17 มิ.ย.64 - ประชาสัมพันธ์คณะก้าวหน้า เผยแพร่ข่าว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ร่วมจัดรายการเฟซบุ๊กไลฟ์วาระพิเศษทางเพจ คณะก้าวหน้า - Progressive Movement ในหัวข้อ “สถานการณ์ฉุกเฉิน! ระบอบประยุทธ์กำลังสืบทอดอำนาจรอบ 2” เชิญชวนประชาชนร่วมลงชื่อผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราฉบับรื้อระบอบประยุทธ์ ที่จัดทำโดยกลุ่ม Re-Solution
นายธนาธร ระบุว่าการรณรงค์เรื่องนี้ที่ทำมาตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2564 เดิมมีความตั้งใจจะใช้เวลาจนถึงสิ้นปี ในการเดินทางไปรณรงค์กับประชาชนทั่วประเทศ เพื่ออธิบายถึงความจำเป็นและเนื้อหาสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ด้วยสถานการณ์โควิดรอบใหม่ ทำให้ยังไม่สามารถรณรงค์ตามแผนที่วางไว้ได้
แต่สถานการณ์วันนี้เปลี่ยนไป เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาทางซีกพรรครัฐบาลได้เตรียมยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ที่จะทำให้ระบอบประยุทธ์สามารถสืบทอดอำนาจได้ต่ออีก 1 วาระ ทำให้มีความจำเป็นที่ฝ่ายประชาชนจะต้องเสนอร่างของเรา ก็คือร่างรัฐธรรมนูญฉบับรื้อระบอบประยุทธ์นี้เข้าไปประกบในสภาด้วย ซึ่งต้องขอความร่วมแรงร่วมใจจากประชาชนในวันนี้
ด้านนายปิยบุตร ระบุว่าปัญหาของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราขณะนี้ ส่วนใหญ่เป็นการแก้แต่เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับประชาชน ไม่ได้ทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น มุ่งแต่แก้ในส่วนที่จะทำให้ประยุทธ์และพรรคพวกกลับมามีอำนาจได้อีกครั้งหนึ่ง
ผิดกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ Re-Solution ที่มุ่งไปที่ต้นตอของปัญหา 4 เสาหลักที่ค้ำยันระบอบประยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวุฒิสภา 250 คน ที่เราเสนอให้มีสภาเดียว ไม่จำเป็นต้องมีวุฒิสภา, การโละศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ปฏิรูปการได้มา อำนาจหน้าที่ การตรวจสอบศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระทั้งหมด, การยกเลิกแผนยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ ให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งได้ทำเรื่องเหล่านี้เองตามนโยบายที่หาเสียง, และสุดท้ายก็คือการลบล้างผลพวงและมรดกของการรัฐประหาร
ภายใต้สถานการณ์ที่กำลังจะมีการประชุมรัฐสภา เพื่อนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราของแต่ละพรรคการเมืองเข้าไปพิจารณา หากฝ่ายประชาชนเองไม่เร่งเสนอควบคู่เข้าไปให้ทันปลายเดือนมิถุนายนนี้ จะกลายเป็นว่ามีแต่ร่างที่ไม่ได้แตะต้องหัวใจประเด็นสำคัญของปัญหาเลย เข้าไปอยู่ในการพิจารณาของรัฐสภา เช่น ของพรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอให้เปลี่ยนระบบเลือกตั้งกลับไปเป็นแบบรัฐธรรมนูญ 2540 นั่นคือมีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เลือก ส.ส.แบบแบ่งเขต 400 คน บัญชีรายชื่อ 100 คน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญโดยฝ่ายรัฐบาล
“เท่าที่ผมสำรวจตรวจสอบ สิ่งที่เขากำลังทำคือเขากำลังเอาเรื่องอื่นขึ้นมาแล้วอ้างประชาชน แต่หัวใจสำคัญของเขาคือเขาต้องการเปลี่ยนระบบเลือกตั้ง ดังนั้น จึงต้องมาขอแรงพี่น้องประชาชนว่าเราต้องเร่งให้ทัน 50,000 ชื่อ เพื่อให้ร่างฉบับนี้ได้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาพร้อมกับร่างของแต่ละพรรคการเมืองที่กำลังยื่นเข้าไปในตั้งแต่เมื่อวานและวันนี้ต่อเนื่องกัน” นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตรยังกล่าวต่อไป ว่าข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐ นอกจากจะเสนอให้แก้ระบบเลือกตั้งแล้ว ยังมีเรื่องของการแก้ไขเพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการงบประมาณ และการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของข้าราชการประจำได้ โดยอ้างว่า ส.ส.ต้องการดูแลประชาชน ซึ่งจุดนี้ก็จะเป็นอันตราย เพราะต่อไปนี้ ส.ส.ที่อยู่พรรครัฐบาลจะได้เปรียบ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน
ซึ่งทั้งหมด ล้วนแต่สะท้อนความต้องการที่จะสืบทอดอำนาจรอบที่ 2 ซึ่งเริ่มต้นมาจากการยึดอำนาจ 22 พฤษภาคม 2557 ฉีกรัฐธรรมนูญ 2550 ทิ้งแล้วทำรัฐธรรมนูญใหม่ พอใกล้จะเสร็จก็คว่ำทิ้งทั้งร่างของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ก่อนที่จะตั้งนายมีชัย ฤชุพันธ์ มาทำรัฐธรรมนูญใหม่อีก
เมื่อทำเสร็จกำลังจะประกาศใช้ เกิดความกังวลใจจึงได้คิดค้นกลเม็ดจนเกิด ส.ว.เฉพาะกาลขึ้นมา 250 คนที่มาจากการเลือกของ พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี ยัดไส้หลอกประชาชนเข้ามาในนามของคำถามพ่วงการลงประชามติ
เมื่อถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ประชาชนที่ไปออกเสียงประชามติหลายคนอ่านคำถามพ่วงแล้วงง ไม่รู้ว่าพูดถึงอะไร แต่ผลของคำถามม่วงพ่วงได้นำมาซึ่งการมี ส.ว.ตามบทเฉพาะกาล 250 คน มาจากการเลือกของ พล.อ.ประยุทธ์ ไปโหวต พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก
มาถึงการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 มีการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลในสูตรที่นายธนาธรเป็นคนตั้งชื่อว่ารัฐบาลปิดสวิตช์ ส.ว. แต่พรรคการเมืองจำนวนมากที่ไปหาเสียงว่าจะไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ตอนนั้นกลับหันมาเลือกเข้าร่วมกับรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ เพราะเห็นแล้วว่ารัฐบาลอื่นจะไปไม่รอด ตราบใดที่ ส.ว. 250 คนยังอยู่
มาถึงรอบนี้ เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เติบใหญ่ขึ้นมาเป็นรัฐบาล มีการซื้อตัวดึงตัว ส.ส.มาร่วมเต็มไปหมดจนคราวนี้รัฐบาลเสียงไม่ปริ่มน้ำแล้ว แต่ปัญหาเกิดขึ้นเพราะพรรคพลังประชารัฐเริ่มถูกกดดันจากพรรคร่วมรัฐบาล
“จึงคิดแล้วว่าถ้าวันหน้ารัฐบาลไปไม่รอด ต้องเลือกตั้งกันใหม่ ก็ขอตัวเองเป็นพรรคใหญ่พรรคเดียวบ้าง แต่พอเปิดสูตรการเลือกตั้งดู ปรากฏว่าสิ่งที่ตัวเองวางกับดักพรรคเพื่อไทยวันนั้นไว้ กลายเป็นว่าเข้าตัวเอง วันนี้จึงเปลี่ยนกติกาเพื่อตัวเอง ฝันอยากเป็นแบบพรรคไทยรักไทยปี 2544-2548 แล้วตัวเองจะแลนด์สไลด์บ้าง เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว อาจจะมีพรรคอื่นผสม 1-2 พรรค คราวนี้จะได้พูดได้แล้วว่ามาจากการเลือกตั้งด้วยตัวเอง” นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตรยังกล่าวต่อไป ว่าเมื่อการเลือกตั้งเป็นแบบแบ่งเขต 400 คน กลไกรัฐทุกวันนี้เป็นเหมือนเครื่องจักรการเลือกตั้ง มีระบบที่กดแล้วคะแนนมาจริงๆ ซึ่งเขาหวังตรงนี้ว่างวดหน้า ไม่ว่าเขาจะใช้ชื่อพรรคพลังประชารัฐหรือชื่ออื่นใดก็ตาม เขาจะมีโอกาสเป็นรัฐบาลต่ออีก
คำถามคือประชาชนฝ่ายที่ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอารัฐธรรมนูญ 2560 และไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์และการสืบทอดอำนาจของ คสช. ส่งเสียงร้องตะโกนอยากจะเปลี่ยนแปลง เอารัฐธรรมนูญ 2560 ออกไป เปลี่ยนเป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อยากเอา พล.อ.ประยุทธ์ออกไป ไม่ยอมให้ทำ แต่เมื่อตัวเองอยากเปลี่ยนแปลงกติกาก็เร่งรัดจะทำขึ้นมา จะเอาให้ได้ทันที
“สรุปก็คือทำกันแบบนี้ผมว่ามันเกินไปหน่อย มันไม่เห็นหัวประชาชนเลย สุดท้ายรัฐธรรมนูญเป็นของพวกคุณเท่านั้นหรือ? คุณเป็นผู้ให้กำเนิดรัฐธรรมนูญแต่เพียงผู้เดียวหรือ? ฉีก 50 ทำ 57 ทำ 60 วางแผนกลไกการสืบทอดอำนาจ แต่พอวันนี้ตัวเองแพ้ภัยกติกาตัวเอง ก็จะแก้กติกาเพื่อจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง ให้ประชาชนอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้” นายปิยบุตรกล่าว
ด้านนายธนาธร ได้กล่าวเสริมขึ้นมาว่าหากเราย้อนเวลากลับไปดูตั้งแต่การเปิดสภารอบแรกๆ จะเห็นได้ว่าไม่มีความพยายามหรือความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากพรรคพลังประชารัฐ หรือจาก พล.อ.ประยุทธ์เลย จนกระทั่งต้านทานกระแสสังคมไม่ไหว จึงต้องเปิดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นมา
ซึ่งเรารู้ตั้งแต่วันนั้นแล้ว ว่าความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องถูก hijack แล้วก็ถูก hijack ไปจริงๆ พรรครัฐบาลและเครือข่ายประยุทธ์ครองวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยที่หลักใหญ่ใจความสำคัญเกี่ยวกับอำนาจเป็นของประชาชนนั้น ไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงเลย พูดอย่างเดียวคือเรื่องระบบเลือกตั้ง ปูทางเพื่อให้การเลือกตั้งที่จะมาถึงพวกเขาสามารถเป็นพรรคใหญ่พักเดียวสืบทอดอำนาจต่อไปได้
เรื่องนี้มีความสำคัญ เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 ปีก็จะมีการเลือกตั้งอีกรอบแล้ว การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่นำเสนอโดยพรรครัฐบาล เป็นไปเพียงเพื่อพวกเขาจะได้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง และเพื่อที่จะได้อ้างกับประชาชนได้ ว่าได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว โดยที่เนื้อหาใหญ่ๆไม่ได้แก้ไข เป็นเพียงแต่การแก้ไขเรื่องเทคนิคเล็กๆน้อยๆ
“ดังนั้น ถ้าไม่มีร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน รื้อระบอบประยุทธ์นี้เข้าสู่การประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ประชาชนจะเสียโอกาส เราจะไม่ได้พูดถึงเรื่องสำคัญที่อยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 อย่างเป็นระบบ” นายธนาธรกล่าว
นายปิยบุตรกล่าวต่อ ว่าหากเรามองดูปฏิทิน จะเห็นได้ว่ากำลังจะมีการเปิดประชุมรัฐสภาในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ มีวาระที่ค้างอยู่คือร่างกฎหมายประชามติและร่างกฎหมายยาเสพติด ซึ่งตนได้ข่าวมาว่ามีการวางคิวก็เรียบร้อยแล้ว ว่าวันที่ 22 มิถุนายนจะเคลียร์ให้จบ แล้ววันที่ 23 มิถุนายนจะเป็นคิวของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตรา และวันที่ 24 มิถุนายนนี้จะทำการลงมติกันในวาระ 1 รับหลักการกันเลย วางแผนกันไว้เสร็จสรรพว่าจะตั้งกรรมาธิการอะไรต่างๆ พิจารณาให้จบทันปิดสมัยประชุมสภา
ทั้งนี้ สิ่งที่ประชาชนจะทำได้เพื่อหยุดยั้งกระบวนการดังกล่าว คือ 1) เราจำเป็นต้องผลักดันร่างรัฐธรรมนูญที่พวกเราประชาชนทำกันขึ้นมาเอง ในนามของกลุ่ม Re-Solution เข้าไปให้ทันรอบนี้ให้ได้ ซึ่งต้องใช้ชื่อประชาชน 50,000 รายชื่อ
เรื่องที่ 2) ตนอยากให้พี่น้องประชาชนหันมาจับตาเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญอีกครั้ง อยากเชิญชวนประชาชนทุกคน ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือน ให้กลับมาสนใจวาระที่กำลังพูดคุยกันในรัฐสภาอีกครั้ง
วันที่ 24 มิถุนายน 2475 เป็นวันที่ประเทศของเราเปลี่ยนแปลงการปกครองให้เป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ สถาปนารัฐธรรมนูญขึ้นมา แต่ปีนี้พวกเขาจะเอาวันที่ 24 มิถุนายน ไปใช้ในการเล่นแร่แปรธาตุแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เพื่อที่จะสืบทอดอำนาจอีกรอบ ตนจึงขอให้พี่น้องประชาชนต้องจับตา และส่งเสียงแสดงพลังอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ในที่สุดรัฐธรรมนูญ 2560 จะไปได้ เหลืออยู่ทางเดียวคือประชาชนต้องแสดงพลัง ปรากฏกายออกมาให้เห็นว่าประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญตัวจริงเสียงจริง ต้องปรากฏกายให้เขาเห็น ทุกวันนี้เราเหมือนยักษ์ที่นอนหลับอยู่ เราเหมือนเครื่องจักรที่เขาถอดปลั๊กเราออก เราต้องเสียบปลั๊กตัวนี้ให้พลังของประชาชนกลับขึ้นมาอีกครั้ง เราต้องปลุกยักษ์ที่เรียกว่าประชาชนให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้เขาไม่สนใจพวกเราเลย แต่เราต้องปรากฏกาย แสดงตนทำให้เขาเห็น ว่าอำนาจที่แท้จริงอยู่กับพวกเราประชาชน” นายปิยบุตรกล่าวทิ้งท้าย
ด้านนายธนาธร ทิ้งท้ายว่าการลงชื่อในครั้งนี้ของทุกคน สามารถทำได้ง่ายมาก ตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อฉบับใหม่ ที่สามารถเข้าชื่อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ และไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประชาชน
“ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 5 นาที ถ้าพวกเราได้ 50,000 รายชื่อ จะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เข้าไปอยู่ในสภา และจะทำให้พวกเราเป็นปากเป็นเสียงของทุกท่านได้ เป็นปากเป็นเสียงที่จะทำให้พวกเราได้อภิปรายถึงต้นตอของปัญหาที่อยู่ในรัฐธรรมนูญ 2560 ขอทุกท่านเป็นพลังให้กับพวกเรา ขอแรงหนึ่งเสียงของท่านสนับสนุนให้พวกเราทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนทุกท่าน หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของระบอบประยุทธ์” นายธนาธรกล่าวทิ้งท้าย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |