เรืองไกรโชว์ออฟ แนะฟันยุทธพงศ์ มั่วนิ่มซักฟอกงบ


เพิ่มเพื่อน    

 

"ยุทธพงศ์" งานเข้า เรืองไกร ร้องนายกฯ สอบพร้อมพ่วงพรรคเพื่อไทย มาตีกินสอบงบลับ แต่รายละเอียดไม่ตรงเอกสารงบประมาณของทางราชการ อาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพ์ กระทุ้งดีอีเอส เอาผิด กมธ.งบฯ ฝ่ายค้าน ยันขวางซื้อเรือดำน้ำจีน 2 ลำสุดตัว     

    เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ฃบประมาณ พ.ศ.2565 สภาผู้แทนราษฎร จากพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. ได้ติดตามข่าวที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นเรื่องงบลับใน  พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 โดยตลอด จนพบประเด็นเกี่ยวกับงบลับที่นายยุทธพงศ์แถลงข่าวแล้วมีการโพสต์ในเฟซบุ๊กของพรรคเพื่อไทยด้วย จำนวน 3 ครั้ง
    นายเรืองไกรกล่าวต่อไปว่า โดยครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. เป็นคลิปที่นายยุทธพงศ์กับ ส.ส.อีกคนแถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทย มีการกล่าวถึงเงินงบลับในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. มีการโพสต์ข้อมูลในเฟซบุ๊กของพรรคเพื่อไทย โดยลงข้อมูลในทำนองที่ว่า งบลับแทรกซึมไปในทุกกระทรวงทุก สำนัก ทบวง กรมต่างๆ และครั้งที่ 3 วันที่ 7 มิ.ย.64 มีการโพสต์ข้อมูลในเฟซบุ๊กของพรรคเพื่อไทย โดยลงข้อความระบุว่า งบลับอยู่ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรีโดยตรง มีเงินราชการลับ 19 รายการ รวมทั้งสิ้นถึง 558 ล้านบาท
    นายเรืองไกรกล่าวว่า เมื่อนำคลิปและข้อมูลงบลับดังกล่าวไปตรวจสอบกับเอกสารงบประมาณปี 2565 (เล่มขาวคาดแดง) พบว่า ไม่มีงบลับแทรกซึมไปในทุกกระทรวงทุกสำนัก ทบวง กรมต่างๆ แต่อย่างใด แต่มีเพียงบางหน่วยเท่านั้น อีกทั้งยังพบว่าสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 มาตรา 7 รายการที่ 1 และในเอกสารงบประมาณ ฉบับที่ 3 เล่ม 1 พบว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไม่มีรายการงบลับ 19 รายการ รวมทั้งสิ้น 558 ล้านบาท ตามที่แถลงข่าวและโพสต์ลงในเฟซบุ๊กของพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบเชิงลึกพบว่างบลับดังกล่าวมีการตั้งไว้ที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ในมาตรา 7 รายการที่ 15 ตามรายละเอียดในฉบับที่ 3 เล่ม 1 หน้า 345 เมื่อคลิปแถลงข่าวและข้อมูลงบลับที่อยู่ในเฟซบุ๊กของพรรคเพื่อไทย เป็นข้อมูลที่ไม่ตรงกับเอกสารงบประมาณรายจ่าย 2565 กรณีจึงมีเหตุต้องตรวจสอบว่า คลิปและข้อมูลในเฟซบุ๊กของพรรคเพื่อไทยทั้ง 3 ครั้งดังกล่าวข้างต้น จะเข้าข่ายเป็นความผิดตามความในมาตรา 14  และหรือมาตรา 15 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 หรือไม่
     นายเรืองไกรกล่าวว่า เมื่อมีการนำคลิปและข้อมูลงบลับดังกล่าวลงในเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย ซึ่งเผยแพร่สู่สาธารณะ ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ และเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฯ เกิดขึ้นแล้ว และงบลับเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งไม่ทราบว่ากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ดำเนินการหรือไม่ ประกอบกับนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบการกระทำใดๆ ที่อาจฝ่าฝืนกฎหมาย กรณีนี้เป็นเรื่องที่นายยุทธพงศ์กับพรรคเพื่อไทย นำข้อมูลเรื่องงบลับมากล่าวอ้างแล้วเผยแพร่ในเฟซบุ๊กดังกล่าว แต่ข้อมูลดังกล่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในเอกสารงบประมาณ 2565 ของทางราชการ  ประกอบกับแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่นำมาศึกษาเทียบเคียง กรณีจึงมีเหตุต้องขอให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบว่านายยุทธพงศ์กับพรรคเพื่อไทยมีการกระทำที่จะเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.บ.คอมพ์หรือไม่
    "วันที่ 14 มิ.ย. จะไปส่งเรื่องนี้ทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบกรณีดังกล่าวโดยเร็ว พร้อมทั้งขอให้สั่งกระทรวงดีอีตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไปอีกทางหนึ่งด้วย" นายเรืองไกร กมธ.งบฯ ปี 2565 กล่าว
    วันเดียวกัน นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลการลงมติ พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทว่า การอภิปรายครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ตอบไม่ตรงคำถาม และไม่ยอมตอบสาระสำคัญ กรณีที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ผ่าน พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวพรรคร่วมฝ่ายค้านมองว่าเป็นเหมือนการตีเช็คเปล่าให้นายกรัฐมนตรี 5 แสนล้านบาท เอกสารการชี้แจงของรัฐบาลไม่มีรายละเอียดในการใช้เงิน มีเพียงการระบุว่าเงิน 5 แสนล้านบาทนั้นเป็นเงินที่กู้มาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม ก่อนหน้านี้ฝ่ายค้านพยายามบอกว่าให้ออกเป็นพ.ร.บ.งบกลางปี แทนการออก พ.ร.ก.กู้เงิน แต่ฝ่ายรัฐบาลไม่ยอมทำ นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถามฝ่ายค้านเลย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและวัคซีน
     นายยุทธพงศ์กล่าวอีกว่า การเปิดแฟนเพจเฟซบุ๊กของกองทัพเรือ เพื่อเปลี่ยนแนวความคิดของประชาชนที่มีต่อการจัดซื้อเรือดำน้ำ การจัดซื้อเรือดำน้ำในขณะนี้ไม่มีความจำเป็น เมื่อปีที่แล้วยังมีการถกเถียงว่าจะซื้อเพิ่มอีก 2 ลำ จึงถอนเรื่องออกไป แต่มาปีนี้เรื่องนี้ถูกพูดถึงอีกครั้ง จึงมองว่ายังไม่มีความจำเป็น เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินแก้ไขเรื่องนี้ ท้าให้มหาวิทยาลัยหรือสื่อมวลชน ทำโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนว่าเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่
    ขณะที่นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส. หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตอบการอภิปรายเรื่อง พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ในสภาด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว ตำหนิฝ่ายค้านอย่างรุนแรง อยากจะชี้ให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์เข้าใจผิด 4 ประเด็นที่จะเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศในอนาคตเช่น 1.การที่ พล.อ.ประยุทธ์สร้างหนี้ให้กับประเทศจำนวนมาก แต่ประเทศไม่ได้พัฒนา กู้เงินเพื่อมาแจกอย่างเดียว จนหลายฝ่ายเกรงว่าจะทำให้ประเทศล่มสลายได้ และหนี้สาธารณะจะพุ่งเกินกว่า 60% อย่างแน่นอน แต่ พล.อ.ประยุทธ์กลับพูดว่าตัวเองไม่ได้โง่ที่จะกู้เกินจนทำให้หนี้เกิน 60% ของจีดีพี โดยอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เช็กกับสำนักบริหารหนี้สาธารณะของกระทรวงการคลังก่อน เพราะจากการแถลงข่าวของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะพบว่า การใช้เงินกู้ 5 แสนล้านบาท การเก็บรายได้ขาดอีกประมาณกว่า 2 แสนล้านบาท และการกู้ชดเชยงบประมาณปี 65 อีก 7 แสนล้านบาท ซึ่งรวมกับหนี้สาธารณะเดิมแล้วอย่างไรก็เกิน 60% ไปมาก และ พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่มีแนวทางที่จะทำให้หนี้ลดลงได้ ดังนั้นวันไหนที่หนี้สาธารณะเกิน 60% ของจีดีพี ก็จะทำให้ประชาชนเข้าใจได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะกลายเป็นการแสดงความโง่ตามคำพูด ซึ่งจะยิ่งทำให้ความมั่นใจของประเทศลดต่ำลงจากการมีผู้นำที่โง่
    ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 2 การที่ พล.อ.ประยุทธ์อ้างว่ากำลังสร้างเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ได้มองย้อนหลังตลอด 7 ปี  พล.อ.ประยุทธ์บริหารเศรษฐกิจประเทศได้ล้มเหลว เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ต่ำมาก มีแต่บริษัทเจ๊งและเลิกกิจการกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ต้องปิดตัวไปแล้วเป็นแสนแห่ง การส่งออกของไทยแทบไม่ขยายตัวเลยในรอบ 7 ปี สินค้าส่งออกหลักเช่นรถยนต์ก็กำลังจะหายไป เพราะโลกเปลี่ยนเป็นรถพลังงานไฟฟ้ากันแล้ว และธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ก็ย้ายฐานการผลิตไปประเทศเวียดนามกันเกือบหมด ธุรกิจใหม่ของไทยแทบไม่มีเลย แม้กระทั่งบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่ายูนิคอร์น ก็ไม่เกิดขึ้นในไทย ทั้งที่ประเทศในอาเซียนที่มีศักยภาพมีกันหมดแล้ว ดังนั้นถ้า 7 ปีแล้วยังสร้างอะไรไม่ได้ มีแต่จะหายไป ต่อไปจะสร้างเศรษฐกิจใหม่ได้อย่างไร เป็นต้น.
        


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"