ภาคประชาชนซัด "บิ๊กตู่" อุ้ม "บิ๊กป้อม"   ยกปมนาฬิกาหรูพิสูจน์น้ำยานายกฯ-ป.ป.ช. เพจดังแฉเรือนที่ 22 "ประสาร" แนะ "ประวิตร" ไขก๊อกก่อนพารัฐบาลตายหมู่ โพลเผยประชาชน 60% เชื่อยื่นบัญชีทรัพย์สินไม่ช่วยลดคอร์รัปชัน

            ที่ห้องประชุมชั้น 2 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน แถลงสรุปผลงานตรวจสอบภาคประชาชน เรื่องการแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ ชาตินี้หรือชาติหน้า (สรุปการจัดเวทีตรวจสอบ 9 ครั้งตลอดปี 2560 ที่ผ่านมา) ขณะเดียวกันมีการมอบประกาศนียบัตรยกย่องต่อผู้ที่ทำงานตรวจสอบภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ให้แก่นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.)

            นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ เพราะองค์กรรัฐไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง ขอยกย่องต่อบุคคลที่ทำงานตรวจสอบรัฐบาล อย่างไรก็ตาม มีความไม่สบายใจ ได้รับแจ้งว่าในพื้นที่โพธิ์แก้ว มีการส่งตำรวจไปยังบ้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กทม. ที่ร่วมตรวจสอบรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง มีการส่งตำรวจไปในยามวิกาล ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับ สน.ดังกล่าวหรือไม่ ขอให้ผู้กำกับไปช่วยดูแล ขออย่าให้เกิดเรื่องนี้อีก และฝาก พล.อ.ประวิตรช่วยดูแลเรื่องนี้ด้วย

            นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.การคลัง กล่าวว่า การคอร์รัปชันที่ใหญ่และน่ากลัวคือการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย และสิ่งที่น่ากังวลคือ รัฐบาลให้ความสำคัญกับหลักนิติรัฐน้อยเกินไป เท่าที่ตรวจสอบร่วมกับภาคประชาชน พบความผิดปกติทั้งเรื่องท่อส่งก๊าซและแหล่งปิโตรเลียมบ่อเอราวัณบงกช ที่จะหมดอายุสัมปทานใน 5-6 ปีข้างหน้า การผลิตก๊าซสองแหล่ง มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ปัญหาคือกระบวนการคัดเลือกที่ยังเห็นไม่ตรงกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน การดำเนินการต่อในหลุมแท่นไหน จะใช้ระบบจ้างผลิตแบบใด โดยภาคประชาชนอยากเห็นการคัดเลือกเอกชน การประมูลโปร่งใส

            นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) กล่าวว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่า การเช่าเครื่องบินเหมาลำไปประชุมที่ฮาวายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมไม่ผิด ทั้งที่มีการเรียกร้องไปด้วยว่าการใช้อำนาจหน้าที่ต่อกรณีดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ในฐานะผู้ยื่นเรื่อง ต้องตามไปดูต่อ ต้องขอความเห็นจากกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งหมด ทั้งมติ รายงานความเห็น หากไม่ได้ ให้ใช้ช่อง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ แม้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินระบุออกมาว่าไม่ได้ทำผิดระเบียบ เพราะคงไม่มีเรื่องไหนที่หน่วยงานจะทำอย่างผิดระเบียบ แต่ต้องไปดูเรื่องความคุ้มค่าความเหมาะสม   

บิ๊กตู่ดีแต่พูดไม่ปราบโกง

            "เรื่องนาฬิกา พล.อ.ประวิตร ไม่ใช่มีแค่นาฬิกา ถ้าเอาผิดไม่ได้ ป.ป.ช.จะไม่มีใครกลัว นักการเมืองจะไม่แจ้งบัญชี เพราะไม่มีความผิด กฎหมายทำอะไรไม่ได้ พล.อ.ประวิตรจะอ้างมีเสรีภาพไม่เปิดเผยไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นอกจากไม่จัดการ ยังบอกจะเอาอะไรนักหนา ยอมกันบ้างได้หรือไม่ ทั้งที่ในวันต่อต้านคอร์รัปชัน บอกว่าจะไม่ยอมต่อการทุจริตคอร์รัปชัน ดีแต่พูด ไม่ได้มีความจริงจังจริงใจ เรื่องคอร์รัปชันจึงเกิดไม่หยุด เรื่องนี้ท้าทายกฎหมายมาก นาฬิกาโผล่ออกมาแล้ว 22 เรือน หลักฐานชัดเจน ไม่ต้องรอคำวินิจฉัย ป.ป.ช. ประชาชนพิพากษาแล้ว แม้พล.อ.ประวิตรลาออกก็ไม่จบ ความรับผิดชอบทางกฎหมายยังมีอยู่" นายวีระระบุ

            นอกจากนี้ ในการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน พล.อ.ประวิตร ระบุแจ้งยานพาหนะ 1 คัน ราคาเพียง 1 แสนบาท เรื่องนี้อาจเป็นใบเสร็จมัดครั้งต่อไป ป.ป.ช.ควรไปดูให้ครบถ้วน เป็นการเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ รับราชการตั้งแต่ปี 2513 ถึงวันเกษียณอายุราชการ ไม่ต้องใช้เงินแม้แต่บาทเดียว ให้เต็มที่มีรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท ช่วงมีตำแหน่งได้เงินเดือนสมัยเป็นรัฐมนตรี ให้เต็มที่มีรายได้ 15 ล้านบาท รวมเป็น 35 ล้านบาท แต่ทรัพย์สินที่ยื่น ป.ป.ช. 87 ล้านบาท รวมถึงนาฬิกาเพิ่มขึ้นมาอีกกว่า 30 ล้านบาท ถือว่าเป็นการเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่จบ หากไม่ทำให้ถูกต้อง ภาคประชาชนกัดไม่ปล่อย เพราะจะเป็นบรรทัดฐานต่อในอนาคตและท้าทายต่อการปฏิรูปมาก และท้าทายจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

            นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า เรื่องนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร จะเป็นตัวชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีความจริงใจต่อการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันมากน้อยเพียงใด โดยได้ยินมาจากคนใกล้ชิดของ พล.อ.ประวิตร อาจจะมีมากถึง 100 เรือน เรื่องนี้ยังไม่มีคำตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนป.ป.ช.ไม่ให้ความคาดหวัง แม้จะไม่หวัง แต่อย่างน้อยเป็นการร้องเพื่อให้ประชาชนรู้ว่าผู้มีอำนาจไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน

            "ข้อเสนอที่ขอให้ พล.อ.ประวิตรพักงานไปก่อน เหมือนกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าฯ กทม. แต่พอมาถึงคนใกล้ตัว กลับไม่มีการทำอะไรเลย นอกจากนี้ การเขียนกฎหมายให้ ป.ป.ช.ยังดำรงอยู่ ทั้งที่เป็นเรื่องขัดรัฐธรรมนูญ ปัญหาคอร์รัปชันจะเอาจริงเอาจังได้เพียงใด ขึ้นอยู่กับเรื่องนาฬิกา พล.อ.ประวิตร" นายศรีสุวรรณกล่าว

            นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวว่า ช่วงเป็นผู้ว่าฯ สตง. ได้ทำในเรื่องที่สังคมคิดว่า เรื่องยากๆ ที่เป็นไปไม่ได้ เช่น เรื่องค่าโง่คลองด่าน ส่วนกรณีที่ถูกพาดพิงเรื่องเช่าเหมาลำเครื่องบินไปฮาวายนั้น เป็นเรื่องรายละเอียด จบกันไปในข้อเท็จจริง อาจไม่ตรงแนวคิดทุกคน แต่ได้ตรวจสอบดูเหตุผลความจำเป็น ลักษณะเดินทาง ความจำเป็นต้องไปในตัวแทนของรัฐเป็นอย่างไร เรื่องกฎหมายการพิจารณาร่างกฎหมาย สตง. ที่ต้องไปชี้แจง ที่ตนเป็นกรรมาธิการ ยังดูบางส่วนเป็นข้อบกพร่อง อาทิ การเปิดเผยระหว่างตรวจสอบทำไม่ได้ จนกว่าจะตรวจสอบเสร็จสิ้น การตรวจสอบรายได้ของรัฐ สตง.ไม่สามารถตรวจสอบได้เหมือนอดีต ต้องให้หน่วยงานจัดเก็บตรวจสอบแล้วไปดูว่าเขาได้ทำครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่  

            วันเดียวกัน นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต ส.ว.และแกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องแหวนมารดา นาฬิกายืมเพื่อน แถมเพื่อนก็ตายไปแล้ว เป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายพะอืดพะอมไปด้วยกันหมด นายกฯ ไม่สบายใจ ป.ป.ช.กระอักกระอ่วนใจ สื่อมวลชนคาใจ คอการเมืองทั้งหลายขัดอกขัดใจ รองนายกฯ หมองใจ เหตุผลก็คือ 1.คนระดับรองนายกฯ ที่มากบารมีอย่างนี้ อับจนถึงขนาดต้องยืมนาฬิกาเพื่อนใส่เชียวหรือ 2.มีนาฬิกากี่เรือนกันแน่ที่เพื่อนให้ยืม ณ วันนี้โผล่มาเป็นเรือนที่ 22 แล้ว จะยืมกันมากมายอะไรขนาดนั้น 3.เพื่อนผู้ให้ยืมตายไปหมดแล้วทุกคนหรืออย่างไร 4.ถ้าเพื่อนตายแล้ว เพื่อนเหล่านั้นไม่มีญาติโกโหติกาที่จะรับคืนนาฬิกาหรือ  หรือว่าตกลงกันไว้ก่อนตายว่าถ้าตายแล้วไม่ต้องคืน

            "อดีตผู้นำจีนคนหนึ่งชื่อ เติ้งเสี่ยวผิง พูดไว้น่าฟังยิ่งว่า “อย่าเอาผลประโยชน์ชาติไปตอบแทนบุญคุณส่วนตัว” ในสภาพที่นายกฯ ต้องแบกนาฬิกาเป็นเครื่องหลังที่หนักอึ้ง ขณะที่ ป.ป.ช.ก็ยากที่จะทำงานและอธิบายต่อสาธารณะ อย่าคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็ก เพราะมีผลสะเทือนทางความเชื่อถือสูงมาก หากรองนายกฯ จะรักษานายกฯ และประคองน้องรักให้ทำหน้าที่ต่อไป ไม่ลากกันไปตายหมู่ ขอเสนอว่ารองนายกฯ ลาออกดีกว่า เป็นวิธีที่จะทำให้ทุกฝ่ายโล่งอกไปด้วยกันไปทั้งหมด" นายประสารระบุ

นาฬิกาหรูเรือนที่ 22

            เพจเฟซบุ๊ก CSI LA ได้เผยแพร่นาฬิกาหรูเรือนที่ 22 ของ พล.อ.ประวิตร โดยใส่ในงานที่เป็นประธานในพิธีไถ่ชีวิตโค-กระบือ 79 ตัว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฯ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2559 นาฬิกาที่สวมใส่เรือนนี้เป็น ROLEX DAYTONA รุ่น 116523 WINNER ทำจากทำ Stainless Steel กับทองคำเหลือง 18K ราคาตลาดอยู่ที่ 980,000 บาท

            นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า เตรียมยื่นคณะกรรมการป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ในกรณีไม่ดำเนินการกับรัฐมนตรีในรัฐบาลที่ถือหุ้นบริษัทเอกชน ทั้งที่ ป.ป.ช.ได้ส่งหนังสือแจ้งมายังนายกฯ แล้ว นอกจากนี้ จะส่งหนังสือให้ป.ป.ช.ตรวจสอบสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในกรณีเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยเฉพาะประเด็นการต่ออายุให้กับกรรมการ ป.ป.ช. ว่าเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ และเป็นการกระทำตามใบสั่งของผู้มีอำนาจบางคนให้ต่ออายุ ป.ป.ช.ต่อหรือไม่ ทั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยมีความผิดในกรณีเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม การที่ สนช.เสนอต่ออายุ ป.ป.ช.น่าจะมีความผิดด้วย

            ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโสสำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (STC) แถลงผลการสำรวจ “ความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปต่อการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,195 คน โดยสรุปผลได้ดังนี้ กลุ่มตัวอย่างประมาณสามในสี่ หรือคิดเป็นร้อยละ 75.23 เห็นว่าการกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินส่วนตัว จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้มีการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 60.25 ระบุการกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องยื่นบัญชีฯ จะไม่มีส่วนช่วยลดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้จริง

            ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างเกือบสี่ในห้า หรือคิดเป็นร้อยละ 79.83 เห็นว่าควรกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินที่ได้รับโดยเสน่หาหรือขอยืมมาจากบุคคลอื่นด้วย นอกจากนี้ มากกว่าสามในสี่ หรือคิดเป็นร้อยละ 77.57 เชื่อว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีการโอนย้ายทรัพย์สินส่วนตัวไปให้ผู้อื่นถือครองเพื่อหลีกเลี่ยงการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินส่วนตัว.