จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะการระบาดในระลอกที่ 3 ที่ต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง และรุนแรงมากขึ้น จากจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันที่ยังอยู่ในระดับสูง แม้รัฐบาลจะเร่งการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แต่ก็ดูเหมือนจะยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ผลกระทบจากมาตรการที่รัฐบาลใช้ในการควบคุมการแพร่ระบาดสร้างความเสียหายให้กับทั้งภาคธุรกิจและประชาชน หลายส่วนยังคงต้องการความช่วยเหลือ โดยเฉพาะ “ลูกหนี้” ที่หลายส่วนมีความเปราะบางด้านการเงินสะสมมาตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ระลอกแรกเมื่อต้นปี 2563
ล่าสุด “ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)” ได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ระยะที่ 3 ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ มาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ด้วยการเพิ่มทางเลือกการพักชำระค่างวด ขณะที่ลูกหนี้จำนำทะเบียนรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงก็มีทางเลือกในการ “คืนรถ” ด้วย หากมีภาระหนี้คงเหลือจากการขายประมูล เพื่อลดการฟ้องร้อง และผู้ให้บริการทางการเงินสามารถช่วยลดภาระหนี้ให้สอดคล้องกับสถานะของลูกหนี้ เช่น ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ หรือลดค่างวด เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ได้
ก่อนหน้านี้ อีกหนึ่งหน่วยงานที่หันมาให้ความสนใจกับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถคือ “ธนาคารออมสิน” ที่เมื่อปลายปี 2564 ได้ตัดสินใจร่วมลงทุนกับบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เพื่อทำธุรกิจจำนำทะเบียนรถ แต่มีสิ่งที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร นั่นคือ การคิดอัตราดอกเบี้ยในระดับไม่เกิน 18% ก่อนที่ท้ายที่สุดจะเคาะอัตราดอกเบี้ยสุดว้าวสำหรับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ ที่ 14.99% ต่อปี หรือ 0.69% ต่อเดือน ในขณะที่ตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ คิดอัตราดอกเบี้ยกันอยู่ที่ระดับ 24-28% เรียกว่าเรียกเสียงฮือฮาจากประเด็นนี้ได้อยู่ไม่น้อย!
วิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ระบุถึงสาเหตุที่ร่วมลงทุนกับศรีสวัสดิ์ เพราะบริษัทมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจจำนำทะเบียนมามากกว่า 40 ปี มีสาขากว่า 5 พันแห่งทั่วประเทศ และมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 จากจำนวนลูกค้าในธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนกว่า 3 ล้านราย คิดเป็นวงเงิน 1.12 แสนล้านบาท ขณะที่ธนาคารออมสินที่มีสาขากว่า 1 พันสาขาทั่วประเทศ จะสามารถใช้ประโยชน์ตรงนี้ร่วมกันได้
ด้วยบทบาทของการเป็นธนาคารเพื่อสังคม ดังนั้นธนาคารออมสินจึงมีหน้าที่สำคัญในการเร่งเพิ่มช่องทางช่วยเหลือประชาชนหรือผู้ที่ขาดสภาพคล่อง เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินต้นทุนต่ำและได้รับเงินเร็ว อีกทั้งเป็นการสนองนโยบายรัฐบาลในการช่วยประชาชนกลุ่มฐานรากที่ได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบในครั้งนี้
“ธนาคารมีเป้าหมายที่จะผลักดันภารกิจธนาคารเพื่อสังคม เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้ง่าย ด้วยต้นทุนที่เป็นธรรมหรือถูกลง ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนจากการแบกรับค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษในระยะ 3 เดือนแรก ที่ระดับ 14.99% ต่อปี หรือ 0.69% ต่อเดือน หลังจากนั้นในระยะยาวอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับขึ้นมาเป็น 16-17% ซึ่งถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับภาพรวมตลาด”
โดยเริ่มแรก ธนาคารออมสินเตรียมวงเงินสำหรับธุรกิจจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท สำหรับปล่อยกู้ทั้งลูกค้ารายใหม่และรีไฟแนนซ์ ซึ่งมีการประเมินว่าวงเงินดังกล่าวจะสามารถปล่อยกู้ให้ลูกค้าได้ประมาณ 8 แสน-1 ล้านราย เฉลี่ยรายละ 2-3 หมื่นบาท ด้วยระยะเวลาการผ่อนสูงสุด 48 งวด
วิทัย มองว่า การกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 14.99% ต่อปีนั้น น่าจะสามารถช่วยสร้างแรงกระเพื่อมให้ตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถได้ ทำให้คู่แข่งขันของธุรกิจนอนแบงก์ทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ 17-18% ซึ่งประโยชน์สูงสุดจากอัตราดอกเบี้ยที่ได้มีการปรับลดลงมานี้จะอยู่ที่ “ประชาชน” นั่นเอง
เพราะกลุ่มเป้าหมายหลักของธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ของธนาคารออมสินคือ “กลุ่มฐานราก” เป็นหลัก ด้วยวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนคือ การเข้าไปช่วยบรรเทาความเดือดร้อน เพราะจากข้อมูลจะพบว่า ประชาชนฐานรากที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งมีมากกว่า 25 ล้านคน ในส่วนนี้กว่า 40% หรือ 10 ล้านคน มีการเข้าถึงบริการสินเชื่อในรูปแบบต่างๆ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยสูง อาทิ เงินกู้นอกระบบ นอนแบงก์และเงินกู้ประเภทอื่นๆ ซึ่งธนาคารออมสินมีเป้าหมายจะเข้าไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มนี้เป็นหลัก
ตอนนี้เริ่มเห็นสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถแล้ว หลังจากที่ธนาคารออมสินได้เปิดตัวธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0.69% ต่อเดือน หรือ 14.99% ต่อปี โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการหลายรายเริ่มมีการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีและเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างมาก วิทัยระบุ
ผู้อำนวยการธนาคารออมสินมองว่า การนำร่องลดอัตราดอกเบี้ยในธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ไม่ได้เป็นการทำให้ธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ยืนยันว่าแม้จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงมา “ธุรกิจก็ยังมีกำไรอยู่” แต่อาจจะไม่ได้มากเหมือนที่ผ่านมา ที่ธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมีรายได้สุทธิจากส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) อยู่ที่ 15-20% ซึ่งถือว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับสถาบันการเงินของรัฐที่เฉลี่ยอยู่ที่ 2% และธนาคารพาณิชย์ อยู่ที่ 2.6%
และล่าสุดเมื่อ พ.ค.2564 ธนาคารออมสิน ร่วมกับบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ลงชั่วคราว เหลือเพียง 0.49% ต่อเดือน หรือเท่ากับ 11% ต่อปี สำหรับผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อในช่วงเวลาโปรโมชั่น 2 เดือน จึงจะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษนี้ตลอดอายุสัญญา โดยจะเปิดรับจำนำทะเบียนทั้งที่เป็นรถมอเตอร์ไซค์ปลอดภาระหนี้ และที่ประสงค์รีไฟแนนซ์เพื่อลดภาระดอกเบี้ยสัญญาเดิม ซึ่งคาดว่าจะช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหรือเพิ่มสภาพคล่องในชีวิตประจำวันของผู้ที่เดือดร้อนได้
พร้อมกันนี้ ธนาคารออมสินยังได้เปิดจุดบริการสินเชื่อจำนำทะเบียนภายในสาขาธนาคารออมสินจำนวนกว่า 550 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มช่องทางแก่ผู้ที่สะดวกใช้บริการที่สาขาของธนาคาร โดยมีทีมงานของบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด พร้อมมอบบริการด้วยขั้นตอนที่สะดวกรวดเร็ว ให้ผู้ที่ผ่านการอนุมัติสินเชื่อสามารถรับเงินได้ภายใน 15 นาที.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |