จับสึก "เจ้าคุณปิง" อาบัติปาราชิก หลักฐานมัดภาพถ่ายสัมพันธ์ลึกซึ้งฆราวาสชาย "จักรทิพย์" ถึงสนามบินแฟรงก์เฟิร์ตประเทศเยอรมนี ยืนยันตัว "อดีตพระพรหมเมธี" แล้ว รอประสานทำเอกสารพากลับไทย 6 มิ.ย.นี้ "กองปราบฯ" เตรียมดึงคดี 5 ศิษย์พาอดีตเจ้าคุณจำนงค์หนีมารวมสำนวน "เลขาฯ สมเด็จพระสังฆราช" เตือนใช้สติปัญญาบริโภคข่าวพระเชิงลบ "เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ" นำ "อดีตพระพุทธะอิสระ" ส่ง รพ.หลังพบเลือดออกในกระเพาะ
เมื่อวันจันทร์ ตั้งแต่ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ในฐานะคณะทำงานชุดคลี่คลายคดีทุจริตเงินทอนวัด ได้นิมนต์พระวิสุทธิศาสนวิเทศ (กวีศิลป์ วิสุทธิกุโล) หรือเจ้าคุณปิง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และพระเลขานุการส่วนตัวของอดีตพระพรหมสิทธิ อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร มาสอบปากคำที่กองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) หลังจากเจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นวัดสระเกศฯ เป็นครั้งที่ 3 เพื่อนิมนต์มาให้ปากคำถึงความเชื่อมโยงในคดีเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ปรากฏเจ้าคุณปิงได้หายตัวไป รวมทั้งตรวจค้นกุฏิพบภาพบุคคลหน้าคล้ายเจ้าคุณปิงกำลังมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฆราวาสชาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การนิมนต์ตัวเจ้าคุณปิงมาครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาเข้าข้างอาคารเพื่อหลบกลุ่มผู้สื่อข่าว เพราะการทำงานของกองปราบปรามคดีเงินทอนวัดช่วงหลังๆ เจ้าหน้าที่จะไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดในเนื้องาน เช่นเดียวกับการจับกุมอดีตพระพรหมเมธีที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ตร.ได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว
กระทั่งเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ได้นิมนต์พระวิสุทธิศาสนวิเทศขึ้นรถยนต์กระบะด้านข้างอาคาร ก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว โดยเดินทางไปวัดสระเกศฯ เพื่อทำพิธีลาสิกขา (สึก) เนื่องจากอาบัติปาราชิกขาดจาดความเป็นพระภิกษุ จากการพบภาพถ่ายมีสัมพันธ์กับฆราวาสหรือกลุ่มชายรักชาย ก่อนนำตัวไปตรวจค้นกุฏิเพื่อหาหลักฐานความเชื่อมโยงของคดีที่ยังเป็นข้อสงสัยของเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับกรณีทุจริตเงินทอนวัดกับเจ้าคุณปิง เพราะยังไม่มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงว่าเจ้าคุณปิงมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ จึงยังไม่สามารถพิจารณาดำเนินคดีได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเจ้าคุณปิง หรือพระวิสุทธิศาสนวิเทศ ถือเป็นพระสงฆ์ที่มีความสนิทกับวงการศิลปินดารา มีลูกศิษย์ในวงการบันเทิงหลายคน และเจ้าคุณปิงยังเป็นพระที่ถูกจับตามอง โดยเป็นหนึ่งในพระที่ได้เลื่อนสมณศักดิ์อย่างรวดเร็ว บวชมาเพียง 16 พรรษา แต่ได้เป็นถึงพระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญที่ตำแหน่งพระวิสุทธิศาสนวิเทศ
ส่วนความคืบหน้าการติดตามตัวอดีตพระพรหมเมธี หรืออดีตท่านเจ้าคุณจำนงค์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี คุมตัวระหว่างยื่นหนังสือเดินทางขอผ่านด่าน ตม.เข้าประเทศเยอรมนี หลังตำรวจสากลไทยประสานเป็นบุคคลตามหมายจับที่ทางการไทยต้องการตัว
ยืนยันตัว 'พรหมเมธี'
มีรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมคณะที่เดินทางจากประเทศไทยไปประเทศเยอรมนีเพื่อรับตัวอดีตพระพรหมเมธี ได้เดินทางถึงสนามบินนครแฟรงก์เฟิร์ตเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับเข้ายืนยันตัวบุคคลอดีตพระพรหมเมธีที่ถูกกักตัวไว้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตั้งอยู่ภายในบริเวณสนามบิน เนื่องจากทางการไทยได้ขอยกเลิกพาสปอร์ตปกน้ำเงิน และเยอรมนีก็เพิกถอนวีซ่าขอเข้าประเทศด้วย เนื่องจากถูกร้องขอไม่ให้รับตัวอดีตพระพรหมเมธีเข้าประเทศ โดยขณะนี้ตำรวจไทยกำลังเตรียมการประสานข้อมูลเอกสาร รวมทั้งรายละเอียดข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อที่จะรับตัวเดินทางกลับประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้จองตั๋วเครื่องบินเที่ยวกลับ เป็นเที่ยวบินที่ TG 921 จำนวน 14 ที่นั่ง ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 06.25 ของวันที่ 6 มิ.ย. โดยเป็นการจองแบบบล็อกทั้งโซน ซึ่งเป็นรูปแบบการจองตั๋วเพื่อเตรียมการนำตัวผู้ต้องหากลับประเทศ หากขั้นตอนการส่งกลับไม่ผิดพลาด คณะของ ผบ.ตร.ก็น่าจะนำตัวผู้ต้องหาเดินทางกลับด้วยเที่ยวบินดังกล่าว
พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ปฏิเสธที่จะกล่าวถึงการไปรับตัวอดีตพระพรหมเมธี โดยระบุว่าไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้ ต้องรอให้คณะของ พล.ต.อ.จักรทิพย์เดินทางกลับมาและเป็นผู้ให้รายละเอียดในเรื่องดังกล่าวแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น
ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) กล่าวว่า การที่ตำรวจไปรับตัวอดีตพระพรหมเมธีที่เยอรมนีนั้นเป็นขั้นตอนของฝ่ายบริหาร คือตำรวจได้ติดต่อกันระหว่างไทยกับเยอรมนี และน่าจะเป็นกรณีทางเยอรมนีปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศหรือไม่มีวีซ่า จึงบังคับให้เดินทางกลับประเทศไทย
"เป็นขั้นตอนปกติที่ตำรวจสามารถทำได้เอง ไม่เกี่ยวกับสำนักงานอัยการสูงสุด เพราะหากเกี่ยวกับอัยการ คือชั้นขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน ที่ตำรวจต้องสอบสวนและมีความเห็นควรฟ้อง ประกอบกับศาลมีหมายจับ อัยการจึงจะประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศที่เป็นภาคีได้" รองโฆษก อสส.กล่าว
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามเข้าประชุมหารือเพื่อนำคดีของอดีตพระพรหมเมธีที่เกิดในพื้นที่จังหวัดนครพนมโอนเข้ามารวมไว้ที่กรุงเทพฯ ส่วนหมายจับที่เตรียมยื่นต่อศาลจังหวัดนครพนมนั้น มีผู้ถูกกล่าวหาร่วมรู้เห็นในการพาอดีตพระพรหมเมธีหลบหนีทั้งสิ้น 5 คน ประกอบด้วย 1.สีกาจุ๋ม ผู้มีสามีเป็นคนไทย ประกอบอาชีพด้านสัมปทานเหมืองแร่ที่แขวงสาละวัน 2.นายโค้ดคนขับรถของอดีตพระพรหมเมธี 3.สีกาจัน นักธุรกิจใหญ่ชาวลาว 4.ลูกชายสีกาจันที่ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 (นครพนม-คำม่วน) มาขับรถตู้ไปจอดที่วัดป่าสุคนธรักษ์ และ 5.นางปุ๋ยลูกสาวของสีกาจันที่ข้ามโขงมากับแม่เพื่อรับอดีตพระพรหมเมธีไปยัง สปป.ลาว
อย่างไรก็ดี พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (ผบก.ภ.จว.นครพนม) กล่าวว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับอดีตพระพรหมเมธี พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้ควบคุมดูแลการทำงานด้วยตัวเองตั้งแต่การสืบสวนจับกุม ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจนครพนมเป็นเพียงผู้ปฏิบัติงาน และไม่สามารถจะตัดสินใจในการดำเนินการตามกฎหมายได้ ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูล หรือการออกหมายจับใครก็ตาม ต้องรอคำสั่งจากทาง ผบ.ตร.
"เป็นคดีสำคัญต้องมีหลายขั้นตอน อยากชี้แจงสื่อหรือการนำเสนอข้อมูลอย่าคิดกันไปเอง เกรงว่าจะเกิดความสับสน รวมถึงกระทบต่อการทำงานของตำรวจ ล่าสุดยังไม่มีการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ยังอยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานตามคำสั่งของ ผบ.ตร. หากมีความชัดเจนหรือมีข้อมูลที่เปิดเผยได้ ผู้บังคับบัญชาจะเปิดเผยให้ข้อมูลตามขั้นตอน" ผบก.ภ.จว.นครพนมกล่าว
วันเดียวกัน พระพรหมมุนี (สุชิน อคฺคชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามฯ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวถึงข่าวเชิงลบที่เกิดขึ้นกับคณะสงฆ์ไทยในช่วงนี้โดยเฉพาะประเด็นการทุจริตเงินทอนวัดว่า อย่าไปเล่นข่าวกันนักเพราะเกิดความเสียหาย เป็นเรื่องส่วนบุคคล ซึ่งข่าวที่ออกมาเป็นลบ ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าจริงหรือไม่จริง แต่ขยายความตีข่าวจนเกินไป ไม่ใช่เรื่องดี เนื่องจากกระทบกระเทือนต่อสถาบัน อาจส่งผลต่อวิกฤติศรัทธา หากข้อมูลยังไม่ชัดเจนไม่ควรนำมาเสนอ
ส่งพุทธะอิสระเข้า รพ.
พระพรหมมุนีกล่าวถึงความคืบหน้าการแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคมที่ว่าง 3 ตำแหน่ง หลังมหาเถรสมาคม (มส.) มีมติปลดอดีต 3 พระพรหมด้วยว่า ยังไม่มีการแต่งตั้ง กรรมการที่มีอยู่สามารถทำงานและประชุมได้ตามปกติ ไม่มีกฎกติกาว่าจะต้องครบถึงประชุมได้ แต่ต้องครบกึ่งหนึ่ง มติต่างๆ ที่ออกมาจากมหาเถรสมาคมมีเจ้าคณะหน เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด และเจ้าคณะปกครอง กลั่นกรองมาตามลำดับแล้ว เพื่อเสนอมหาเถรสมาคมรับทราบเท่านั้น
"ทุกอย่างไม่ใช่อำนาจตัดสินใจของ มส.เพียงอย่างเดียว แต่มีการตรวจสอบหลายชั้น ส่วนจะมาว่า มส.ทุจริตนั้นไม่ใช่ เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล มส.เป็นองค์กร อยากให้ใช้สติและปัญญาศึกษาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนในการบริโภคข่าว" เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชกล่าว
ที่กองทัพไทย พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสอบ ร.ท.ฐิติทัตน์ นิพนธ์พิทยา ทหารสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัดว่า ในชั้นต้นได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนในสิ่งที่เกิดขึ้นมีข้อมูลอย่างไรบ้าง ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ชัดเจนเนื่องจากตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา เพียงแต่เชิญ ร.ท.ฐิติทัตน์ไปสอบสวน ยังไม่ได้มีการกล่าวโทษแต่อย่างใด
"เรายินดีให้ความร่วมมือหาก ร.ท.ฐิติทัตน์ มีความผิด หรือตำรวจได้ชี้ประเด็นมาว่าผิดอย่างไร เราก็จะดำเนินการตามขั้นตอนอยู่แล้ว พร้อมให้การสนับสนุน ซึ่งเบื้องต้นเขามารายงานตัวกับผู้บังคับบัญชาเรียบร้อยแล้ว และสั่งสำรองราชการไว้ก่อน หมายถึงไม่ให้เขาใช้ตำแหน่งหน้าที่เดิมไปมีบทบาท หรือมีอิทธิพลเหนือหลักฐานต่างๆ แต่ยังคงได้รับเงินเดือนเพราะความผิดไม่สำแดง เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหา" พล.อ.ธารไชยยันต์กล่าว
ถามว่ากังวลสังคมมองมีการช่วยเหลือกันเองหรือไม่ ผบ.ทสส.กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวลหากถูกมองว่า ทหารช่วยเหลือกัน เพราะทุกอย่างต้องปฏิบัติตามขั้นตอนทางราชการ หากดำเนินการรุนแรงกว่านี้ เขาฟ้องกลับว่าใช้อำนาจเกินกว่าเหตุจะทำอย่างไร คงรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาแก่ ร.ท.ฐิติทัตน์ก่อนค่อยดำเนินการ
"หน้าที่ของกองทัพตอนนี้คือ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัย หากมีข้อสงสัยว่าเขาทำให้กองทัพเสียหาย ซึ่งก็ดำเนินการอยู่ แต่ในทางกฎหมายอาญาทางตำรวจยังไม่แจ้งข้อหาใด เพราะทราบมาว่า ร.ท.ฐิติทัตน์ได้ชี้แจงต่อตำรวจกรณีมีอาวุธปืนหลายสิบกระบอก ซึ่งทุกกระบอกมีหลักฐานการครอบครองถูกต้อง ส่วนเงินทอนวัดเขาปฏิเสธไม่เกี่ยว" ผบ.ทสส.กล่าว
ส่วนที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวถึงการควบคุมอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในคดีเงินทอนวัด และนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ ผู้ต้องหาคดีอั้งยี่ซ่องโจร และปลอมพระปรมาภิไธยว่า การดูแลอดีตพระผู้ใหญ่ขณะนี้เริ่มปรับตัวได้บ้างแล้วไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพแต่อย่างใด
นายกฤชกล่าวว่า ในส่วนของอดีตพระพุทธะอิสระเมื่อเช้า (4 มิ.ย.) ที่ผ่านมา พบมีอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร จึงนำตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อไปตรวจอาการอย่างละเอียดที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก่อนนำตัวกลับมาคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เช่นเดิม
"ผมได้พบกับอดีตพระพุทธะอิสระ ได้บอกว่าฉันดื้อเองท่าน ผบ. ในเบื้องต้นพบเป็นอาการข้างเคียงจากการรับประทานยาที่รักษาอาการโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ทางแพทย์ประจำโรงพยาบาล ได้เปลี่ยนเป็นยาฉีดแล้ว เพราะอดีตพระพุทธะอิสระมีระบบขับถ่ายอุจจาระเป็นสีดำมาหลายวันแล้ว ก็นำไปตรวจอาการอย่างละเอียด จึงพบมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร" นายกฤชกล่าว
ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่า ในส่วนอาการปวดหลังยังคงทรงๆ ไม่ได้ดีขึ้น เจ้าหน้าที่จะมาไขกุญแจเปิดเรือนนอน เท่าที่ทราบจากเจ้าหน้าที่ช่วงตี 1 อดีตพระพุทธะอิสระจะลุกขึ้นมานั่งสมาธิภายในห้องขัง ที่มีเพื่อนผู้ต้องขังนอนร่วมห้องประมาณ 20 คน โดยนั่งสมาธิจนถึงช่วงเช้าก่อนออกไปทำกิจวัตรประจำวัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |