3นิ้วพิงกมธ.เช็กบิลกรมคุก


เพิ่มเพื่อน    

สามนิ้ว-ก้าวไกล ชงเองกินเอง พา “เพนกวิน-รุ้ง-ไมค์-โตโต้” เข้าสภาฯ พบ กมธ.ป.ป.ช. ย้อนเล่าเรื่องเก่าย้ายผู้ต้องหายามวิกาลไปตรวจโควิด สุดท้ายปูดกรมคุกดังฟัง ขณะที่ศาลอาญาอนุญาต “สมยศ” กับพวกรีเด็มรวม 6 คน ถอดกำไล EM ได้เเล้ว
    วันที่ 16 มิถุนายน 2564 คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) เชิญ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง แกนนำราษฎร และนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ วีโว่ เข้าชี้แจงกรณีการเคลื่อนย้ายผู้ต้องหาทางการเมือง 7 คน จากเรือนจำธนบุรีสู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจหาโควิด-19 จำนวน 4 ครั้ง โดยนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะโฆษก กมธ. ได้ให้ทั้ง 4 คนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ กมธ.ฟัง
    นายพริษฐ์กล่าวว่า ถูกคุมขังตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ วิธีการกักตัวของเรือนจำ คือคนที่เข้ามาใหม่หรือออกไปข้างนอกมาให้นอนอยู่ห้องเดียวกัน ซึ่งตนเคยถูกคุมขังหลายที่ไม่เคยมีที่ไหนที่จะมาเร่งรัดการตรวจโควิด-19 ในตอนกลางคืน เวลา 21.00 น. ได้ส่งเจ้าหน้าที่จำนวนมากมาบอกว่าจะมีการตรวจโควิด-19 นอกจากนี้ยังมีการไล่นักโทษคนอื่นๆ ออกไปด้วย ซึ่งเราก็ได้ถามตรงๆ ว่าอยากจับเราแยกใช่หรือไม่ เขาก็ตอบตรงๆ ว่าใช่ ซึ่งเราก็ปฏิเสธกระบวนการนี้ตลอด หากจะบอกว่าเร่งรีบก็ต้องตรวจตั้งแต่หน้าประตูแล้ว ไม่ใช่เวลานอน ถ้าในวันนั้นเจ้าหน้าที่พยายามนำตัวเราออกไปได้ มีใครรับประกันความปลอดภัยที่เกิดขึ้นยามวิกาลได้บ้าง
    ขณะที่มีการชี้แจง นายธีรัจชัยได้ถามว่า ขั้นตอนในการมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้มีการตรวจสอบเหมือนเรือนจำธนบุรีหรือไม่ โดยนายภาณุพงศ์กล่าวว่า มีการตรวจร่างกายหาสิ่งแปลกปลอม มีการวัดไข้และมีการทำประวัติ หลังจากนั้นก็เข้าเรือนจำไปที่แดน 2 โดยมีการวัดอุณหภูมิที่หน้าแดน ซึ่งในเรือนนอนมีนายพริษฐ์ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายอานนท์ นำภา นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงก์ และผู้ต้องขังคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผู้ต้องหาทางการเมือง หลังจากเวลาประมาณ 21.30 น. มีเจ้าหน้าที่ที่เข้าเวรขึ้นมา 3 คน มาบอกว่าจะนำตัวตน นายจตุภัทร์และนายปิยรัฐแยกไปที่สถานพยาบาล เพราะมาจากพื้นที่เสี่ยงคือเรือนจำธนบุรี ซึ่งเราไม่ยินยอมที่จะไป
    นอกจากนี้ นายธีรัจชัยถามอีกว่า ทัณฑสถานหญิงกลางมีการเร่งรัดตรวจโควิด-19 กลางดึกหรือไม่ น.ส.ปนัสยากล่าวว่า ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนั้น การตรวจโควิด-19 ตามปกติจะตรวจกลางวัน ซึ่งเมื่อถึงเวลาพักผ่อน เจ้าหน้าที่จะเดินตรวจตราตามปกติ แต่จะไม่มายุ่งกับผู้ต้องขังและไม่เคยมีการมาแยกตัวจากผู้ต้องขังอื่นในยามวิกาล
    นายธีรัจชัยจึงถามต่อว่า ข้อกฎหมายตามสิทธิมนุษยชน การที่ยังไม่ถูกศาลพิพากษาว่าเป็นผู้กระทำความผิดในฐานะผู้ต้องขังคดีการเมือง การให้ไปอยู่กับนักโทษเด็ดขาด เช่นกรณีของนายพริษฐ์และนายสมยศ ถือเป็นการปฏิบัติกับผู้ต้องหาเหมือนผู้กระทำความผิดได้หรือไม่ น.ส.ปนัสยากล่าวว่า จะกระทำเช่นนั้นไม่ได้ ผู้ที่ยังไม่ถูกศาลตัดสินโทษ ถือว่ายังบริสุทธิ์อยู่ ฉะนั้นถือว่าผิดตั้งแต่นำพวกเราเข้าในเรือนจำแล้ว และยังผิดอีกที่พานายพริษฐ์ นายสมยศ นายปติวัฒน์ไปอยู่ที่แดนเด็ดขาด ไม่ใช่แดนที่ผู้ต้องหาอยู่
    ส.ส.พรรคก้าวไกลผู้นี้ยังถามอีกว่า ตามหลักสิทธิมนุษยชนและรัฐธรรมนูญ ผู้ต้องหาสามารถต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ การที่ยังไม่ถูกตัดสินว่าผิด แต่ถูกนำไปขังเหมือนผู้ต้องขังคดีแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เรามีสิทธิ์ที่จะได้รับการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่เหมือนผู้ที่ยังไม่ถูกตัดสินใช่หรือไม่ น.ส.ปนัสยาแจงว่า การต่อสู้คดีจากข้างในเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับทุกคน การคุยกับทนายผ่านห้องกระจกที่ใช้โทรศัพท์คุยกัน ถูกดักฟัง ตนสังเกตได้เลยว่าจะมีเสียงซ่าแทรกขึ้นตลอด และการคุยกับทนายบางครั้ง ผู้คุมรู้ได้อย่างไรก็ไม่ทราบ เรื่องเอกสารที่เข้า-ออกเรือนจำก็ถูกตรวจสอบทุกครั้ง มีครั้งหนึ่งตนเขียนแถลงต่อศาลตั้งแต่ข้างในและนำออกไปข้างนอก เพื่อที่จะได้ไม่ต้องผ่านคนอื่น แต่เจ้าหน้าที่มีแถลงการณ์ฉบับคัดลอกได้อย่างไรก็ไม่ทราบ
    ด้านนายพริษฐ์บอกว่า เรื่องการตรวจสอบเอกสาร เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คล้ายกับทัณฑสถานหญิงกลาง จึงอากให้ กมธ.เข้าไปตรวจสอบว่ามีการดักฟังจริงหรือไม่ เป็นมาตรฐานสากลหรือไม่
    ขณะที่นายธีรัจชัยกล่าวว่า ขอฝากไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้ตรวจสอบเรื่องการปฏิบัติตนต่อผู้ต้องหาให้สามารถแยกควบคุมตัวได้หรือไม่ และขอฝากไปที่กระบวนการยุติธรรมโดยรวมให้พิจารณาหลักกฎหมายในเรื่องนี้ และ กมธ.จะส่งหนังสือไปยังกระทรวงยุติธรรมในประเด็นต่างๆ เหล่านี้ด้วย ซึ่งหากไม่มีความคืบหน้าจะมีการลงไปตรวจสอบอีกครั้ง
    ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กับพวก รวม 6 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหากลุ่มรีเด็มที่ศาลกำหนดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวโดยให้ใส่กำไล EM เดินทางมาพร้อมทนายความ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอถอดกำไล EM 
    ทั้งนี้ ศาลอนุญาตให้นายสมยศกับพวกถอดกำไล EM โดยนายสมยศระบุว่า คดีที่ติดกำไล EM นี้เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ศาลได้ยกเลิกเงื่อนไขเดิม ซึ่งกำหนดเขตพื้นที่เดินทางเเละเพิ่มเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เเละห้ามชุมนุมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองเพิ่มขึ้น ส่วนเงื่อนไขห้ามพาดพิงสถาบันเป็นในส่วนอีกคดี ซึ่งยังกำหนดไว้ตามเดิม.


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"