ต้องเก่งขนาดไหนถึงจะไล่นายกรัฐมนตรีได้


เพิ่มเพื่อน    

         ในการอภิปรายในสภาแต่ละครั้ง สิ่งที่เรามักจะได้ยินจากปากของฝ่ายค้าน ก็คือการดูถูกนายกรัฐมนตรีว่าเป็นคนโง่ เป็นคนเฮงซวย เป็นคนทำงานล้มเหลวไปทุกเรื่อง ไม่มีดีอะไรเลย คำก็ลาออก ไปจนถึงบอกว่านายกรัฐมนตรีเป็นคนโง่ มีเซลล์สมองไม่พอที่จะบริหารประเทศ ดังนั้น เขาจึงเอ่ยปากไล่นายกรัฐมนตรี พออภิปรายประเด็นใดก็ตามมักจะจบลงด้วยการเอ่ยปากไล่นายกรัฐมนตรี ฟังแล้วดูเหมือนหวังดีกับประเทศชาติ คำก็ให้เสียสละ สองคำก็ไร้ความสามารถ สามคำก็ให้คนอื่นมาทำแทน ตกลงที่อภิปรายนั้นติเพื่อก่อ หรือมันคือการอภิปราย หรือเป็นการตรวจสอบ แต่ละคนอภิปรายกันเหมือนการปราศรัยบนเวทีชุมนุมไล่นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา ถ้อยคำต่ำตมที่ใช้กัน รวมทั้งลีลาตาถลนปูดโปน ใส่เกียร์ห้าตั้งแต่ต้นจนจบ ดูแล้วเหนื่อยใจ มองไม่เห็นเลยว่าที่พวกเขาทำอยู่นั้น จะทำให้เขาประสบความสำเร็จในการไล่นายกรัฐมนตรีได้ เพราะคุณภาพในการอภิปรายต่ำมากๆ

                ฝ่ายค้านบอกว่านายกรัฐมนตรีพูดจาดุดัน ไม่ให้เกียรติผู้แทนฯ ในสภา เอาละ ท่านอาจจะมีเรื่องลีลาที่ดุดัน และดูรู้ว่าท่านมีอารมณ์ไม่พอใจการอภิปรายของฝ่ายค้านบางคน แต่ถ้อยคำของท่านไม่ได้หยาบคายเลย การที่ท่านบอกว่าหลายเรื่องที่ฝ่ายค้านพูดนั้น หากพูดนอกสภาอาจจะต้องระวัง ไม่น่าจะเป็นการข่มขู่ แต่เป็นการเตือนให้รู้ว่าการพูดจาให้ร้ายคน ดูหมิ่นคนนอกสภานั้น ไม่มีกฎหมายคุ้มครอง ซึ่งก็เป็นเรื่องถูกต้อง สมควรที่จะต้องเตือนกัน พวกเขาบอกว่านายกรัฐมนตรีดุดัน ข่มขู่ แล้วถ้อยคำหยาบคายของพวกเขาล่ะ เป็นการให้เกียรตินายกรัฐมนตรีหรือไม่ล่ะ ด่านายกรัฐมนตรีเป็นคนโง่ มีเซลล์สมองไม่พอที่จะบริหารประเทศ ด่าว่าท่านเป็นคนเฮงซวย น้ำเสียงโฉ่งฉ่าง เอะอะมะเทิ่ง ตาถลนอย่างที่เป็นอยู่นั้น เป็นการกระทำที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นในสภาอันทรงเกียรติเลยนะ นายกรัฐมนตรีพูดด้วยลีลาที่แสดงว่ามีอารมณ์ เอามาตำหนิ แล้วด่านายกรัฐมนตรีเหมือนท่านเป็นหมูเป็นหมาล่ะ ไม่พูดถึงเลยนะ

               สภาผู้แทนราษฎรเป็นสภาอันทรงเกียรติ แต่การอภิปรายด้วยถ้อยคำและลีลาที่เราได้เห็นการฉีก พ.ร.ก.ในสภานั้น มันเป็นการสมควรที่เราจะเรียกท่านทั้งหลายว่าเป็นผู้ทรงเกียรติได้อีกหรือ ฟังและดูลีลาของฝ่ายค้านบางคน จะให้พิจารณายังไงก็ไม่เหมือนอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร แต่เหมือนการปราศรัยบทเวทีชุมนุมไล่นายกรัฐมนตรีที่หยาบคาย ต่ำตม ไร้รสนิยม นอกจากลีลาของฝ่ายค้านบางคน (เน้น “บางคน” นะ) ที่ดูต่ำตมแล้ว เนื้อหาที่ไม่เป็นความจริง บิดเบือนข้อเท็จจริง กล่าวว่าร้ายด้วยข้อความที่เป็นเท็จนั้น แสดงว่าไม่ทำการบ้าน ไม่รู้ข้อเท็จจริง ไม่ติดตามข่าวสาร หรือรู้ความจริง แต่จงใจที่จะบิดเบือนความจริงเพื่อใส่ร้ายรัฐบาล ไม่ว่าจะไม่รู้ข้อเท็จจริง หรือบิดเบือนข้อเท็จจริง ก็สรุปได้ว่าฝ่ายค้านที่อภิปรายด้วยข้อความดังกล่าวนั้นเป็น ส.ส.ที่ไม่มีคุณภาพ

               ไม่ว่ารัฐบาลนี้จะมีข้อบกพร่องอย่างไร ถ้าฝ่ายค้านทำงานได้แบบนี้ มีคุณภาพระดับนี้ คงไล่นายกรัฐมนตรีได้ยาก และเลือกตั้งครั้งหน้าจะเอาชนะพรรคที่เสนอชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีก็คงจะยากเช่นกัน เพราะสิ่งที่แสดงออกนั้น แสดงให้เห็นทั้งไร้ความสามารถและไร้จริยธรรม เป็นแบบนี้ใครอยากให้มีอำนาจมาบริหารประเทศ ทำการบ้านให้มากกว่านี้หน่อยเถอะนะ

               ฝ่ายค้านบอกว่านายกรัฐมนตรีเอาแต่กู้มาสร้างหนี้ อยากจะรู้จังว่าถ้าฝ่ายค้านเป็นรัฐบาลอยู่ในเวลานี้ ถ้าไม่กู้จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อยา ซื้อวัคซีน ซื้อเครื่องมือแพทย์ ตั้งโรงพยาบาลสนาม เยียวยาคนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด จะเอาเงินที่ไหนมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ เงินงบประมาณที่ผ่านสภาตามปรกตินั้นจะพอหรือ ในเมื่อเงินในงบประมาณนั้นได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าได้ขอเอาไว้เพื่อเอาไปทำอะไร ถ้าไม่ได้เอาไว้เพื่อซื้อสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด จะเอามาใช้ได้หรือ ถ้าเอามาใช้จะเป็นการทำผิดกฎหมายหรือไม่ แล้วธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ยอดขายลดลง ไม่อาจจะรักษาลูกจ้างเอาไว้ได้ ต้องปลดคนงาน มีคนตกงานขาดรายได้ รัฐบาลจะต้องไปดูแลเพื่อให้เขาอยู่รอดผ่านพ้นวิกฤตินี้ให้ได้ ถ้าหากไม่กู้เงินมาเพิ่มเติม จะเอาเงินที่ไหนมาเยียวยาผู้คนทั้งหลายที่รับผลกระทบจากโควิด จะเอาเงินที่ไหนมาประคองธุรกิจให้ดำรงอยู่ต่อไปได้โดยไม่ต้องเลิกจ้าง จะเอาเงินที่ไหนมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ เงินในงบประมาณเอามาใช้ได้ไหมล่ะ ถ้าไม่กู้จะให้ทำยังไง คนไม่ทำ จะพูดอะไรก็พูดได้

แต่ถ้าหากอยู่ในสถานะผู้ที่จะต้องทำงาน จะทำอย่างไร ถ้าไม่กู้เงิน

               คนเราหากไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ อยากจะพูด อยากจะด่า อยากจะด้อยค่ารัฐบาลเพื่อไล่นายกรัฐมนตรี มันก็พูดง่ายอยู่หรอกนะ แต่ถ้าหากตัวเองจะต้องเป็นคนทำ หากไม่กู้จะแก้ปัญหาอย่างไร อยากจะรู้จริงๆ จะเก่งอย่างที่พูดหรือเปล่า เมื่อต้องมาทำจริงจะทำได้ดีกว่าที่รัฐบาลนี้ทำอยู่หรือเปล่า ถนัดด่า ถนัดว่า ถนัดแซะ แต่จะถนัดทำหรือเปล่า บอกตรงๆ ว่าไม่แน่ใจจ้ะ เพราะเคยพูดว่าจะแก้ไขจราจรในกรุงเทพมหานครให้ได้ภายใน 6 เดือน แล้วเป็นไง สุดท้ายก็ทำไม่ได้ บอกว่าจะแก้ไขความยากจนให้ประเทศไทยไม่มีคนจน ก็ทำไม่ได้ ตอนที่น้ำท่วมบอกว่า “เอาอยู่” แล้วเป็นไง แก้ไขน้ำท่วมก็ทำไม่ได้

               อย่าดีแต่พูด อย่าเอาแต่ด่าว่านายกรัฐมนตรีโง่เลยนะ รู้ไม่ใช่เหรอคะว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ตัดสินใจคนเดียว ท่านมีหมอเป็นคณะกรรมการใน ศบค. ให้คำปรึกษาเรื่องการแก้ไขปัญหาโควิด ท่านมีนักธุรกิจระดับเจ้าสัวผู้ประสบความสำเร็จ ให้คำปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ฝ่ายค้านอย่าทำเก่งกว่าหมอน่าจะดีกว่า และอย่าเก่งกว่าเจ้าสัวทั้งหลายกันนักเลยนะ เวลาที่พูดจาว่านายกรัฐมนตรีโง่นั้น แท้ที่จริงกำลังด่าว่าหมอที่ให้คำปรึกษาแก่นายกรัฐมนตรีโง่ และการด่านายกรัฐมนตรีว่าจัดการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่เข้าท่านั้น ก็ไม่ใช่ด่านายกรัฐมนตรีนะ มันคือการด่าเจ้าสัวอภิมหาเศรษฐีทั้งหลายที่ให้คำแนะนำแก่นายกรัฐมนตรีว่าจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร ตอนนี้โครงการหลายโครงการก่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยที่ทำให้เกิดการหมุนเวียนเงินตรา ร้านค้ามีรายได้ เป็นที่พอใจของประชาชนจำนวนมาก เป็นความจริงเชิงประจักษ์ ฝ่ายค้านมองไม่เห็นเลยหรือไร

ฝ่ายค้านด่านายกรัฐมนตรีว่าโง่ เมื่อฟังที่เธอพูดนั้นลองพิจารณาดูว่าใครกันแน่ที่โง่ นายกรัฐมนตรีมีผลการเรียนตั้งแต่มัธยมจนจบโรงเรียนนายร้อย คะแนนของการเรียนเป็นอย่างไร ก่อนมาเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านดำรงตำแหน่งอะไรมาก่อน คนทำงานจนเป็นทหารได้เป็น ผบ.ทบ. คงไม่โง่หรอกนะ อย่ามโน อย่าพูดลอยๆ ด้วยวาทกรรมว่านายกรัฐมนตรีโง่ นายกรัฐมนตรีโกง โดยไม่มีความจริงเชิงประจักษ์ ถ้าทำได้แค่นี้ แสดงโง่แบบนี้ ไม่มีทางไล่นายกรัฐมนตรีได้หรอกค่ะ...ขอบอก.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"