18 มิ.ย.64 - นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้ปราบปรามการครอบครองที่ดิน ที่ผิดกฎหมายของนายทุนอย่างเด็ดขาด และให้นำพื้นที่ที่ยึดคืนมาได้จากนายทุน มาฟื้นฟูป่า ให้กลับคืนมามีสภาพป่าธรรมชาติดังเดิม
ทั้งนี้ นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นางคณิสรา เชฐบัณฑิตย์ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานฯ นายกมลาศ อิสสอาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู นายศรัณย์วุฒิ พรสรายุทธ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่กจ.6 (พุเตย) นายบรรจง รสจันทร์ นายกอบต.ชะแล นายคารใจ บุญเสริมถาวรนิจ สารวัตรกำนันตำบลชะแล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติลำคลองงู และเจ้าหน้าที่สนับสนุนการป้องกัน และปราบปรามที่ 1(ภาคกลาง) จำนวน 20 นาย เดินทางไปติดป้ายประกาศคำสั่งอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา35 (1) (2) พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ขับไล่ทายาทโดยธรรมของนายทุนรายหนึ่งที่เสียชีวิตไปแล้ว และให้ทายาทโดยธรรมรื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสิน หรือสิ่งอื่นใด ไปให้พ้นจากอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ภายใน 30 วัน
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2559 หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ได้ไปจับกุมดำเนินคดีนายทุนใหญ่รายหนึ่ง ในข้อหาบุกรุกพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติลำคลองงู โดยมิได้รับอนุญาต บริเวณบ้านคลิตี้หมู่ที่ 4 ตำบลชะเเล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และได้ตรวจยึดพื้นที่สวนยางพารา สวนไม้ไผ่ตง แปลงไร่มันสำปะหลัง และทุ่งหญ้า รวมจำนวนเนื้อที่ 592ไร่ 2งาน58 ตารางวา พร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้านเรือนไม้ จำนวน 5 หลัง โรงเรือนเก็บยางพารา จำนวน 1 หลัง โรงจอดรถ จำนวน 1 หลัง นำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ดำเนินคดี
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2561 พนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีจำเลย เนื่องจากขาดเจตนากระทำผิด แต่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู เห็นว่าแม้พนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี มีคำสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากขาดเจตนากระทำผิดก็ตาม แต่เนื่องจากที่ดินของจำเลย อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติลำคลองงู หัวหน้าอุทยานฯ ยังมีอำนาจขับไล่และให้รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสิน หรือสิ่งอื่นใด ไปให้พ้นในเขตอุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู จึงอาศัยอำนาจ มาตรา 35 (1)(2) พรบ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ประกาศคำสั่งขับไล่ทายาทโดยธรรมของนายทุนคนดังกล่าว และให้ทายาทโดยธรรม รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสิน หรือสิ่งอื่นใด ไปให้พ้น จากอุทยานแห่งชาติลำคลองงู จังหวัดกาญจนบุรี ภายใน 30 วัน นับแต่วันประกาศคำสั่งนี้ เมื่อครบกำหนดเวลาตามประกาศคำสั่งแล้ว หากทายาทโดยธรรม ยังดื้อแพ่งไม่ยินยอมออก และไม่ยอมรื้อถอน จะถูกดำเนินคดีฐาน ฝ่าฝืนประกาศคำสั่ง ระวางโทษจำคุก ตั้งแต่1 ปี ถึง 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องระวางโทษปรับรายวันอีกวันละ10,000บาท จนกว่าจะรื้อถอนเสร็จ
นอกจากนี้ถ้าหากทางราชการเข้าไปรื้อถอนเองแล้ว จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน ให้กับทางราชการ จำนวน 1,640,000 บาท และอาจถูกดำเนินคดีตามพรบ.ป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ 2542 มาตรา 3 (15) อาจถูกยึดเงิน และทรัพย์สิน ที่ได้มาจากการค้าเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ในการปลูกยางพารา ในเขตอุทยานแห่งชาติ เพื่อการค้าน้ำยางพาราต่อไปด้วย
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู กล่าวว่า หลังจากดำเนินรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พืชผล อาสินในบริเวณดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว ติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ทางอุทยานแห่งชาติลำคลองงู จะร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลชะแล และชุมชนบ้านคลิตี้ จะร่วมกันฟื้นฟูระบบนิเวศน์ เป็นแหล่งอาหารสัตว์ป่า และเมื่อสัตว์ป่าหลากหลายเข้ามาหากิน ก็จะทำให้เป็นแหล่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่า แบบอุทยานฯกุยบุรี หรืออุทยานฯเขาใหญ่ โดยชุมชนมีส่วนร่วมตามนโยบายของกระทรวงทรัพย์ฯ และกรมอุทยานฯ ต่อไป
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |