“ประยุทธ์” สยบเกาเหลา “สธ.-กทม.” สั่ง 2 หน่วยงานจูบปากแจงรายละเอียดเรียกความเชื่อมั่นประชาชน รับสภาพวัคซีนที่จองไว้กำหนดไม่ได้มาเมื่อไหร่ แต่คนจองฉีดกลับล้น กำชับต่อไปต้องวางแผนให้พอดีกัน พร้อมเตือนระวังมีฝ่ายอื่นบิดเบือน “หมอหนู” ยันทำงานตามหลักบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ได้แย่งซีนเอาหน้า เลขาฯ สมช.ย้ำฉีดครบ 50 ล้านรายในสิ้นปีนี้แน่ “อัศวิน” หยอดคำหวานไม่เคยขัดแย้ง สธ. มีแต่ช่วยเหลือ
เมื่อวันจันทร์ ยังคงมีความต่อเนื่องกรณีดรามาเรื่องการบริหารจัดการวัคซีนระหว่างกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) จนทำให้โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งเลื่อนการฉีดออกไป
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวช่วงหนึ่งในการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาพระราชกำหนดกู้เงิน 5 แสนล้านบาทว่า รัฐบาลวางแผนปี 2564 ต้องฉีดวัคซีนกว่า 100 ล้านโดส เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายในไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งการจะฉีดให้กับประชาชนต้องทยอยนัดวันตามจำนวนวัคซีนที่ให้จัดสรรให้ สิ่งที่เป็นปัญหาในเรื่องฉีดวัคซีนคือรับจองฉีดวัคซีนมากกว่าจำนวนวัคซีนที่จัดสรรให้ ซึ่งแผนการฉีดได้ให้ไปแล้ว เช่น เดือน มิ.ย.ให้ 1 ล้านโดส แต่เวลาวัคซีนมาจะทยอยมาตามสัญญา ซึ่งเราไม่สามารถกำหนดได้ แต่สัญญาใหญ่มีอยู่แล้ว ดังนั้นที่ผ่านมาจองผ่านหมอพร้อม ซึ่งจองเข้ามาจากทั่วประเทศพร้อมกัน ถามว่าจะเข้าหลักการที่กล่าวไว้ข้างต้นหรือไม่ ย้ำว่าการนัดจองฉีดวัคซีนต้องไม่เกินกับวัคซีนที่มีอยู่
“การประชาสัมพันธ์การสื่อสารต่อ กรุณาฟังรัฐบาลหรือผมพูด ถ้าไม่ฟังก็ไปกันใหญ่ วันนี้ก็ทราบกันอยู่ว่ามีปัญหาอะไรบ้างในการรับรู้ ในการบิดเบือน ทุกอย่างมีการเมืองแทรก ไม่ได้มีฝ่ายรัฐบาลอย่างเดียว มีฝ่ายอื่นๆ ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และยืนยันว่าวัคซีนมีเพียงพอแน่นอน
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนอีกครั้งว่า สิ่งที่รัฐบาลบริหารคือต้องบริหารวัคซีนยอดใหญ่ที่เข้ามาทั้งหมด จะเป็นการทยอยเข้ามาเป็นรายเดือน และจะให้ไปให้มากที่สุดเท่าที่ให้ได้ ดังนั้นหน่วยงานในพื้นที่ก็ไม่ได้โทษเขา เพราะมีการนัดอยู่หลายช่องทางด้วยกัน แต่วัคซีนงวดหนึ่งมาแค่นี้ แล้วส่วนที่นัดมาก่อนมันจะไปได้หรือไม่ ก็ไม่ได้ วันนี้ก็มีการคุยกันทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายต่างๆ ของเราก็ตรงกัน ต่อไปนี้ต้องนัดวันฉีดให้สอดคล้องกันกับวัคซีนที่ให้มาแต่ละงวด ถ้าบอกว่าเราให้ไปล้านโดส มันไม่ใช่ให้ทีเดียวล้านโดส มันต้องให้ทีละ 1 แสน, 2 แสน, 3 แสนโดส ที่ได้มาแต่ละสัปดาห์วันนี้เราบริหารเป็นเดือนใช่หรือไม่ ที่ให้ไปคุณก็ต้องบริหาร 4 สัปดาห์ให้อยู่ให้ได้ ระหว่างนี้ถ้ามันไม่พอ รัฐบาลได้มาใหม่รัฐบาลก็เติมให้อีก นึกออกหรือไม่ เข้าใจหรือยัง
“วันนี้นัดหมอพร้อม เราก็ต้องให้เขา นัดมาแล้ว โรคกลุ่มเสี่ยง อายุเยอะต่างๆ มันเต็มยอดแล้ว เราก็ต้องฉีดให้เขาทยอยให้เขาไปก่อนส่วนหนึ่ง อีกส่วนที่เปิดแอปพลิเคชันมาจากพื้นที่ต่างๆ จังหวัดต่างๆ กทม. เราก็ต้องให้พวกนี้ไปด้วย”
เมื่อถามว่า ดูเหมือนแต่ละหน่วยงานจะโยนกันไปมาและโทษกันไปมา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่โทษใคร วันนี้ก็อาจเข้าใจไม่ตรงกันสักอย่าง เพราะพูดกันหลายทางเหลือเกิน วันนี้จึงจำเป็นต้องให้ ศบค.มาพูดในหลักการของตนเอง และก็คุยกับผู้ว่าฯ กทม. คุยกับทุกภาคส่วนไปแล้ว ก็ต้องบริหารตามนี้
ถามอีกว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาในการบริหารจัดการใช่หรือไม่ ซึ่งเวลาคนด่าไม่ได้ด่าคนบริหารจัดการ แต่ด่านายกฯ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมบริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว เห็นใจผมบ้าง”
เตือนสติ กทม.ถามก่อนโวย
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข กล่าวในประเด็นนี้ว่า ได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.แล้ว โดยมีการทำความเข้าใจให้ตรงกัน ช่วยกันทำงาน โดย สธ.จัดส่งวัคซีนโควิด-19 ไปทั่วประเทศ ตามข้อสั่งการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดจากข้อตกลงร่วมกันของ ศบค. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกรมควบคุมโรค ดังนั้นวัคซีนทุกขวดที่ออกจากกรมควบคุมโรค ออกไปด้วยข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ดุลยพินิจของกรมควบคุมโรคอย่างเดียว หากเกิดปัญหา แต่ละพื้นที่ก็ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ รวมถึงทำความเข้าใจกับโรงพยาบาล ทั้งรัฐและเอกชน เช่น ในพื้นที่กรุงเทพฯ หากไม่ได้รับวัคซีนก็อย่าเพิ่งใจร้อน ควรหารือกับสำนักอนามัย กทม.ก่อน เพราะการโพสต์ข้อความว่า สธ.ไม่ส่งวัคซีนให้ จะทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด และที่ระบุว่าหากสงสัยให้โทร.ถามที่รัฐมนตรีว่าการ สธ.ไม่ใช่วิธีการทำงานที่ถูกต้อง
นายอนุทินยังกล่าวถึงการกระจายวัคซีนในกรุงเทพฯ ว่ายังคงเป็นเช่นเดิม เพราะจำนวนวัคซีนของเดือน มิ.ย. ทุกหน่วยงานทุกจังหวัดได้ตกลงกันแล้ว โดย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค มีข้อมูลชัดเจน หากส่งวัคซีนไปน้อยกว่าที่ตกลงกันก็ต้องมีคนรับผิดชอบ และจะไม่มีการปรับจำนวนวัคซีนของ กทม. ในเดือน มิ.ย.เพิ่มเติม เพราะต้องกระจายไปตามจำนวนวัคซีนที่เราได้รับมาจากบริษัทวัคซีน
“ยืนยันว่าการส่งวัคซีนของกรมควบคุมโรค หากได้รับมากก็ส่งไปให้มาก หากได้รับวัคซีนไปก็ต้องบริหารการฉีดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดให้ต่อเนื่อง เพื่อไม่ต้องมาประกาศปิด เพราะประชาชนก็คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากวัคซีนขาด แต่จริงๆ ไม่ได้ขาด ตอนนี้ สธ.ทำงานได้เท่านี้ จะไปกำหนดนโยบายไม่ได้ เพราะ ศบค.เป็นคนกำหนด อำนาจบริหารจัดการอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กฎหมายอยู่ที่ ศบค. ซึ่ง สธ.ก็เป็นผู้ปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพแบบบูรณาการ หากทุกหน่วยงานต้องการสร้างความนิยม ไปแย่งกันทำงาน กำหนดนโยบายของตัวเอง ก็คงลำบาก คงไม่ใช่การบริหารราชการแผ่นดิน”นายอนุทินกล่าว และว่า เว้นแต่ว่าหากมีเหตุฉุกเฉินที่กระทบต่อประชาชน สธ.ก็คงใช้ดุลยพินิจเข้าไปแก้ไข เช่น การมอบหมายให้อธิบดีกรมควบคุมโรคไปตรวจชื่อรายชื่อหมอพร้อมใน 2 กลุ่มคือ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังที่ลงทะเบียนในกรุงเทพฯ ไว้ว่ามีกี่คน แล้วโดนเทในช่วงเปลี่ยนผ่านระบบกี่คน สธ.ก็จะรับมาฉีดเอง โดยหักโควตาของ กทม. แต่ถ้าวัคซีนมีมากเพียงพอก็ไม่หัก เพราะเดิมเดือน มิ.ย.ต้องฉีดให้คนจองในหมอพร้อม เมื่อตอนที่ชะลอหมอพร้อม เราคิดว่าจะมีการอุ้มคนในหมอพร้อมไปด้วย ไม่ใช่เทเขากลางทาง เพราะอยู่ในโควตาของ กทม.ด้วย
ต่อมานายอนุทินแถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่าที่ประชุมมีมติดังนี้ 1.มอบหมายสถานพยาบาลฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไปอยู่ภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ส่วน สธ.มีหน้าที่จัดสรรจำนวนวัคซีนไปตามเป้าหมายของ ศบค. และ 2.เห็นชอบกำหนดระยะห่างในการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 10-12 สัปดาห์ ถ้าจะขยายให้ถึง 16 สัปดาห์ ก็เป็นดุลยพินิจของกรมควบคุมโรค ที่จะกำหนดเป็นนโยบายในแต่ละพื้นที่ในแต่ละจังหวัดตามความจำเป็น
“บิ๊กตู่”สั่งเลิกเกาเหลา
ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะ ผอ.ศบค. มีดำริให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค., อธิบดีกรมควบคุมโรค และผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงเรื่องการบริหารจัดการวัคซีนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน เพราะในช่วงครึ่งหลังของเดือน มิ.ย. เกิดความขลุกขลักขึ้นบ้าง ซึ่งต้องกราบขออภัยประชาชนเป็นอย่างสูง และยืนยันว่าเราทำงานหนักทุกคน เพราะต้องการหาวัคซีนมาให้โดยเร็ว แต่เมื่อไม่ได้อย่างทันท่วงทีทำให้ขลุกขลักบ้าง จึงขอให้ประชาชนติดตามความคืบหน้าของทุกภาคส่วน และเราขอให้คำมั่นว่าจะทำให้เต็มที่และอย่างดี เช่นเดียวกับบริษัทวัคซีนในไทยก็จะทำการจัดหาส่วนต่างๆ เชื่อมั่นว่าความตั้งใจนี้จะทำให้เป็นไปด้วยดี ขอให้มั่นใจกับสิ่งที่เราทำเพื่อผ่านวิกฤติไปด้วยกัน
“ผอ.ศบค.ระบุว่าในภาวะวิกฤติขอให้คนไทยรักกัน ความร่วมมือกันและห่วงใยกัน แม้จะมีความเห็นไม่ตรงกันและมีเป็นเรื่องที่ลงรายละเอียด มีปัญหาเยอะแยะมากมาย ขอให้ทุกฝ่ายทุกส่วนพูดคุยกัน โดยผู้ว่าฯ กทม.และอธิบดีกรมควบคุมโรคต่างยืนยันว่าทุกอย่างต้องขอบคุณซึ่งกันและกัน เพราะส่วนที่จัดหา ส่วนกระจายและฉีด ต้องพึ่งพาอาศัยกัน และขอบคุณประชาชนที่สนใจเพื่อก้าวผ่านไปด้วยกัน”
นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวถึงตัวเลขการฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ว่ามีทั้งสิ้น 106,882 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 75,128 ราย เข็มที่สอง 31,754 ราย โดยเฉพาะยอดของ กทม. ระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-13 มิ.ย. ฉีดเข็มแรกไปแล้ว 1,346,993 ราย และเข็มที่สอง 369,401 ราย
ในเวลา 11.40 น. พล.อ.ประยุทธ์สั่งการให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการ สมช., พล.ต.อ.อัศวิน และ นพ.โอภาส ร่วมแถลงข่าวชี้แจงในเรื่องดังกล่าว โดย พล.อ.ณัฐพลยืนยันว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา ศบค.บูรณาการร่วมกับ สธ.และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องวัคซีนทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทุกส่วนราชการตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ และยืนยันได้เลยว่าวัคซีนของไทยมีเพียงพอ สำหรับประชาชนที่จะฉีดให้กับประชาชนจำนวน 50 ล้านคน ภายในปี 2564 แน่นอน
เลขาธิการ สมช.กล่าวถึงแผนการฉีดวัคซีนว่า ศบค.หารือกับ สธ. โดยตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.เป็นต้นมา ถือเป็นวาระแห่งชาติ ในการฉีดวัคซีนโดยในเดือน มิ.ย.จะฉีดวัคซีนประมาณ 6 ล้านโดส เดือนถัดๆ ไปจะฉีดประมาณเดือนละ 10 ล้านโดสเป็นอย่างน้อย ทำให้เราสามารถฉีดวัคซีนครบเข็มแรกจากจำนวนประชากร 50 ล้านคน ภายในประมาณเดือน ก.ย.หรืออย่างช้าเดือน ต.ค. ซึ่งการวางแผนที่ดีที่สุดและไม่เกิดปัญหาเลยคือ เมื่อได้วัคซีนมาแล้วค่อยมาวางแผนฉีด แต่จะล่าช้าในการดำเนินการ เพราะฉะนั้น ศบค.จึงร่วมกับ สธ.วางแผนล่วงหน้า หรือประมาณการว่าวัคซีนนั้นจะเข้ามาอย่างไร ดังนั้นเมื่อเกิดความคลาดเคลื่อนกรณีที่วัคซีนไม่เข้ามาตามแผน ก็ต้องปรับแผน ดังนั้นการเตรียมการล่วงหน้า การจองเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีน จึงทำให้ต้องมีการเลื่อนกันบ้าง ซึ่งต้องกราบขออภัยประชาชน แต่ในภาพรวมยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามกำหนดการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะแก้ปัญหาความไม่เชื่อมั่นของประชาชนกรณีเรื่องวัคซีนการเมืองอย่างไร พล.อ.ณัฐพลกล่าวยืนยันว่า ไม่มีวัคซีนทางการเมืองแน่นอน ยืนยันว่าทุกคนทำงานตามกรอบและนโยบาย ศบค. ยืนยันว่าไม่มีประเด็นดังกล่าวแน่นอน
เมื่อถามย้ำว่า วันนี้ถือว่าสยบข่าวเกาเหลาระหว่าง สธ.และ กทม.ได้แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลยิ้มพร้อมกล่าวว่า ก็คุยกันดี เมื่อถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการสื่อสารใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลไม่ตอบ
นพ.โอภาสกล่าวว่า สธ.ดำเนินการตามนโยบายที่รัฐบาลกำหนดในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้กับประเทศไทยอย่างน้อย 50 ล้านคน คิดเป็น 70% ของประชาชนที่อยู่ในแผ่นดินไทย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งต้องดำเนินการให้เสร็จภายในปี โดยตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.ที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติด้านการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้มีการเน้นให้ฉีดในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง และยังมีการฉีดให้กลุ่มอื่นๆ ด้วยในกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น กลุ่มครู บุคลากรทางการศึกษา เพื่อเตรียมการเปิดเทอมสำหรับเด็กนักเรียน กลุ่มคนทำงานขนส่งสาธารณะ และกลุ่มแรงงานที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33
สธ.ยันวัคซีนต้องได้คุณภาพ
“วัคซีนโควิด-19 เป็นวัคซีนที่เรายังใช้ในภาวะฉุกเฉินอยู่ ไม่ได้เป็นวัคซีนที่มีอยู่ในท้องตลาด แล้วเราไปสั่งซื้อ ฉะนั้นการสั่งซื้อและการจองต้องมีการผลิตและสั่งจองทันที เพื่อให้วัคซีนถึงพี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด ฉะนั้นบริษัทวัคซีนที่เรามีการกำหนดทำสัญญากัน ก็จะทยอยส่งเป็นงวดๆ เป็นไปตามสัญญาที่กำหนดไว้ โดยเดือน มิ.ย.จะมีการกระจายวัคซีน ซึ่งเราวางแผนไว้ อย่างน้อยต้องเป็น 2 งวด ครอบคลุมการฉีดระยะ 2 สัปดาห์ โดยงวดแรกที่เราฉีดตั้งแต่วันที่ 7-20 มิ.ย. จะมีการส่งวัคซีนไปประมาณ 3 ล้านโดส ส่วนงวดที่สอง ซึ่งตามกำหนดต้องกระจายไปอย่างช้าที่สุด วันที่ 21 มิ.ย.-2 ก.ค.อีก 3.5 ล้านโดส ซึ่งทั้งหมดที่เราจะกระจาย เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในเดือน มิ.ย.ต้องรวมได้ประมาณ คือ 6 ล้านโดส”
เมื่อถามว่า ปัจจุบันเหลือวัคซีนที่ยังไม่ฉีดในประเทศอีกจำนวนเท่าใด และจะมีเพิ่มเติมมาวันใด นพ.โอภาสกล่าวว่า ภาพรวมปัจจุบันวัคซีนได้กระจายไปตามจุดต่างๆ และจังหวัดต่างๆ ประมาณ 7 ล้านโดสเกือบ 8 ล้านโดส ซึ่งฉีดไปแล้วกว่า 6 ล้านโดส และภายในสัปดาห์นี้ก็จะทยอยฉีดตามเป้าหมายและวัคซีนที่เรามี ก็คาดว่าเดือน มิ.ย.นี้ เป้าหมายเราน่าจะฉีดได้ประมาณ? 10 ล้านโดสในภาพรวม ซึ่งขอย้ำว่าวัคซีนนี้ถือเป็นชีววัตถุ ไม่ใช่ว่ามีของแล้วเดินไปซื้อได้เลย พอผลิตปุ๊บต้องส่งทันทีและฉีดทันที เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาด ยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามเป้าหมาย
“เมื่อผลิตวัคซีนและตรวจสอบแล้ว เราก็จะรีบจัดส่งไปทันที ซึ่งขณะนี้มีวัคซีนหลายบริษัทหลายล้านโดสกำลังรอตรวจสอบคุณภาพ เชื่อว่าอีกไม่นาน แต่ขอไม่ระบุวันที่จะเข้ามา เพราะการตรวจสอบคุณภาพเป็นสิ่งที่เราผ่อนปรนไม่ได้ เราจะไม่ยอมให้วัคซีนที่ไม่มีคุณภาพนำมาฉีดให้พี่น้องประชาชนคนไทย” นพ.โอภาสระบุ
ส่วน พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 7-14 มิ.ย. งวดแรกของวัคซีนที่เข้ามา สธ.ได้มอบวัคซีนให้ กทม. 5 แสนโดส ซึ่งทีแรก กทม.ก็คาดหวังว่าวัคซีนจะได้มาก่อนวันที่ 14 มิ.ย. แต่อธิบดีกรมควบคุมโรคบอกว่าขัดข้องทางเทคนิค ไม่สามารถจัดส่งได้ และ สธ.ยังไม่ได้รับวัคซีน กทม.ก็แก้ปัญหาโดยแจ้งไปที่ผู้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.เลื่อนไปก่อนว่าจะหยุดฉีด แต่จะฉีดให้เร็วที่สุดหลังได้รับวัคซีน เช่นรับวันไหน วันรุ่งขึ้นก็ฉีดให้เลย และผู้ที่เสียสิทธิ์ไม่ได้ฉีดวันที่ 15-20 มิ.ย. สมมุติว่า กทม.ได้รับวัคซีน 20 มิ.ย. และวันที่ 21 มิ.ย. เรานัดฉีดได้เลย พวกนี้จะเป็นกลุ่มแรกเป็นกลุ่มต้นๆ พวกท่านไม่ต้องกังวล ไปต่อท้ายท่านจะได้รับฉีดก่อนคนอื่นๆ
พล.ต.อ.อัศวินกล่าวต่อว่า กทม.ได้รับการอนุเคราะห์จาก สธ.เยอะ ไม่มีความขัดแย้ง รวมทั้งกระทรวงอื่นๆ ก็มาช่วยแบ่งเบาภาระของ กทม. เพราะหากไม่ได้รับการช่วยเหลือ กทม.ฉีดเดือนละ 2,050,000 โดสเป็นเรื่องยากมาก แต่ยืนยันว่า กทม.ได้รับวัคซีนเมื่อใดก็จะฉีดในวันรุ่งนี้ และขอย้ำว่า กทม.ไม่ได้มีความขัดแย้ง มีแต่ สธ.ที่คอยช่วยเหลือ กทม.
เมื่อถามว่า กรณีประชาชน กทม.ที่ถูกเลื่อนนัดฉีดวัคซีนวันที่ 15-20 มิ.ย. จะได้รับการยืนยันข้อมูลจากใครหากวัคซีนเข้ามาแล้ว พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า ในส่วนประชาชนกรุงเทพฯ ลงทะเบียนไว้ทั้งในแอปพลิเคชันหมอพร้อม หรือไทยร่วมใจ ตั้งแต่วันที่ 15-20 มิ.ย. ที่ได้รับข้อความว่าชะลอการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.เป็นต้นไป จนกว่าเราจะได้รับวัคซีน สมมุติเราได้รับวัคซีนวันที่ 19 มิ.ย. ก็จะส่งข้อความไปยังประชาชนว่าจะเดินทางมาฉีดในวันที่ 20 มิ.ย.เลยหรือไม่ หรือสะดวกเดินทางมาวันไหนสามารถเลือกวันเวลาได้โดยไม่ต้องไปต่อคิวใหม่ หลังเดือน ส.ค. ยืนยันว่าท่านจะเป็นคนแรกๆ ที่ได้รับการฉีด ทั้งนี้ประชาชนสามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่สายด่วน 1516 เกี่ยวกับเรื่องการกระจายการฉีดวัคซีนใน กทม.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |