เป็นประเด็นข้อสงสัยกันมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ "สารวัตรแต" พ.ต.ต.หญิงอรชร ผุยม่วง สว.ส.รฟ.อยุธยา ลูกน้องเก่า "บิ๊กใหม่" พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เป็นผลพวงมาจากการ "ฉีดวัคซีน" ป้องกันโควิด-19 เข็มแรกหรือไม่ เพราะ "สารวัตรแต" เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มแรกเมื่อวันที่ 25 พ.ค. และเสียชีวิตวันที่ 14 มิ.ย. ล่าสุดตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ชี้แจงผลการตรวจสอบสรุปว่า ช่วงแรกที่ฉีดวัคซีน "สารวัตรแต" มีอาการอ่อนเพลีย มีไข้เล็กน้อย จากนั้นเดินทางไปที่ จ.ขอนแก่น ประมาณ 3-4 วัน ก่อนจะเดินทางกลับมา แต่อาการป่วยยังไม่ดีขึ้น จึงเข้ารับการตรวจที่ รพ.หัวหิน กระทั่งเสียชีวิตลงในช่วงเช้าวันที่ 14 มิ.ย. จากการตรวจสอบกับแพทย์โรงพยาบาลหัวหิน สรุปการเสียชีวิตได้ว่า การเสียชีวิตไม่ได้เกิดจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19, ผลการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 เป็นลบ, สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการปอดติดเชื้อ เนื่องจากโรคประจำตัวจึงทำให้มีภูมิต้านทานต่ำ ๐

            ไม่รู้ "ผบก.อก." บางหน่วยกลัวอะไร หรือไม่อยากให้ใครบางคนเห็นหน้าหรือเปล่า ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจจัดประชุมพิจารณากลั่นกรองยกเลิกเรื่องที่หมดความจำเป็นลง และเรื่องที่มีการรายงานซ้ำซ้อน ผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ มี "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ 9) เป็นประธานการประชุม โดยตามหนังสือเชิญประชุมขอให้หน่วยมอบหมาย ผู้บังคับการอำนวยการ (ผบก.อก.) และผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม กรณีหน่วยไม่มี บก.อก. ให้มอบหมาย ผกก.ฝอ.เข้าร่วมประชุม ณ ที่ตั้ง ปรากฏว่ามีผู้การอำนวยการ บช.หนึ่งเข้าอยู่ในห้องวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ของหน่วย แต่ไม่ยอมมานั่วหัวโต๊ะเป็นประธาน กลับให้ระดับรองผู้การมานั่งหัวโต๊ะรายงานเรื่องต่างๆ ให้ "ผู้ช่วยโจ๊ก" รับทราบ หลายคนเลยสงสัย "ผู้การ" หลบหน้าใคร หรือมีอะไรในกอไผ่มากกว่าหน่อไม้หรือเปล่า...น้อ ๐

            เห็นภาพ "บิ๊กชัช" พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 และ พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ ผกก.สน.ลำผักชี โชว์ภาพถูกลอตเตอรี่รางวัลเลขท้าย 2 ตัว เลข 17 คนละ 2 ใบ ต้องแสดงความดีใจกับตำรวจทั้ง 2 นาย งานก็สำเร็จหลังนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการเข้าจับกุม "แม่น้ำหนึ่ง" เจ้าแม่ใบ้หวยคนดัง ในข้อหา “ช่วยโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนัน อันขัดต่อบทพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทรวง หรือข้อความในใบอนุญาต” มาดำเนินคดีตามกฎหมายเรียบร้อย แล้วยังถูกลอตเตอรี่ เลขทะเบียนรถเก๋ง BMW ป้ายแดง 3071 ที่ "แม่น้ำหนึ่ง" เดินทางเข้าพบเพื่อรับทราบข้อหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.ลำผักชีอีก ถือว่าดวงดีสุดๆ แต่กระนั้นหลายคนเห็นภาพ "ผู้การชัช" โชว์ลอตเตอรี่ที่ถูกเลขท้ายเป็นแบบลอตเตอรี่ใบคู่ ก็เลยอยากรู้ "ผู้การชัช" ซื้อลอตเตอรี่เลขเหมือนกัน 2 ใบมาในราคาเท่าไหร่ จะใช่ราคาใบละ 80 บาท 2 ใบก็ 160 บาท ตามกฎหมายกำหนดหรือเปล่า เพราะส่วนใหญ่ชาวบ้านที่ซื้อลอตเตอรี่เลขซ้ำกัน 2 ใบ มักจะเจอแบบพวกขายเกินราคาคู่ละ 200 บาท ถูกสุดก็ 180 บาททั้งนั้น หลายคนเลยฝากถาม ท่านผู้การชัช ถ้าได้ราคาถูกตามกฎหมายจริงๆ อยู่ที่ไหน จะได้ไปซื้อกันบ้าง คู่ละ 160 บาท หายากจริงๆ ๐

            หายไปจนเกือบลืมชื่อ "จ่าเฉย" ที่ยุคหนึ่งเคยโด่งดังใน "กรมปทุมวัน" หลายหน่วยงานนำไปใช้เป็นสัญลักษณ์ในการปฏิบัติงาน แต่พอผ่านยุคผ่านสมัย "จ่าเฉย" ก็เงียบหายไป ล่าสุดมาเห็น "ผู้การน่าน" พล.ต.ต.มงคล สัมภวะผล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน (ผบก.ภ.จว.น่าน) ได้นำ "จ่าเฉย" มาขัดสีผิวความหล่อและแต่งตัวให้จ่าเฉยใหม่ โดยผู้การบอก "จ่าเฉยยังทำหน้าที่ได้ดีมาก ไม่เคยจะบ่น แม้ฝนจะตก แดดจะร้อน หรือความหนาวเย็นมาเยือน จ่าเฉยก็ยังทำหน้าที่อยู่ตลอดเวลา เพื่อเตือนสติบอกให้ทุกคนระมัดระวังการขับขี่หรือการกระผิดกฎหมาย" ก็เลยทำให้ "จ่าเฉย" กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ซึ่งตามข้อมูลประวัติความเป็นมา "จ่าเฉย" ที่ถูกบันทึกไว้ในวิกิพีเดียระบุว่า "จ่าเฉย" เป็นชื่อเรียกหุ่นตำรวจจราจร ที่มาของจ่าเฉยในปี 2550 โรงพยาบาลวิภาวดีเห็นถึงความลำบากตรากตรำของตำรวจจราจร มีความประสงค์แบ่งเบาภารกิจ ได้ร่วมกับภาคเอกชนต่างๆ ลงขันกันจัดสร้างหุ่นจำลองตำรวจจราจรขึ้น เพื่อมอบให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลนำไปประจำไว้ยังจุดต่างๆ ตามถนนหนทางในเขตอำนาจของตำรวจนครบาล สำหรับป้องปรามผู้ขับขี่รถไม่ให้กระทำผิดและเพื่อลดอุบัติเหตุ โดยการจัดสร้างจ่าเฉยหนึ่งตัวเป็นราคาสองหมื่นบาทเศษ ๐

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) หน่วยงานที่มีกองทัพเรือเป็นหลัก ร่วมบูรณาการทำหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ออกปฏิบัติการกู้ชีพเกาะโลซิน หลังมีอวนผืนใหญ่ติดอยู่ในแนวปะการัง จากความร่วมมือจากทุกหน่วยงานทำให้งานนี้มีนักดำน้ำมาร่วมทีมใต้ทะเลมากกว่า 40 ชีวิต กองทัพเรือจัดเรือ 2 ลำ คือ “ต.991” เป็นชุดเรือเฉลิมพระเกียรติฯ ต่อในเมืองไทยขนาด 180 ตัน และ “เรือหลวงราวี” เรือระบายพลขนาด 550 ตัน ใช้เป็นฐานดำน้ำ เข้าสนับสนุน และยังมีเรือจากกรมทะเลอีก 2 ลำ และเรือนักดำน้ำอีก 1 ลำ โจทย์นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอวนอยู่ลึกสุด 26 เมตร ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ รองรับเหตุฉุกเฉินทั้งหน้างาน และการประเมินสถานการณ์จากลมฟ้าอากาศ พล.ร.ท.สำเริง จันทร์โส ผอ.ศรชล.ภาค 2/ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 จึงย้ำให้ทีมนักดำน้ำที่มาจากหลายส่วนระมัดระวังความปลอดภัยของตนเอง ปฏิบัติตามกฎของการปฏิบัติการใต้น้ำอย่างเคร่งครัดและระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายกับปะการัง โดยทีมนักดำน้ำจะเริ่มปฏิบัติการโดยใช้การดำแบบ Nitrox (Specialty) ซึ่งสามารถยืดระยะเวลาการอยู่ใต้น้ำให้นานขึ้น มากกว่าการดำน้ำด้วยถังอากาศแบบปกติ ใช้การตัดอวนออกเป็นผืนย่อยขนาด 3x3 เมตร ลอยขึ้นโดยใช้ถุงดึงหรือใช้บอลลูนขนาดเล็ก ทำให้อวนที่ตัดแล้วลอยขึ้นมา จึงคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 5 วัน ๐

ที่น่าสนใจคือ “เกาะโลซิน” ซึ่งเป็นเกาะหินปูนขนาดย่อมกลางทะเลอ่าวไทย ขึ้นอยู่กับจังหวัดปัตตานี เป็นแหล่งดำน้ำและตกปลาที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง และเป็นเกาะที่เล็กที่สุดในประเทศไทย มีกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดูแล ห้ามไม่ให้ทำประมงขนาดใหญ่ แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่มีปลาชุกชุม จึงมีเรือประมงลักลอบเข้ามาวางอวนอยู่เป็นประจำ จากเบาะแส “อวนแดง” ขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นหลักฐานหาผู้กระทำผิดได้ มีการวิเคราะห์จากเจ้าหน้าที่ในทำนองว่าอาจจะเป็นเรือของประเทศเพื่อนบ้าน แต่อีกกระแสพุ่งเป้าไปที่นายทุนแถวจังหวัดนราธิวาสที่ไม่สนใจโลก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงไม่เกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ไทยในการสืบสวนสอบสวนหาความจริง ในเมื่อ ศรชล.ที่ถูกตั้งขึ้นเป็นหน่วยอำนวยการ มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น ผอ.ศรชล.และ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นรอง ผอ.ศรชล. กลไกจากหลายหน่วยงานที่ถือกฎหมายคงจะนำผู้ที่กระทำผิดมาลงโทษได้ไม่ยากนัก ๐

สำหรับสถานการณ์การฉีดวัคซีนในเหล่าทัพมีการฉีดให้กับกำลังพลด่านหน้า และเจ้าหน้าที่ที่ต้องพบปะช่วยเหลือประชาชนเป็นลำดับต้นๆ ส่วนกำลังพลในเหล่าทัพจะได้รับการพิจารณาจาก ศบค.ของเหล่าทัพ โดยดูความจำเป็น สำหรับกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) กำลังพลกว่า 3 พันคน ส่วนใหญ่ยังไม่ได้เข้ารับวัคซีน ต้องรอคิวจากรัฐ แต่วันจันทร์นี้ทางศูนย์บริหารสถานการณ์การ​แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกองทัพบก (ศบค.ทบ.19) โดย พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ ศบค.ทบ.19 ให้กำลังพลระดับหัวหน้าแผนกงานต้องมาทำงานตามปกติ ส่วนกำลังพลระดับรองลงไปให้แบ่งเป็น 3 ผลัด จากช่วงก่อนหน้านี้ที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ให้กำลังพลมาปฏิบัติงาน ณ ที่ตั้ง 1 ใน 4 ลดความแออัด โดยทุกคนต้องเข้ารับการ “สวอป” และรอผลการตรวจเชื้อที่หน้าหอประชุมกิตติขจร โดยต้องเตรียมถูกแหย่จมูกเป็นรอบๆ ท่ามกลางที่มีผู้ติดเชื้อในส่วนของ กบ.ทบ.และ สปช.ทบ.ไปหมาดๆ ส่วน กองทัพเรือ กำลังพลใน บก.ทร. ได้รับการจัดสรรแล้วเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่หน่วยต่างๆ อยู่ระหว่างการจัดสรรตามความจำเป็น ขณะที่ กองทัพอากาศ ในตึกแปดแฉกก็กำลังจัดสรรและทยอยฉีดให้กำลังพลตามบัญชีที่ได้จัดทำไว้ตามลำดับอย่างเป็นระบบ และยังคงใช้มาตรการ “เวิร์กฟรอมโฮม” 1 ใน 2 จนกว่าจำนวนผู้เข้ารับวัคซีนมากพอตามเกณฑ์ที่กำหนดก่อนจะกลับมาทำงานตามปกติ ๐.