เลขา ครป. เสนอยุทธศาสตร์ร้อยบุปผา-แม่น้ำร้อยสาย ร่วมขับไล่นายกฯ


เพิ่มเพื่อน    


13 มิ.ย. 2564 ณ เวทีไทยไม่ทนเสวนาโต๊ะกลมออนไลน์วันนี้ นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ภาคประชาชนวันนี้ ควรเป็นยุทธศาสตร์ร้อยบุปผา รวมพลังแม่น้ำร้อยสาย เพื่อขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นภารกิจแรกของประชาชนทุกฝ่าย ที่ถึงแม้แต่ละกลุ่มอาจมีความหลากหลายทางอุดมการณ์ทางการเมือง แต่สามารถมีภารกิจแรกร่วมกันได้ในการขับไล่รัฐบาลทรรัฐ ระบอบ 3 ป.ที่กุมอำนาจผูกขาดประเทศไทยทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง จนประชาชนยากแค้นทุกข์เข็ญทั้งแผ่นดิน แบ่งแยกประชาชนออกจากรัฐธรรมนูญและอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ส่วน

นอกจากนี้ ข้อเสนอของภาคประชาชนแต่ละกลุ่มก็ล้วนต้องการขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นภารกิจข้อ 1 ของแกนนำราษฎรรุ่นใหม่ กลุ่มรีเด็ม กลุ่มเยาวชน-ประชาชนปลดแอก กลุ่ม นปช. กลุ่มพันธมิตร กลุ่มประชาชนคนไทย กลุ่มคนเดือนพฤษภา 35 กลุ่มคนเดือนตุลา กลุ่มพี่น้องแรงงาน สลัม และภาคประชาชน หรือเครือข่ายนักศึกษาประชาชนทั่วประเทศ บางส่วนแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง แต่ไม่จำเป็นต้องละทิ้งจุดยืนของตนเอง สนามประชาธิปไตยของภาคประชาชนในยุคสมัยใหม่เป็นพื้นที่กลางที่ประชาชนทุกฝ่ายสามารถร่วมลงสนามและสร้างสรรค์กิจกรรมของตนเองได้อย่างเสรี เพื่อร่วมกันขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ เพราะที่เขารวบอำนาจปกครองอยู่ได้เพราะประชาชนอ่อนแอ ถูกแบ่งแยกแล้วปกครองมาอย่างยาวนานกว่า 15 ปี

คณะสามัคคีประชาชน รณรงค์ให้คนไทยไม่ทนต่อระบอบประยุทธ์อีกต่อไป และดูเหมือนว่าปัจจุบันนี้ ระบอบทักษิณกับระบอบประยุทธ์กำลังกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน เพราะผลประโยชน์ส่วนตัวของทั้งสองกลุ่ม ประชาชนจึงจำเป็นต้องเคลื่อนไหวด้วยยุทธศาสตร์แม่น้ำร้อยสาย ร่วมกันขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีการเชื่อมต่อทุกฝ่ายมาร่วมกันขับไล่นายกฯ ให้ลาออก ซึ่งหากเรามีข้อเสนอว่าใครจะมาเป็นนายกคนต่อไปหลังพล.อ.ประยุทธ์แล้ว ก็จะเหมือนกบเลือกนาย การเสนอตัวเลือกต่างๆ ก็จะเป็นปัญหาความขัดแย้งในหมู่ประชาชนได้  

คณะไทยไม่ทนจึงไม่นำเสนอใคร เหมือนกับการออกมาชุมนุมโค่นล้มเผด็จการถนอม ณรงค์ ประภาศ เมื่อปี 2516 และการขับไล่พล.อ.สุจินดา และพวกในเหตุการณ์เดือนพฤษภา 2535 ที่มีเพียงพันธกิจขับไล่ผู้นำทรราชย์ออกไปให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของสังคมทุกฝ่าย โดยเฉพาะบทบาทรัฐสภาในการดำเนินการต่อตามรัฐธรรมนูญและครรลองประชาธิปไตย เพื่อหานายกคนใหม่มาแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมือง

ในส่วนของ ครป. นั้นเคยแถลงไปแล้วที่ผ่านมาว่า ครป.ไม่เอานายกคนนอก นายกต้องมาจากสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น โดยขอให้ ส.ว.โหวตเลือกนายกตามมติสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงประชาชนที่จะกดดันพันธกิจหน้าที่ของนายกคนใหม่ต่อไป   และการไล่พล.อ.ประยุทธ์ และ 3 ป.ออกไปนั้น เพื่อให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตย และแก้ไขปัญหาการผูกขาดเศรษฐกิจในสถานการณ์วิกฤต และไม่ได้เรียกร้องให้ยุบสภา เพราะไม่ใช่ความผิดของประชาชน 

ปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ กุมอำนาจรัฐได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือสถาบันทั้งปวง และอาจเลือกหนทางยุบสภาภายหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราที่เอื้อประโยชน์ตนเอง  ซึ่งระบอบ 3 ป.ก็จะกลับมามีอำนาจรอบใหม่ โดยใช้ระบบ ส.ว.เลือกเข้ามามีอำนาจเหมือนเดิม และประเทศไทยก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องลาออกเท่านั้น เพื่อให้นายกคนใหม่มาทำหน้าที่แก้ไขปัญหาสถานการณ์วิกฤตประเทศไทย เดินหน้าแก้ปัญหาโควิดระบาด แก้ไขการผูกขาดเศรษฐกิจของกลุ่มทุนผูกขาด และแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่เป็นประชาธิปไตยที่ยั่งยืน เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายและก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมือง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"