เรียบร้อย! "ชวน" ไม่บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.256 ของฝ่ายค้านเข้าสู่วาระการประชุมสภา 23-24 มิ.ย.นี้ ยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 และเป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ใช่แก้ไขรายมาตรา
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564 นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ในฐานะประธานรัฐสภา ไม่บรรจุญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคฝ่ายค้าน ที่แก้ไขมาตรา 256 และเพิ่มหมวดใหม่ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ด้วย ส.ส.ร.?ไว้ในวาระการประชุมรัฐสภา ที่นัดประชุมในสัปดาห์หน้า ระหว่างวันที่ 23-24 มิถุนายน ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานและเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า ที่ระบุว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เสนอโดยพรรคร่วมฝ่ายค้าน ย่อมมีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 และเป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงไม่ใช่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตราตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัยไว้
"เมื่อร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับดังกล่าวไม่ใช่แก้ไขเพิ่มเติมรายมาตรา ประธานจึงไม่สามารถบรรจุร่างดังกล่าวเข้าระเบียบวาระการประชุมของรัฐสภาเพื่อพิจารณาได้ อย่างไรก็ตาม ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้จะยังไม่ตกไป" นพ.สุกิจกล่าว
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงประเด็นที่ให้มีการปิดสวิตช์ ส.ว.ว่า ต้องเคารพความคิดเห็นของทุกคน ส่วน ส.ว.ที่ออกมาตอบโต้ก็เป็นความเห็นส่วนตัวของท่าน อย่างไรก็ตาม ต้องดูว่าร่าง แก้ไขเป็นอย่างไรบ้าง บางครั้งอาจขัดคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญหรือขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ส.ว.จะให้ความสนใจในประเด็นข้อกฎหมายมากกว่า เพราะไม่อยากให้กฎหมายเป็นโมฆะหรือล้มไป ตนทำกฎหมายมา 30-40 ปีในชีวิต ก็ไม่อยากเห็นกฎหมายต้องล้มไป สมัยที่เป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็พยายามไม่ให้กฎหมายลูกขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็สามารถทำได้
ด้าน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โจมตีพรรคประชาธิปัตย์ว่า ประกาศอุดมการณ์ไว้ในข้อบังคับของพรรคอย่างชัดเจนว่าจะดำเนินการเมืองบนวิถีทางอันบริสุทธิ์ จะเป็นเยี่ยงอย่างให้เกิดความนับถือในระบอบประชาธิปไตย จะไม่สนับสนุนระบบและวิธีแห่งเผด็จการ น่าเสียดายที่ในข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นหนึ่งในพรรคที่ไปร่วมโหวตสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี กับเขาด้วย ด้วยความที่มี ส.ว. 250 คนหนุนหลังการันตีความเป็นรัฐบาล คอยล่อตาล่อใจพรรคต่างๆ จนสุดท้ายก็เข้าทางฝ่าย คสช.ในที่สุด
เขาระบุว่า พรรคก้าวไกลยืนยันอีกครั้งว่า หนึ่งในภารกิจที่สำคัญที่สุดและเร่งด่วนที่สุดเพื่อที่จะหาทางออกจากวิกฤติของประเทศครั้งนี้ก็คือการยุติการสืบทอดอำนาจของฝ่าย คสช. การแก้รัฐธรรมนูญก็เป็นหนึ่งในนั้นเพื่อตัดกลไกการสืบทอดอำนาจ เช่น อำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี
"พรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ทั้งภูมิใจไทย ชาติ ไทยพัฒนา ฯลฯ สิ่งที่ต้องทำมากกว่าคือเลิกสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐได้แล้ว หยุดพายเรือให้โจรนั่งเสียที ทุกวันนี้โจรมันเจาะเรือรั่วไปตั้งกี่จุด ถีบผู้โดยสารตกน้ำไปตั้งกี่คน กักเสบียงไว้กินคนเดียวตั้งเท่าไหร่แล้ว พวกท่านยังไม่รู้ตัวอีกหรือ?"
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยว่า ข้อบกพร่องหลักทางประชาธิปไตยของรัฐธรรมนูญปี 60 คือมาตรา 272 ที่ยอมให้ ส.ว.มาเลือกนายกรัฐมนตรี ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ต่างทราบดี ทั้ง 2 พรรคอย่าเล่น ละคร เสนอร่างแก้ไขมาตรา 272 ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางผ่านด่านพลังประชารัฐและ ส.ว. พอถึงเวลาที่ร่างแก้เรื่อง ส.ว.ถูกตีตก ทั้งคู่ก็จะบอกว่าเราได้พยายามแล้ว และก็เดินหน้าลงคะแนนแก้ไขเรื่องที่ตนได้ประโยชน์ต่อไป ทั้งหมดนี้จะเป็นจริงหรือไม่ การกระทำจะเป็นข้อพิสูจน์
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้ความเห็นว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลไม่ควรทะเลาะกันเรื่องระบบเลือกตั้ง เพราะสาระสำคัญที่สุดในการไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือการสืบทอดอำนาจของ คสช. และหลายประเด็นเป็นอุปสรรคสำหรับระบอบ ประชาธิปไตย เรื่องบัตรเลือกตั้งใบเดียว ผมไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น แสดงความคิดเห็นไว้ตั้งหลายรอบ ตั้งแต่เขาร่างกันเสร็จและเข้ากระบวนการทำประชามติ ไม่ต้องพูดซ้ำ
ตอนทำประชามติ ตนเรียกร้องว่าควรมีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบแบบรัฐธรรมนูญปี 40 วันนี้ก็ยังย้ำคำเดิม ไม่กลืนน้ำลาย แต่วันนี้เห็นว่าบัตรกี่ใบไม่ใช่เรื่องใหญ่ หัวใจสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ควรบังคับใช้ เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศอีกต่อไป การมีบัตรเลือกตั้งใบเดียวหรือสองใบ ไม่ใช่คำตอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ และพวกพ้นไปจากเวทีอำนาจ
“เพื่อไทยกับก้าวไกลโต้แย้งกันเรื่องบัตรสองใบแบบปี 40 กับแบบเยอรมันนั้น มีภาพสะท้อนผล ประโยชน์ทางการเมืองของแต่ละฝ่ายปนอยู่ด้วย จะด้วยเจตนาบริสุทธ์เรื่องหลักการประชาธิปไตยอย่างที่ทั้งสองพรรคพูด ผมก็เชื่อนะครับ แต่ปฏิเสธข้อเท็จจริงเรื่องผลทางการเมืองของทั้งสองฝ่ายไม่ได้จริงๆ ถ้าเลือกตั้งแบบบัตรสองใบตามรัฐธรรมนูญปี 40 เพื่อไทย มีโอกาสกลับมาแข็งแรงขึ้น ได้ ส.ส.มากกว่าเดิม ถ้าเลือกตั้งแบบบัตรสองใบ นับคะแนนแบบเยอรมันก้าวไกลก็มีโอกาสได้ ส.ส.มากเท่าเดิมหรือมากกว่า ทั้งสองฝ่ายมีสิทธิ์ที่จะอธิบายหลักการและจุดยืนของตนให้กับประชาชนได้รับทราบ แต่เมื่อประชาชนเข้าใจก็จะเข้าใจพร้อมๆ กับภาพสะท้อนที่ผมได้ชี้ให้เห็น การที่ “เพื่อไทย” จะโหวตเห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีบัตรเลือกตั้งสองใบตรงกับพลังประชารัฐ แล้วจะไปกล่าวหาว่าเพื่อไทยสมคบคิดกับเผด็จการไปแล้วเห็นว่าไม่เป็นธรรม"
นายณัฐวุฒิแนะว่า ถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องตั้งหลักกันดีๆ การยังคงโต้แย้งกันในประเด็นเหล่านี้ จะเปลืองทั้งตัว เปลืองทั้งแรง เปลืองทั้งเวลา สิ่งที่อยากจะเสนอก็คือพรรคฝ่ายค้านในสภาทุกพรรคควรจะตกผลึกทางความคิด แล้วแสดงออกอย่างเป็นเอกภาพ ผลักดันให้กฎหมายประชามติผ่านสภา มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ถึงตรงนั้นจะต้องเดินไปพร้อมๆ กับการหลอมรวมพลังของภาคประชาชนทุกกลุ่มทุกส่วน ชวนกันทำยุทธหัตถีกับอำนาจ คสช. โดยการทำประชามติให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งฉบับ มี ส.ส.ร.จากประชาชนมายกร่างฯ
"เพื่อไทยในฐานะพรรคใหญ่ต้องพยายามสร้างความสามัคคีรวมหมู่ แสดงบทบาทผู้นำในสภา เดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริงให้ได้ “ก้าวไกล” ก็คงไม่ต้องวิตกกังวลอะไรเกินไปมากอะครับ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบ “พลังประชารัฐ” เขาทำให้เห็นชัดอยู่แล้วว่ามีสิทธิที่จะหักลงกลางทางได้ตลอดเวลา วันที่ 24 มิถุนายน ถ้าผ่านวาระแรกเรื่องบัตรเลือกตั้งสองใบแบบปี 40 ก็ไม่ได้ หมายความว่าจะเดินได้สุดทางจนมีผลบังคับใช้ ดังนั้นทุกฝ่ายควรถอยมายืนหลักเดิม ไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ต่อต้านการสืบทอดอำนาจ สร้างความสามัคคีต่อสู้กันต่อไป ทำเถอะครับ เริ่มต้นจากพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในสภานั่นแหละ แล้วก็มาจับมือกับทุกภาคส่วนที่อยู่ข้างนอก ผมไม่ใช่คนสลักสำคัญอะไร แต่ถ้าจะจับมือกันสู้ประชามติเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผมเอาด้วย!” นายณัฐวุฒิระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |