17 มิ.ย.64 - นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นการสืบทอดอำนาจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมไม่เป็นความจริง ในส่วนการแก้ไขระบบเลือกตั้งกลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ก็เป็นประเด็นที่เห็นพ้องต้องกัน กับพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมระบุว่ากรณีที่พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยเป็น เพราะกังวลว่าพรรคตัวเองจะสูญพันธุ์
โดยนายณัฐชากล่าวว่า นายไพบูลย์ อย่าพยามเบี่ยงประเด็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนการแก้ไขระบบเลือกตั้งกลับไปใช้บัตรสองใบนั้น พรรคก้าวไกลกลัวเพลี่ยงพล้ำในกติกาดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 60 พวกตนในนามพรรคอนาคตใหม่เดิมก็ได้พิสูจน์ แล้วว่าแม้ในกติกาที่บิดเบี้ยวนั้นก็สามารถชนะเลือกตั้งได้จำนวน ส.ส.มาแล้วมากกว่า 80 คน ก่อนที่จะโดนพิษผู้คุมกติกาการเลือกตั้งจากผลงานของ คสช. ทำให้เสียจำนวน ส.ส.ไปเพื่อแลกกับได้ ส.ส.ปัดเศษอย่างคุณไพบูลย์ เข้ามาในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเป็นนั่งร้านช่วยแก้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งคงไม่ใช่คำพูดที่เกินไปอย่างแน่นอนหากจะพูดว่าถ้าไม่มี ส.ส.ปัดเศษ และ ส.ว. 250 คน จาก คสช.ประทานมาวันนั้น ในวันนี้จะไม่มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาสร้างความเสียหายและทำลายความหวังของประเทศในทุกๆวันแบบนี้อย่างแน่นอน
นายณัฐชา กล่าวต่อว่า จุดยืนของพรรคก้าวไกลต่อการแก้รัฐธรรมนูญ คือ เสนอระบบการเลือกตั้งเป็น ‘ระบบจัดสรรปันส่วนผสม’ ที่ใช้ ‘บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ’ กล่าวคือ เลือก ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 1 ใบ และเลือกพรรคการเมืองอีก 1 ใบ โดยนำคะแนนเลือกพรรคการเมืองมาใช้คำนวณจำนวน ส.ส. พึงมีของแต่ละพรรค เพื่อให้เสียงของประชาชนไม่ตกน้ำ และได้สัดส่วน ส.ส. ของแต่ละพรรคตามเจตนารมณ์ของประชาชนมากที่สุด ซึ่งหมายถึงเสียงของประชาชนส่วนทุกเสียงต้องถูกนับ รวมถึงเสียงส่วนใหญ่ที่ประกาศว่าไม่เอาการสืบทอดอำนาจต่อไปของ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย
“เรากับพรรคเพื่อไทยเห็นตรงกันเรื่องการเลือกตั้งแบบจำนวนบัตรสองใบ เพียงแต่ระบบบัตรสองใบมีหลายแบบ เรามีมุมมองต่อระบบการเลือกตั้งปี 2540 ที่แตกต่างกันก็เท่านั้น พรรคเพื่อไทยอาจยืนยันในระบบที่เขาคุ้นเคยไม่ได้หมายความว่าเขาจะเห็นด้วยกับพรรคพลังประชารัฐอย่างที่คุณไพบูลย์บอก เพราะถ้าทำแบบนั้นเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปพบกับประชาชนที่เลือกพวกเขาได้ แต่เรามีข้อเสนอใหม่ที่ต้องการให้ระบบการเลือกตั้งที่ตอบสนองเจตจำนงของประชาชนที่สุด หรือพัฒนาต่อเนื่องไปจากระบบเลือกตั้งในปี 40 ที่หลายคนเห็นตรงกันว่า พอใช้ไประยะหนึ่งก็มองเห็นจุดที่ต้องแก้ไข
เช่น ยังเสียงตกน้ำไม่ถูกนับอยู่ หรือเป็นการเลือกตั้งที่ทำให้พรรคการเมืองซึ่งอาจจะมีประเด็นเฉพาะไม่สามารถมีพื้นที่ในสภาได้ เช่น พรรคที่อาจจะเน้นในแนวทางแบบพรรคแรงงาน พรรคที่อาจจะเน้นแนวทางแบบอนุรักษ์ หรือพรรคของชาว LGBTQ+ เป็นต้น ซึ่งระบบปี 40 พรรคที่ไม่มีพื้นที่ฐานเสียงแบบเขตเลือกตั้งชัดเจน แต่อาจจะมีคนที่ต้องการผลักดันประเด็นของเขากระจายอยู่มากมายทั่วประเทศและต้องการผลักดันวาระของเขาในสภา ระบบจัดสรรปันส่วนผสมจะสามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้มากกว่าระบบแบบปี 40 ที่ผลออกมาแล้วหากไม่เป็นพรรคใหญ่ก็มีแค่พรรคเล็กไปเลย หลายวาระที่ควรได้รับการผลักดันอย่างมีพลังในสภาผู้แทนราษฎรก็จะจมหายไปดังนั้น ระบบบัตรสองใบ ที่ประชาชนสามารถเลือกคนที่ใช่ เลือกพรรคที่ชอบได้ และมีวิธีการคำนวณจัดสรร ส.ส. ตามสัดส่วนจริงหรือระบบ MMP แบบเยอรมัน จึงเชื่อว่าเป็นระบบที่เหมาะสมและตอบสนองเจตจำนงประชาชนมากที่สุด”
.
นอกจากนี้ นายณัฐชา ยังฝากไปถึงนายไพบูลย์ ว่า หากมองในทางกลับกัน คงจะมีแต่นักการเมืองปัดเศษเท่านั้นที่กลัวการพ่ายแพ้และจ้องจะแก้กติกาทุกครั้งที่ตัวเองกำลังจะเสียประโยชน์ ทั้งที่เรื่องเหล่านี้เคยเป็นหลักการที่อ้างถึงอย่างสวยหรูในการเขียนรัฐธรรมนูญ 60 แต่ก็ไปตัดตอนทำเทียมเลียนแบบระบบที่ดีให้เหลือสภาพเป็นเพียงของก็อปเกรด c จนเมื่อมารู้ว่าทำถึงขนาดนี้แล้วก็ยังมีพรรคอนาคตใหม่ที่กลายมาเป็นพรรคก้าวไกลในเวลานี้มีความเข้มแข็งมากและนั่งในหัวใจประชาชนได้ก็เริ่มที่จะหาวิธีการกำจัดออกไปด้วยการหากติกาใหม่เรื่อยไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |