'ผบ.ปั๊ด' สั่งเข้มปราบพนันฟุตบอล คาดโทษ ตร.นอกแถวฟันวินัย-อาญา


เพิ่มเพื่อน    

            ในช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดในประเทศ และไม่มีท่าทีที่จะหยุดการแพร่ระบาด ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ที่หลัก 2 พันคนบวกมานานกว่า 2 เดือน ผู้เสียชีวิตพุ่งเป็นเงาตามตัว หลายพื้นที่หลายจังหวัดยังเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวัง พิษโควิดระลอก 3 ทำลายเศรษฐกิจทุกภาคส่วนราบเป็นหน้ากลอง  สถานประกอบการ ร้านค้า เจ๊งกันระเนนระนาด นอกจากเชื้อไวรัสที่คร่าชีวิต พิษเศรษฐกิจยังทำให้หลายคนเลือกจบชีวิตตัวเอง ผู้คนตกงาน ไร้อาชีพหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ต่างตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า เครียด หาทางออกไม่เจอ

            เมื่อมองไปที่ฟากฝั่งการเมืองก็อึมครึมไม่แพ้กัน เมื่อ  "วัคซีน" ที่เป็นทางเดียวในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส รัฐบาลกลับบริหารผิดพลาดมหันต์ในการนำเข้าวัคซีน รพ.ทั่วประเทศต้องเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไป ถึงแม้จะโปรยยาหอมยืนยันมีวัคซีนให้ประชาชนได้ตามที่กำหนดไว้ 100 ล้านโดสก่อนสิ้นปี เมื่อคำนวณแล้วต้องฉีดวัคซีนให้ได้เกือบ 4 แสนโดสต่อวัน ซึ่งสวนทางกับวัคซีนที่มีอยู่ เท่าที่สำรวจตัวเลขพบว่ามีเพียงวันเดียวที่สามารถฉีดได้ถึง 4 แสนโดสต่อวัน คือวันที่ 7 มิ.ย.ที่รัฐบาลประกาศ "ปูพรมฉีดทั่วประเทศ" จากนั้นยอดก็ลดลงทุกวัน บางหน่วยได้วัคซีนเพียง 1 โดส คำถามคำโตๆ จึงพุ่งไปที่รัฐบาลกำลังทำอะไรกันอยู่

            แต่ในสภาวะตึงเครียดก็ยังพอมีช่องให้ผ่อนคลาย เมื่อ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ คืนความสุขให้ประชาชน ด้วยการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมหกรรมฟุตบอลยูโร 2020 รอบสุดท้าย ให้ได้ชมฟรีครบ 51 แมตช์การแข่งขัน  ผ่านทางสถานีโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์ (เอ็นบีที) ซึ่งเป็นการปิดดีลแบบกระชั้นชิดที่คอบอลทั่วประเทศต่างเฝ้ารอว่าจะมีการถ่ายทอดผ่านฟรีทีวีหรือไม่ เมื่อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดเป็นของยูฟ่า มีมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ด้วยสถานการณ์โควิดที่ทำให้ภาคเอกชนต่างยกมือบ๊ายบาย ไม่มีใครสนใจที่จะลงทุนเพราะรู้ว่าซื้อลิขสิทธิ์มาก็มีแต่เจ็บตัว กระทั่งก่อนถึงวันฟาดแข้งเมื่อดีลรัฐบาลกับนักธุรกิจส่งออกรองเท้า "แอโร่ซอฟต์" นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการบริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด บรรลุ เจ้าของบริษัทส่งออกรองเท้ายอมควักกระเป๋าแต่เพียงผู้เดียวซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลยูโรให้คนไทยได้ดู

            ฟุตบอลเป็นกีฬาสากลคนทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ และการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลยูโรครั้งนี้ เพื่อต้องการให้ผู้ที่สนใจในเกมลูกหนังได้ผ่อนคลายจากความเครียดของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หรือเป็นแรงบันดาลใจในการเล่นกีฬา ออกกำลังกาย แต่แน่นอนว่าการแข่งขันฟุตบอลย่อมควบคู่กับการเล่นพนัน ต่างประเทศมีการจดทะเบียนบริษัทรับพนันอย่างถูกกฎหมาย แต่ประเทศไทยเป็นสิ่งผิดกฎหมาย บนดินทำไม่ได้ก็ต้องทำใต้ดิน มีการลักลอบเปิดรับแทงพนันฟุตบอลกันเป็นจำนวนมาก จับอย่างไรไม่มีวันหมด เมื่อธุรกิจสีเทามีมูลค่าร้อยล้าน พันล้าน จนแตะหมื่นล้าน ใครก็อยากได้ส่วนแบ่งนี้ มีทั้งนักธุรกิจ  นักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นยันปลายน้ำ

            ยิ่งด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ง่ายต่อการเข้าถึงพนันออนไลน์ เพียงมีสมาร์ทโฟนก็สามารถเข้าถึงแหล่งพนันได้ ทำธุรกรรมการเงินผ่านไอแบงกิง เว็บพนันออนไลน์เกลื่อนในโลกโซเชียล แต่ละเว็บผุดโปรโมชันแข่งขันลดแลกแจกแถม เรียกลูกค้าจนหลงเข้าไปในวงจรอุบาทว์ กลายเป็นทาสพนันสิ้นเนื้อประดาตัว ซึ่งที่ผ่านมาแต่ละครั้งหลังมหกรรมฟุตบอลยูโรหรือบอลโลก ปัญหาอาชญากรรมที่ประสงค์ต่อทรัพย์จะเพิ่มสถิติสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์คือทาสพนันลงมือก่อเหตุเพื่อหาเงินใช้หนี้พนัน และอีกอาชีพที่เกิดตามมาคือ "นักทวงหนี้" ไล่ล่าลูกค้าจอมชักดาบ ทาสพนันต้องหนีหัวซุกหัวซุน บางรายถึงกับต้องจบชีวิตตัวเองเพื่อหนีหนี้พนัน 

            "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการกำลังเข้มงวดตรวจสอบ ป้องกันการลักลอบเล่นการพนันฟุตบอล ลักลอบเปิดโต๊ะพนันฟุตบอลในพื้นที่ต่างๆ และพนันทางออนไลน์ พร้อมทั้งสั่งการให้เข้มงวดในการป้องกัน สืบสวนและจับกุมลักลอบการเดินทางเข้าออกประเทศเพื่อเล่นการพนันตามแนวชายแดน ที่เป็นสาเหตุเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อไม่ให้ปัญหาที่เคยเกิดมาแล้วต้องฉายซ้ำอีกครั้ง

            "บิ๊กปั๊ด" พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข หัวเรือใหญ่ "กรมปทุมวัน" เด้งรับนโยบาย โดยมีหนังสือสั่งการไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค  1-9 กองบัญชาการสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีมาตรการเฝ้าระวังสืบสวนจับกุมปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการพนันและบ่อนการพนันทุกรูปแบบ ทุกช่องทางอย่างเคร่งครัด รวมทั้งการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามแนวชายแดนของประเทศเพื่อนบ้านที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด

            ขณะเดียวกันมีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานประสานกับหน่วยงานร่วมปฏิบัติออกตรวจสถานประกอบการ แหล่งมั่วสุมที่สุ่มเสี่ยง และการลักลอบจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิดตามคำสั่งประกาศของจังหวัดในทุกพื้นที่ พร้อมกำชับข้าราชการตำรวจทุกนายไม่ให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดลักลอบหลบหนีเข้าเมือง  ความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน การเป็นผู้เล่นมีส่วนได้เสียหรือเรียกรับผลประโยชน์ หากพบการฝ่าฝืนจะถูกดำเนินการทั้งอาญาและวินัยอย่างเด็ดขาด โดยกำชับให้ผู้บังคับบัญชาสอดส่องดูแลลูกน้องอย่างใกล้ชิด อย่าให้ออกนอกลู่นอกทางไปในทางที่เสียหาย

            ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือศูนย์ PCT ที่มี "บิ๊กเด่น" พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.เป็นผู้อำนวยการศูนย์ ที่มีอำนาจขอบเขตหลายหน้างานในการสืบสวนจับกุมทั่วราชอาณาจักร โดยเฉพาะพนันออนไลน์ ฉ้อโกงประชาชน สืบสวนขยายผล ใช้กฎหมายฟอกเงินยึดทรัพย์ขุดรากถอนโคน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อเซิร์ฟเวอร์เว็บพนันบอลเหล่านั้นส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ  ยากที่จะเอาผิด กฎหมายเอาผิดได้เฉพาะขบวนการปลายแถว แต่นายทุนใหญ่ยังเสวยสุขนั่งนับแบงก์

            โต๊ะพนันฟุตบอล หรือบ่อนพนันบอลออนไลน์ ไม่ใช่ว่าใครอยากจะทำอยากจะเปิดก็ทำได้ ถ้าไม่มีสายสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่มีคอนเนกชันกับนักการเมืองหรือผู้มีอิทธิพล  โดยเฉพาะตำรวจซึ่งเป็นด่านแรกที่นายทุนต้องมาเคาะประตูเจรจาทำความรู้จัก หรือถ้าเจ้ามือแบ็กใหญ่ พื้นที่ต้องคอยอำนวยความสะดวกให้เพื่อผลประโยชน์ที่ลงตัว หากติดขัดหมายถึงต้องกระเด็นออกจากพื้นที่ ถึงแม้ผลประโยชน์ราคาค่างวดธุรกิจแบบนี้จะไม่มีใบเสร็จตรวจสอบไม่ได้ แต่ก็รู้ๆ กันอยู่ เช่นเดียวกันกับการซื้อขายตำแหน่งที่ตำรวจยืนกระต่ายขาเดียวไม่มีการซื้อเก้าอี้ แต่ตำรวจที่อกหักจ่ายเงินแล้วพลาดเก้าอี้ออกมาแฉกันเอง หรือแม้กระทั่งเจ้าพ่อบ่อนภาคตะวันออก "หลงจู๊สมชาย" ที่ใช้เงินซื้อตำรวจเพื่ออำนวยความสะดวกในการเปิดบ่อนในพื้นที่ จนถูกตั้งคณะกรรมการสอบกว่า 200 นาย ตั้งแต่ "พล.ต.ท.-ส.ต.ต."

               "บิ๊กปั๊ด" พล.ต.อ.สุวัฒน์ ผบ.ตร.ที่เป็นผู้นำองค์กรน้ำดีคนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ผู้นำองค์กรตำรวจ  ต้องเคร่งครัดตรวจแถวผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้ออกนอกลู่นอกกรอบ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อคนในองค์กรมีกว่า 2 แสนคน มีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ กฎระเบียบ ข้อบังคับ ตัวบทกฎหมาย บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถบริหารจัดการทั้งป้องกันและปราบปราม เนื้อร้ายที่คอยกัดกินองค์กรก็ต้องตัดทิ้ง  อย่าให้ต้นทุนตำรวจต่ำไปกว่าที่เป็นอยู่ แล้วความศรัทธา ความเชื่อมั่นประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"