ผัวเก่าเข้ามอบตัว ปัดฆ่าเผาเจ๊อ้อย


เพิ่มเพื่อน    


   ผัวเก่าเจ๊อ้อยที่ถูกฆ่าเผานั่งยางชิงเข้ามอบตัว หลังศาลอนุมัติหมายจับฐานก่อเหตุ ยืนกรานปฏิเสธ แต่ตำรวจได้หลักฐานเด็ดรถเบนซ์สีดำของผู้ตายที่ผู้ต้องหาขับไปซุกไว้ที่บ้านญาติต่างอำเภอ "วิระชัย" บินด่วนติดตามคดี ตรวจสอบจุดเกิดเหตุพร้อมสั่งหาหลักฐานเพิ่มเติม
    มีรายงานว่า เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. บินด่วนไปยัง จ.สงขลา เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีฆ่าเผานั่งยาง น.ส.ภิญญดา แป้นจันทร์ อายุ 48 ปี หรืออ้อย เศรษฐินีนักธุรกิจขายตรงและขายประกัน โดยทันทีที่ไปถึง ได้เข้าประชุมรับฟังสรุปความคืบหน้าคดีจากตำรวจในพื้นที่ ทั้งการสืบสวนสอบสวนและการรวบรวมพยานหลักฐาน ที่กองบัญชาการกองบิน 56 จากนั้นจึงลงพื้นที่ไปตรวจจุดที่คนร้ายนำศพไปเผานั่งยางในพื้นที่ป่าพรุ หมู่ 5 บ้านท่านางหอม ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นการตรวจซ้ำสองช่วงกลางคืนเหมือนกับที่คนร้ายลงมือ
    พล.ต.อ.วิระชัยเปิดเผยว่า จากการตรวจที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ทำให้รู้วิธีที่คนร้ายลงมือคือ ใช้ยางรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์เป็นเชื้อเพลิงราดด้วยน้ำมัน และทำลายหลักฐานเศษกระดูกโดยเอาไปทิ้งไว้รอบๆ บริเวณเพื่ออำพราง แต่ก็ยังหลงเหลือหลักฐานสำคัญทั้งแหวนเพชรและหลักฐานอื่นๆ ที่อยู่ในกองเถ้าถ่านอีก 15 ชิ้น ที่สามารถเชื่อมโยงไปยังผู้ก่อเหตุและผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่สามารถที่จะชี้ชัดได้ว่าลงมือเพียงคนเดียวหรือมีคนอื่นร่วมด้วย
    รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับคนร้ายแล้วคือ นายกฤษฎา ไหมขาว หรือโรจน์ อดีตสามีของผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยมาตั้งแต่ต้น ขณะนี้ชุดสืบสวนได้ติดตามไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด เชื่อว่าจะได้ตัวแน่นอน และขอความร่วมมือผู้ที่ทราบเบาะแสทั้งในคืนที่เผาศพ เพราะน่าจะมีไฟลุกโชนและได้กลิ่น รวมทั้งสถานที่ซื้อยางรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ และที่ซื้อน้ำมัน ให้แจ้งข้อมูลไปยัง สภ.เมืองสงขลา เพื่อนำไปสู่การจับกุมคนร้าย
    พล.ต.อ.วิระชัยยังได้เดินทางไปยังบ้านเกิดเหตุ เลขที่ 418/7 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นตึก 3 ชั้น จากการตรวจสอบภายในบ้าน มีร่องรอยคราบเลือดและการล้างเลือดชัดเจน โดยเฉพาะในห้องนอนชั้น 2 ซึ่งน่าจะเป็นห้องที่ น.ส.ภิญญดาถูกฆ่าและลากศพลงมาชั้นล่าง แล้วยัดใส่ท้ายรถเบนซ์ เนื่องจากภายในบ้านยังพบยางอะไหล่และชิ้นส่วนช่องเก็บของท้ายรถถูกถอดออกมาเก็บไว้ในบ้านด้วย นอกจากนี้ยังพบว่านอกจากรถเบนซ์ C200 หมายเลขทะเบียน ขค 333 สงขลา ที่หายไปแล้ว ยังมีรถยนต์กระบะของผู้ตายอีก 2 คัน และรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์อีก 1 คันที่หายไป
    ต่อมาที่กองกำกับการสืบสวน 2 บก.สส.ภ.9 นายกฤษฎา ไหมขาว อายุ 49 ปี เดิมอยู่บ้านเลขที่ 213/4 ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากถูกออกหมายจับของศาลจังหวัดสงขลา ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2561 ในฐานความผิดฆ่าผู้อื่น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา คดีฆ่าเผานั่งยาง น.ส.ภิญญดา แป้นจันทร์ จากการสอบสวนในเบื้องต้น นายกฤษฎาให้การปฏิเสธ
    อีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสงขลา และฝ่ายสืบสวน สภ.คอหงส์ ได้ประสานชุดประดาน้ำของหน่วยกู้ภัยมูลนิธิมิตรภาพสามัคคีหาดใหญ่ ไปดำน้ำในคลองระบายน้ำ ร.5 ห่างจากจุดที่เผานั่งยางศพประมาณ 500 เมตร พื้นที่หมู่ 5 บ้านท่านางหอม ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ เพื่อค้นหาโครงกระดูกของผู้ตาย โดยเฉพาะกระดูกชิ้นใหญ่ เช่น แขนและขา และกระดูกส่วนอื่นของร่างกายที่คาดว่าไฟยังไหม้ไม่หมด และอาจจะถูกนำมาทิ้งไว้ในคลองเพื่ออำพรางคดี แต่หลังจากที่ดำน้ำค้นหากว่า 2 ชั่วโมงก็ไม่พบ เจ้าหน้าที่จึงถอนกำลัง
    อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่พบรถเบนซ์สีดำ รุ่น C200 หมายเลขทะเบียน ขค 333 สงขลา ซึ่งเป็นรถของผู้ตาย โดยนายกฤษฎา ผู้ต้องหา ขับไปจอดไว้ที่บ้านเครือญาติหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.สิงหนคร จ.สงขลา และมีการถอดป้ายทะเบียนทั้งข้างหน้าและข้างหลังออก เจ้าหน้าที่จึงนำไปที่ สภ.เมืองสงขลา ให้เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 เข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานทันที
    สำหรับรถเบนซ์คันนี้ พยานผู้ใกล้ชิดระบุว่าผู้ตายหวงมาก และไม่ยอมให้ใครขับแม้แต่นายกฤษฎา จึงเป็นหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่นำมาเชื่อมโยงประกอบคดีเอาผิดกับนายกฤษฎา. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"