นายกฯเป็นปลื้ม จัดลำดับแข่งขัน เศรษฐกิจไทยขยับ


เพิ่มเพื่อน    

"ประยุทธ์" พอใจอันดับขีดความสามารถแข่งขันไทยขยับดีขึ้น เป็นไปในทิศทางเดียวกับเขตเศรษฐกิจทั่วโลก เดินหน้าเปิดประเทศเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ย้ำ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เปิดให้ลงทะเบียน 21 มิ.ย. เชื่อทำเม็ดเงินไหลร่วม 2.7 แสนล้าน 
    เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้รับทราบรายงานผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดย World Competitiveness Center ของ International Institute for Management Development หรือ สถาบัน IMD สวิตเซอร์แลนด์ ประจำปี 2564 ซึ่งประเทศไทยมีอันดับดีขึ้น 1 อันดับ มาอยู่ในลำดับที่ 28 จากทั้งหมด 64 เขตเศรษฐกิจ
    ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีพอใจกับความสามารถการแข่งขันของประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นดังกล่าว แม้คะแนนเฉลี่ยสุทธิในปีนี้จะลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 72.52 แต่ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับเขตเศรษฐกิจทั่วโลกที่คะแนนสุทธิปรับตัวลดลง จากผลกระทบสำคัญเดียวกันคือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กระทบทุกภาคเศรษฐกิจทั้งการบริโภค การลงทุนในประเทศ การค้าระหว่างประเทศ และการท่องเที่ยว
    “นายกรัฐมนตรีพอใจที่อันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศปรับตัวดีขึ้น แต่หากพิจารณาในรายละเอียดขององค์ประกอบการจัดอันดับจะเห็นว่ามีทั้งปัจจัยที่ปรับตัวดีขึ้น และที่ปรับตัวลดลงโดยเฉพาะในส่วนของสมรรถนะทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลงภาคการท่องเที่ยวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นายกรัฐมนตรีจึงเน้นย้ำที่จะเร่งฟื้นฟูในส่วนนี้โดยการตั้งเป้าหมายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวภายใน 120 วัน โดยมีภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เป็นต้นแบบและขยายผลสู่พื้นที่ท่องเที่ยวหลักอื่นๆ และทั่วประเทศต่อไป โดยมีเป้าหมายสำคัญคือให้ประชาชนกลับมาทำมาหากินได้เป็นปกติ” 
    น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่านอกจากการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจในทุกระดับ ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเชิงรุก เร่งกระจายวัคซีนสู่ประชาชนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในระยะสั้นแล้ว รัฐบาลจะยังคงเดินหน้าต่อเนื่องในส่วนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจมูลค่าสูง การพัฒนาการศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ การบังคับใช้กฎหมาย การลดความเหลื่อมล้ำทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม 
    ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเชิญชวนผู้สนใจร่วมโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนในวันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน 2564 เป็นวันแรก ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ผ่านเว็บไซต์ w ww.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ทุกวันเป็นต้นไป จนกว่าจะครบ 4 ล้านสิทธิ์ เริ่มใช้จ่ายจริง 1 กรกฎาคม 2564 นี้ เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านผู้มีกำลังซื้อ ซึ่งหากเข้าร่วมเต็มจำนวน 4 ล้านคน ใช้จ่ายเต็มสิทธิ์ จะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ 240,000 ล้านบาท และเมื่อมีการนำ e-Voucher กลับมาใช้ก็จะมีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มอีก 28,000 ล้านบาท รวมเป็น 268,000 ล้านบาท
    ทั้งนี้ โครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เป็นการใช้จ่ายค่าสินค้าหรือบริการ เช่น ค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ค่าบริการนวด สปา ทำผมทำเล็บ (ไม่รวมถึงสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ บัตรกำนัล (gift voucher) บัตรเงินสด (gift card) และสินค้าหรือบริการที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า) ผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet) บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม-30 กันยายน 2564 กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการ โดยจะได้รับวงเงินสนับสนุนในรูปของบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher) 
    ทั้งนี้ วงเงินใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher ไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน ยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิต้องไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน และจะได้รับสิทธิ e-Voucher สะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ โดยยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 1-40,000 บาทแรก ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 10 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน และยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 40,001-60,000 บาท ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ซึ่งสิทธิ e-Voucher จะคืนเป็นวงเงินใน g-Wallet ทุกวันที่ 7 ของเดือนถัดไปโดยสามารถใช้จ่ายด้วย e-Voucher ได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม-31 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ e-Voucher “โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้” ไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้
    โฆษกประจำสำนักนายกฯ ยังย้ำคุณสมบัติผู้ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการว่า เป็นประชาชนสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ หรือไม่ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 นอกจากนี้ ยังมีโครงการ "คนละครึ่ง ระยะที่ 3" ที่ยังสามารถลงทะเบียนได้ทุกวัน จนกว่าจะครบ 31 ล้าน ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ขณะเดียวกัน ก็อยากเชิญชวนผู้ที่ยังมีวงเงินสิทธิ์เหลือในโครงการ "เราชนะ" วางแผนใช้จ่ายก่อนที่วงเงินสิทธิ์จะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ เพื่อให้ทุกท่านได้รับประโยชน์จากโครงการที่เข้าร่วมสูงสุดและเต็มประสิทธิภาพด้วย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"