เสธ.นคร สรุปแล้ว!แนวรบฝ่ายปชต.ทั้งใน-นอกสภา แตกพ่ายยับเยิน เสนอสู้ใหม่ใช้หอกทิมฬแทงทมิฬ!


เพิ่มเพื่อน    

12 มิ.ย. 64 - นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส. จังหวัดพิษณุโลก โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดดังนี้

ถอดบทเรียน การต่อสู้ กับระบอบเผด็จการทรราช
  
1. แนวรบในสภา

ฝ่ายเผด็จการทรราช มี   ส ส พรรคร่วมรัฐบาล และ ส ว 250 คนที่เผด็จการแต่งตั้งเป็นฐาน มีเสียงท่วมท้นในการสืบทอดอำนาจ มีองค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม และข้าราชการกว่า 2.5 ล้านคน รับใช้ ทำให้ระบอบเผด็จการทรราช ยังแข็งแกร่ง 

หนำซ้ำยังมี พรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ไม่ยอมลาออก ถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้สภาโจรกบฏ กลายเป็นสภาที่มีความชอบ ใช้หลอกลวงคนไทยและชาวโลก เป็นเผด็จการในเสื้อคลุมประชาธิปไตย

2.   แนวรบนอกสภา 

มวลชนฝ่ายประชาธิปไตย แม้จะกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว แต่ถูกฝ่ายเผด็จการทรราช ที่มีแบบแผน มียุทธศาตร์ มียุทธวิธี ที่ดีกว่า โฟกัสเป้าหมายไปที่แกนนำ และ ใช้มาตราการทางกฎหมาย ร้องทุกข์ กล่าวโทษ จับกุม คุมขัง แกนนำมวลชนถูกดำเนินคดีโดยเฉพาะมาตรา 112 จนหมดแรง ที่จะลุกขึ้นมานำพาการต่อสู้ ขบวนการแตกพ่าย

จุดแข็งสำคัญ ฝ่ายเผด็จการทรราช มีระบบข้าราชการ โดยเฉพาะ ฝ่ายทหาร ตำรวจ หน่วยงานด้านความมั่นคง เป็นเครื่องมือที่มีพลานุภาพ มีอาวุธ มีกฎหมาย มีข่าวกรอง มีระบบ สั่งการ อย่างสอดประสานและมีประสิทธิภาพ รุกไปถึง บ้าน พ่อแม่ ของแกนนำรวมถึง สถานศึกษา  มหาวิทยาลัย 

แนวรบฝ่ายประชาธิปไตย แตกพ่าย ถอยร่นไม่เป็นขบวน จากการรุกกลับ และไล่ล่า ของข้าราชการ ที่รับใช้ ระบอบเผด็จการทรราช 

3.  ในทางทฤษฎีการต่อสู้ และในเชิงปรัชญา 

รอยร้าวจากจุดเล็กๆ อาจทำให้เขื่อนใหญ่แตกและพังทลายลงได้

คนที่แข็งแรง อาจสะดุดก้อนหินหรือเถาวัลย์เส้นเล็กๆ ล้ม แต่ไม่มีใคร สะดุดภูเขาล้ม

กระบวนการต่อสู้ของแนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตย จึงจำเป็นต้องถอดบทเรียน รู้เขา รู้เรา และอาจต้องปรับยุทธศาสตร์  ปรับยุทธวิธีใหม่ แทนที่จะพุ่งเป้าโจมตี ไปที่ 3 ป ทรราชหรือองค์กรใดๆ ที่เป็นจุดศูนย์กลางของระบอบเผด็จการ ซึ่งพวกเขาปรับตัว และวางแนวตั้งรับที่แข็งแกร่ง เหมือนกับเราวิ่งเอาหัวชนกำแพง ทำให้สูญเสียกำลังพลและไม่มีวันชนะ  ฝ่ายประชาธิปไตย จึงพ่ายแพ้มาตลอด และยาวนาน

พวกเราฝ่ายประชาธิปไตย ควรหันมาปรึกษา หารือและถือเป็นหน้าที่และภารกิจสำคัญยิ่งใหญ่ ของทุกคน สู้กับฝ่ายเผด็จการทรราชใหม่

โดยการใช้หอกทมิฬแทงทมิฬ คือให้แนวร่วมประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยทุกองค์กร ทุกหมู่เหล่า ทุกเครือข่าย ทุกสาขาอาชีพ ทั่วประเทศ ทำให้เกิดรอยรั่วของเขื่อนในระบอบเผด็จการ โดย

ตรวจสอบการปฏิบัติหรือการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การทุจริต หรือมีส่วนร่วมทุจริตของข้าราชการทุกคน ทุกกระทรวง ทบวง กรม ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น และองค์กรอิสระ ที่เป็นเครื่องมือรับใช้เป็นรัฐบาลเผด็จการทรราชนี้

โดยเฉพาะ มาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง หน้าที่บนข้อมูล ข้อเท็จจริง มีพยานหลักฐานชัดเจน

เพราะข้าราชการที่ถูกร้องเรียน อาจผิดทางอาญา ทางวินัย และต้องรับผิดในทางแพ่งอีก หากยังหน้ามืดตามัวรับใช้เผด็จการทรราช ทั้งที่รับเงินเดือนจากภาษีประชาชน

เมื่อมีการร้องเรียน ร้องทุกข์ กล่าวโทษ ข้าราชการ และองค์กรอิสระที่เป็นมือเป็นไม้ ของรัฐบาลทรราช จำนวนมากทั่วประเทศ พวกข้าราชการ จะสำนึกถึงชีวิตและความปลอดภัยของตัวเอง กลัวถูกตรวจสอบ ถูกลงโทษทางวินัย หรือถูกจำคุก 

มือไม้ ของเผด็จการทรราชจะเริ่มง่อยเปลี้ยเสียขา บางคนจะอยู่เฉยๆไม่กล้ารับใช้เผด็จการทรราช

ระบอบเผด็จการทรราช อาจถึงจุดล้มและพังทลายทั้งระบอบลงได้

ปราชญ์ท่านกล่าวไว้ว่า “คนโง่เท่านั้น ที่สู้ด้วยวิธีการเดิมๆ ทั้งที่รู้ว่าแพ้”

การจัดกระบวนทัพ อย่างมียุทธศาตร์ ปรับแนวทาง และยุทธวิธีการการต่อสู้ ของฝ่ายประชาธิปไตย จึงจำเป็น

พี่น้องประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยทุกคน ได้โปรดส่งสารนี้ ถึงพี่น้องประชาชน และแนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตยทุกองค์กร ทุกเครือข่าย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้โปรดพิจารณา และผนึกกำลังอีกครั้ง เพื่อโค่นเผด็จการทรราชให้สิ้นในยุคเรา

ขอให้มันจบ ในรุ่นเรา

เผด็จการ จงพินาศ

ประชาธิปไตย จงเจริญ
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"