หลังข่าวคาว! ในวงการสงฆ์คละคลุ้งไปทั่ว อาจทำพุทธศาสนิกชนบางคนไม่สบายใจ วันก่อนอาจารย์นักกฎหมาย อย่าง “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี ก็ถูกบรรดาสื่อมวลชนถามถึงปมร้อนนี้ด้วยเช่นกัน

       แต่ทว่าอาจารย์ของเรา นอกจากจะติดตามกรณีดังกล่าว ในฐานะรัฐบาลที่ต้องดูแลทุกข์สุขของประชาชนแล้ว  อาจารย์ยังได้เผยถึงมุมมองของตนเองต่อวงการสงฆ์  เรียกว่าคิดบวก ไม่ยึดติด คิดแล้วสบายใจ

       โดยวันก่อน หลังถูกซักปมร้อนนี้ ในตอนท้ายบรรดาสื่อมวลชนยังได้ถามอาจารย์วิษณุด้วยว่า ช่วงนี้เวลาเข้าวัดรู้สึกแปลกๆ บ้างหรือไม่

       ซึ่งอาจารย์ก็บอกว่า ไม่รู้ แต่วันที่ไปสวดมนต์ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ผมชอบบทสวดมนต์อยู่บทหนึ่ง จากจำนวนกว่า 30 บทที่เขาสวดกัน คือ นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง, พุทโธ เม สะระณัง วะรัง หมายถึง ที่พึ่งอื่นใดของข้าพเจ้าไม่มีอีกแล้ว พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า

       และพระสงฆ์ หรือสงฆ์ใดสาวกศาสดา ซึ่งหมายถึงพระอรหันต์ แต่บัดนี้ไม่มีพระอรหันต์ หาพระอรหันต์ไม่เจอ เราก็เรียกท่านว่าสมมติสงฆ์ พระทั่วไปบวชใหม่ 7 วัน 10 วัน พรรษาสองพรรษา เหล่านี้เรียกว่าสมมติสงฆ์  คือสมมติขึ้นมาแทนพระพุทธเจ้า

       แล้ว “พระธรรม” คืออะไร เราไม่เคยได้ยินมา ถึงเวลาสวดมนต์ศพ มีคัมภีร์ใบลาน เราก็สมมตินั่นคือพระธรรม      

       ที่นั่งห่มเหลืองอยู่ นั่นเราก็สมมติว่าคือพระสงฆ์  ทุกอย่างวันนี้เราไหว้ในสิ่งที่สมมติ ฉะนั้นสมมติจริงก็ได้ สมมติปลอมก็ได้ สมมติแท้ก็ได้ สมมติเทียมก็ได้ แต่ของจริงนั้นมีอยู่ ไม่ต้องสนใจของจริงหรือของปลอม”  

       อาจารย์ยังบอกอีกว่า “เวลาไหว้ ให้เรานึกถึงว่าเรากำลังไหว้สมมติสงฆ์ ที่มาเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า เช่น เราไหว้พระพุทธรูป เราก็นึกว่าเราไหว้พระพุทธเจ้า ไม่ได้ไหว้อิฐ หิน ดิน ทราย หรือปูนที่นำมาปั้น หนูเหนอ..อยู่ข้างในเราไม่ได้ไหว้ตรงนี้ คิดอย่างนี้แล้วสบายใจ”

       ด้านสื่อมวลชนก็ตั้งใจฟัง พร้อมถามทิ้งท้ายอีกว่า แล้วอาจารย์ห้อยพระดีอะไรหรือไม่ ซึ่งอาจารย์บอกเลยว่า “ไม่มี ผมไม่ได้ห้อยพระ ไม่ชอบห้อย แต่ใครให้ก็เก็บ แต่ใครไม่ให้ ก็ไม่ไปดิ้นรนหา”

       ฮ่าฮ่า งานนี้อาจารย์ก็ร่ายยาวกันเลยทีเดียว แต่ก็ได้มุมมองความคิดดีๆ ของอาจารย์ ที่เป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง ซึ่งทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้อีกด้วย..

แสงทราย