15 มิ.ย.64- ที่ห้องม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง พร้อมด้วย น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ในฐานะตัวแทนจังหวัดศรีสะเกษ เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อเชิญชวนประชาสัมพันธ์การส่งเสริมการขายทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ฤดูการเก็บเกี่ยว ปี 2564 พร้อมประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ www.lavadurian.com ช่องทางออนไลน์ในการสั่งซื้อทุเรียนภูเขาไฟจากชาวสวนโดยตรง พร้อมกันนี้ ยังได้มอบทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ให้กับนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นของขวัญและของฝากจากชาวศรีสะเกษ

โดย นายกรัฐมนตรี ได้ชิมทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ พร้อมสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เอ่ยปากชมว่ารสชาดดี หวานมัน พูสวย เนื้อสุก ขนาดพอกินไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป นายกฯยังกล่าวว่า ส่วนตัวชื่นชอบทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษอยู่แล้ว และได้ยินชื่อเสียงของทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ มาเป็นเวลานาน จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะช่วยประชาสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริมการขายทุเรียนของทางจังหวัด ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เกษตรกรต่างได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆ ดังนั้น การส่งเสริมการขายผ่านระบบออนไลน์ จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่จะเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยง่าย พร้อมขอบคุณที่นำทุเรียนมามอบให้ในวันนี้ และแสดงความยินดีกับผู้ปลูกทุเรียนภูเขาไฟที่มียอดขายทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในส่วนของรัฐบาลจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำให้ผลไม้ไทยได้รับการยอมรับและได้รับความนิยมในต่างประเทศ

ด้าน นายอาคม กล่าวว่า จังหวัดศรีสะเกษ มีพื้นที่ปลูกทุเรียน 8,552 ไร่ คาดการณ์ปริมาณผลผลิต ทุเรียนภูเขาไฟในปี 2564 ไว้ที่ 4,195 ตัน เฉลี่ย 1,190 กิโลกรัมต่อไร่ ราคาจำหน่ายปลีกหน้าสวน กิโลกรัมละ 160-180 บาท และราคาในตลาดอำเภอเมืองฯ ที่กิโลกรัมละ 180-200 บาท โดยคาดว่าปีนี้ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษจะสร้างรายได้ คิดเป็นมูลค่า 713 ล้านบาท ปีนี้จังหวัดศรีสะเกษ ได้งดจัดงานเทศกาลทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยจังหวัดศรีสะเกษได้มีการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับระบบการจำหน่ายทุเรียนภูเขาไฟผ่านช่องทางออนไลน์ เว็บไซต์ www.lavadurian.com เป็นดังประตูบานแรกที่ผู้บริโภคสามารถเข้าไปเลือกซื้อทุเรียนภูเขาไฟจากชาวสวนตัวจริงที่จังหวัดให้การรับรองคุณภาพ ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เป็นทางเลือกให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการสินค้าในช่วงวิกฤติ ตลอดจนเป็นการสร้างความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าให้กับผู้บริโภคด้วย

​ รมว.คลัง กล่าวว่า นอกจากนี้ จังหวัดศรีสะเกษ และ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนภูเขาไฟ ที่มีช่องทางการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ ได้จัดส่งทุเรียนให้กับผู้สั่งซื้อด้วยความรวดเร็ว รวมทั้งมีการประสานความร่วมมือเพื่อดำเนินการส่งมอบทุเรียนภูเขาไฟจากเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน ไปยังผู้บริโภคที่เป็นภาคีเครือข่ายของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ร่วมกัน โดยเริ่มส่งมอบครั้งแรก จำนวน 10 ตัน ในวันที่ 9 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา
​
ขณะที่ น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประชาชนหลายพื้นที่หลีกเลี่ยงการเดินทาง ทำให้การจำหน่ายทุเรียนภูเขาไฟผ่านช่องทางออไลน์ เว็บไซต์ www.lavadurian.com มียอดสั่งซื้อสูงขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยจังหวัดศรีสะเกษ ได้เร่งประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนทั่วประเทศได้ทราบถึงช่องทางดังกล่าว ซึ่งมีความสะดวก รวดเร็ว เหมาะกับการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน ทั้งนี้ในปี 2564 นี้ จังหวัดศรีสะเกษ โดยศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ ได้พัฒนาพันธุ์ทุเรียนภูเขาไฟ ที่มีความโดดเด่น จนได้ทุเรียนพันธุ์ใหม่ที่มีคุณภาพ มีคุณสมบัติแปลกใหม่ คือ เปอร์เซ็นต์เนื้อทุเรียนสูงกว่าหมอนทอง เนื้อสัมผัสแตกต่างจากพันธุ์เดิม กล่าวคือ มีความเป็นมันวาว กรอบกว่า เนื้อแน่นกว่า เก็บได้นาน ไม่เละ สีสม่ำเสมอ รสชาติโดดเด่นแตกต่างจากทุเรียนภูเขาไฟทั่วไป โดยจังหวัดศรีสะเกษ ได้ตั้งชื่อทุเรียนพันธุ์นี้ว่า “ทุเรียนพันธุ์ศรีสะเกษ 238 ปี” สามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ในจังหวัดศรีสะเกษ ไม่เจาะจงเฉพาะพื้นที่ที่เป็นดินภูเขาไฟเท่านั้น
​
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ปี 2564 สวนทุเรียนจังหวัดศรีสะเกษ ยังเปิดรับนักท่องเที่ยว ภายใต้มาตรการการท่องเที่ยวชมสวนทุเรียนภูเขาไฟแบบ New Normal ซึ่งนอกจากจะเน้นความสุข สนุก และประทับใจแล้ว ยังต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ ด้วยการยึดแนวทางตามหลัก Social Distancing อย่างเคร่งครัด โดยนักท่องเที่ยวที่จะเข้าชมสวนทุเรียนภูเขาไฟ นอกจากจะได้ชิมทุเรียนภูเขาไฟจากแหล่งผลิต ที่ได้รับรองเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) แล้ว ยังจะได้ชมและเลือกซื้อสินค้า OTOP คุณภาพและของดีศรีสะเกษ อาทิ ผ้าเบญจศรี ซึ่งจะมีการจัดจุดแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP ในบริเวณหน้าสวนทุเรียน ที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาท่องเที่ยว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก และสร้างเครือข่ายทางการค้าในอนาคตต่อไป