ้านเมืองในช่วงระหว่างนี้ จึงเป็นอะไรที่สามารถส่งผลบวก-ผลลบ ต่อสถานการณ์โดยรวมได้อย่างเป็นเรื่อง-เป็นราว หรืออย่างที่แม้แต่รัฐบาลเองก็อาจแทบไม่รู้ตัว ว่าตัวเองเป็น ผู้แก้ปัญหา หรือเป็น ส่วนหนึ่งของปัญหา เอาเลยก็ไม่แน่!!! ดังนั้น...แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างคงพอ อยู่ๆ กันไป ได้อีกซักพักใหญ่ๆ แต่ก็คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้นั่นแหละว่า บรรดา ช่องว่าง ดังกล่าว นอกจากมันจะไม่ขยับเข้ามา ลดความห่างระหว่างหุบเหวกับท้องฟ้าลงไปได้มั่งแล้ว มันชักทำท่าว่าจะเริ่มแผ่ซ่าน ซึมลึก จนแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถถูกหยิบเอามาใช้เป็นตัวบั่นทอน พลังใจ หรือ พลังศรัทธา ของผู้คนในสังคม ได้ยิ่งเข้าไปทุกที...
----------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Andy Warhol... “They always say time changes things, but you actually have to change them yourself. - มักพูดกันว่า...กาลเวลาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง แต่จริงๆ แล้ว...คุณนั่นแหละต้องเปลี่ยนทุกสิ่งด้วยตัวของคุณเอง”...
------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |