พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทผ่านฉลุย! ด้วยมติเห็นชอบ 270 ต่อ 196 “งูเห่า” พล่านทั้งก้าวไกล-เพื่อไทย ส่วน “ภูมิใจไทย” มาตามฟอร์ม อภิปรายอย่างราชสีห์โหวตอย่างหนู “หมอชลน่าน” ตบท้ายจวก “หมอประยุทธ์” ต้องถูกถอดใบอนุญาต อ้าง 4 เหตุผลปล่อยผ่านไม่ได้ พร้อมวอนลาออกก่อนถูกประชาชนเรียกทรราช
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน เป็นวันสุดท้ายที่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท
โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายปิดว่า การกู้เงินครั้งนี้แก้ไขปัญหาการแพร่เชื้อโควิดให้ประชาชนไม่ได้ เศรษฐกิจก็ไม่ได้ ประชาชนท้อแท้สิ้นหวัง การกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทเมื่อปี 2563 ครั้งนั้นเหมือนอนุญาตให้หมอที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปรักษาผู้ป่วยที่ป่วยตั้งแต่เดือน ม.ค. หมอประยุทธ์ตัดสินใจใช้ยาแรงประกาศฉุกเฉินและปิดประเทศ คนป่วยจากโควิดมีภาวะแทรกซ้อน เป็นไตวาย เศรษฐกิจล้มเหลว หมอเลยขออนุญาตรักษาโดยกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งสภาก็ได้อนุมัติ เพราะจำเป็นเร่งด่วนมิอาจหลีกเลี่ยงได้ แต่การกู้เงินครั้งนี้เป็นการขอกู้เงินเพิ่มเติม เราต้องตั้งคำถามว่าจำเป็นเร่งด่วนจริงหรือไม่
“แผนงาน 3 แผนที่แนบท้ายมากับ พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทครั้งนี้ เป็นแผนที่ดี แต่ใช้ไม่ได้ เพราะนายกฯ เป็นหมอ แต่ยังรักษาผู้ป่วยที่ชื่อประเทศไทยให้ฟื้นไม่ได้ รอบที่แล้วกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เหมือนจะฟื้นคนป่วยกระดี๊กระด๊า แต่หมอคนนี้รักษาคนไข้ด้วยวิธีประมาทเลินเล่อผิดพลาด ปล่อยให้มีการติดเชื้อรอบที่สอง แต่ก็เอาอยู่ แต่หมอประยุทธ์ก็ยังไม่สำเหนียกหรือสำนึกว่าเชื้อมีอยู่รอบตัว ปล่อยปละละเลยจนกระทั่งเกิดการระบาดในรอบที่สาม” นพ.ชลน่านกล่าว
นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่า เราไม่สามารถไว้ใจหมอประยุทธ์ได้ ไม่เชื่อมั่นว่าจะเป็นหมอที่ดี ในวงการแพทย์เขาจะถอนใบประกอบวิชาชีพ เพราะจากการทำงานทำให้คนไข้ป่วยหนัก บางคนตาย ยอดผู้เสียชีวิตสองเดือน 1,200 ราย ต้องบอกความจริงกับพี่น้องประชาชน คือรัฐบาลขาดข้อมูลที่เป็นจริงจนเกิดความสับสน พอสภานำเสนอความจริงก็ปรี๊ดแตก ซึ่งเขาเรียกว่าโรคหลงตัวเอง เชื่อมั่นว่าตัวเองเก่งสูงยิ่ง ไม่มีใครเสมอเทียบเท่า ลักษณะผู้นำเช่นนี้จะพาประเทศลงเหว ล่มจม คนโง่แล้วขยันทำให้องค์กรเสียหาย หมอประยุทธ์ต้องถูกถอนใบประกอบวิชาชีพ เพราะถ้าปล่อยไว้จะทำให้คนไข้ล้มตายเสียหายได้
นพ.ชลน่านกล่าวด้วยว่า ฝ่ายค้านไม่สามารถอนุมัติได้ เพราะ 1.รัฐบาลไม่สามารถระงับยับยั้งโรคระบาดได้ ไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้ 2.ไม่ชอบด้วยเหตุผลทางกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนหลีกเลี่ยงได้ สามารถทำได้โดยการอยู่ใน พ.ร.บ.งบประมาณ 3.ความคุ้มค่าที่จะเกิดขึ้น ตัวอย่างมีให้เห็นแล้วจากการกู้เงิน 1 ล้านล้านเมื่อปีที่แล้ว และ 4.ความรู้ความสามารถ บุคลิกภาพ ภาวะผู้นำ ภาวะอารมณ์ ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะบริหารประเทศต่อไป
“การถอดใบอนุญาต คือถอนตัวผู้นำ ฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาลท้ายุบสภา แต่นายกฯ ก็แพลมมาว่าอีก 1 ปี ซึ่งคิดว่าเป็นไปได้ หรือจะแสดงความรับผิดชอบเปลี่ยนตัวเองออกจากตำแหน่ง ลาออก ไม่ได้ยาก นายกฯ ลาออกจะเป็นคุณูปการแก่ประชาชน ประชาชนจะยกย่องเป็นวีรบุรุษ แต่ถ้ายังดื้อดึง ประชาชนจะเกลียดชัง และขนานนามว่าเป็นทรราช เพราะท่านเข่นฆ่าประชาชน สุดท้ายนี้ ขอให้นายกฯ ลาออกเพื่อบ้านเมือง”
ต่อมาเวลา 10.30 น. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง ชี้แจงว่า จะรับข้อคิดเห็นไปปรับปรุงวิธีการทำงาน โดยเฉพาะรายละเอียดของกรอบแผนงานทั้ง 3 แผนงานใน พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนบาท ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นของสมาชิกที่ได้อภิปรายแนะนำ ซึ่งเป็นประโยชน์กับกระทรวงการคลังในฐานะผู้กู้เงินอย่างยิ่ง
งูเห่าพล่านลงมติ
ขณะที่นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้าน เรานำไปใช้เยียวยาฟื้นฟู เมื่อเดือน มิ.ย.2563 ธนาคารโลกคาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะติดลบ 8.3% ส่วนไอเอ็มเอฟประเมินว่าเศรษฐกิจเราติดลบ 7.7% แต่เมื่อใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านจริง ทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถโตติดลบ 6.1% ซึ่งดีกว่าที่ทั้งสองภาคส่วนคาดการณ์ไว้ ต้องบอกว่าเงินกู้ 1 ล้านล้านที่ให้มาเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจไทยจริงๆ ส่วนเรื่องหนี้สาธารณะนั้น ขณะนี้อยู่ที่ 54% ถ้ารวมการกู้งบขาดดุล และอีก 5 แสนล้านบาท ในสิ้นปีงบประมาณนี้ก็ยังไม่เกิน 60% โดยคาดว่าอยู่ที่ 58-59% เท่านั้น
จากนั้นเวลา 10.35 น. ที่ประชุมได้ส่งลงมติ โดยเห็นชอบด้วยคะแนน 270 ต่อ 196 งดออกเสียง 1 ไม่ออกเสียง 2 เสียง จากจำนวน ส.ส.ผู้ร่วมลงมติทั้งสิ้น 469 คน โดยการลงคะเเนนของ ส.ส.พรรคการเมืองที่น่าสนใจ อาทิ พรรคก้าวไกล ลงมติไม่เห็นด้วยเกือบทั้งพรรค ยกเว้น นายขวัญเลิศ พานิชมาท, นายคารม พลพรกลาง, นายเอกภพ เพียรพิเศษ และนายพีรเดช คำสมุทร ได้ลงมติเห็นด้วย ซึ่งทั้ง 4 คนเเสดงตัวชัดเจน โดยไปนั่งร่วมกับ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตลอดการอภิปราย แต่ในที่น่าสนใจคือ นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ที่ไม่เคยปรากฏข่าวว่าเป็นงูเห่า หรือย้ายพรรค ปรากฏผลคะเเนนเป็น - หรือยัติภังค์ ที่หมายถึงผู้ไม่ลงมติ/ผู้ลาประชุม/ผู้ขาดประชุม
สำหรับพรรคเพื่อไทยลงมติไม่เห็นด้วยเกือบทั้งพรรค ยกเว้นนายจักรพรรดิ ไชยสาส์น, นายไตรรงค์ ติธรรม, น.ส.พรพิมล ธรรมสาร, นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ, นายสมคิด เชื้อคง, นายสมบัติ ศรีสุรินทร์ และนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ซึ่งทั้ง 7 คนนี้ปรากฏผลคะเเนนเป็น – หรือยัติภังค์เช่นกัน ส่วนพรรค ภท.ที่มี ส.ส.หลายคนลุกขึ้นอภิปรายท้วงติงอย่างดุเดือดก็ลงมติเห็นด้วย เเม้เเต่นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม ในฐานะรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ก็สลับทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมมาลงมติเห็นด้วย ส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงมติเห็นด้วยทั้งหมด ยกเว้นนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ไม่ลงคะเเนนเสียง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ลงคะเเนนเห็น ยกเว้นนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ งดออกเสียง ส่วนนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ปรากฏผลคะเเนนเป็น - หรือยัติภังค์
ขณะที่การลงคะเเนนของพรรคเล็กและพรรคขนาดกลางที่น่าสนใจ อาทิ นายเรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ไม่ลงคะเเนนเสียง, นายอนุมัติ ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ ลงมติเห็นด้วย, นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ ลงมติไม่เห็นด้วย และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ลงมติไม่เห็นด้วย
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท. กล่าวหลังลงมติที่มี ส.ส.พรรคไม่ลงมติจำนวน 7 คน ว่าบางคนเราได้รับใบลาอย่างเป็นทางการ เช่น นายสมบัติที่ลาไปหาหมอ นายสมคิดที่ลาไปงานศพอาที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็ก ส่วนคนอื่นๆ ประกอบด้วย นายไตรรงค์, นายศรัณย์วุฒิ, นายอนุรักษ์ และ น.ส.พรพิมล กำลังดำเนินการประสานขอทราบเหตุผล ซึ่งหากคนใดไม่มีเหตุผลเพียงพอที่สามารถพิสูจน์ได้ พรรคมีมาตรการอย่างเด็ดขาดแน่นอน
นายศรัณย์วุฒิกล่าวในเรื่องนี้ว่า พื้นที่ของตนเองติดปัญหาเรื่องโควิด จึงมาช่วยที่อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ และเมื่อถามถึงกระแสย้ายพรรค นายศรัณย์วุฒิกล่าวว่า อยู่ในระหว่างขับรถเดินทางเข้า กทม.
ด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรค ภท. ในฐานะโฆษกพรรค พร้อม ส.ส.พรรคจำนวนหนึ่ง แถลงถึงการโหวตเห็นชอบ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ว่าพรรคเห็นความจำเป็นของการกู้เงินดังกล่าว แต่ก็มีความเป็นห่วงเรื่องการใช้เงิน จึงเตรียมเสนอญัตติเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบการใช้เงินกู้ 5 แสนล้านบาทภายในสัปดาห์หน้า เหมือนเช่น พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท
“ครั้งนี้จะเสนอญัตติให้ตรวจสอบที่ชัดเจน และเข้มข้นขึ้นกว่าชุดแรกอย่างแน่นอน และมีประสิทธิภาพในการตรวจสอบสูงสุด หากสภาเห็นด้วยที่จะมีการตั้ง กมธ.” นายภราดรระบุ
ผู้ใหญ่ 2 พรรคหวานแหวว
วันเดียวกัน ยังคงมีผลพวงจากการอภิปรายในวันแรก โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. กล่าวถึงกรณี น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. อภิปรายวิจารณ์การใช้งบประมาณของ สธ.เป็นข้อมูลตัดแปะ ไม่มีความจริง โดยรองปลัด สธ. และผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติได้ออกมาชี้แจงแล้ว ดังนั้นใครอภิปรายจะต้องทำการบ้านก่อน ไม่ใช่เห็นไมค์แล้ววิ่งเข้าใส่
“สธ.เราจบมาตลอด เมื่อมีคนไข้เข้ามาเราก็รักษาจนหาย เคสบายเคส ไม่ต่อความยาวสาวความยืด เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประชาชน ผู้ใหญ่เขาหวานแหววกันจะตาย เมื่อวาน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ โทรศัพท์มาผิดมิสคอล แล้วผมโทร.กลับไป ท่านก็บอกว่าโทร.ผิด สงสัยคงคิดถึง" นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามถึงประเด็นปัญหาการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ส.ส. ภูมิใจไทยยังอภิปรายโจมตีรัฐบาล นายอนุทินกล่าวว่า เป็นการอภิปรายเพื่อวิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ อย่าว่าแต่ ส.ส.ภูมิใจไทย ส.ส.ทุกพรรคไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ถ้าอภิปรายเกี่ยวกับการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์เป็นสาระ พร้อมรับฟังและพร้อมจะนำมาสานต่อ ซึ่งสิ่งไหนที่เป็นประโยชน์ เพราะทุกคนต้องหวังดีต่อบ้านเมือง อภิปรายอย่างราชสีห์โหวตอย่างหนู ราชสีห์กับหนูอยู่มากกว่า 1,000 ปี ไม่เช่นนั้นคงไม่อยู่ในนิทานอีสป เพราะมีความสำคัญทั้งคู่ ขาดกันไม่ได้
ส่วน พล.อ.ประวิตร กล่าวหลังสภาโหวตผ่าน พ.ร.ก.เงินกู้ว่า หลังจากนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องดูแล ซึ่งแต่ละกระทรวงต้องใช้จ่ายอย่างโปร่งใส เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนกรณีการอภิปรายของ น.ส.วทันยานั้น ไม่มีความขัดแย้ง เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งก็ไม่รู้ คงต้องถามเจ้าตัวเอง
เมื่อถามว่า นายอนุทินระบุว่าได้โทรศัพท์พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรนั้น เป็นการเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวปฏิเสธว่า ไม่มี เป็นการพูดคุยเรื่องอื่น
ส่วนนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า พอใจการทำงานของสมาชิกฝ่ายค้าน แต่ผิดหวังคือการตอบคำถามของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ใช้อารมณ์และบดบังเนื้อหาสาระ ซึ่งคำพูดของนายกฯ นั้นตีความได้ว่า ข่มขู่สมาชิก ทั้งที่เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิด นายกฯ ต้องระมัดระวังให้มาก หากใช้คำพูดข่มขู่เช่นนี้ ก็เป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชน เพราะหาก ส.ส.กลัวคำขู่ ก็ไม่กล้าทำงาน ประโยชน์ของประชาชนก็จะเสียไป จึงขอตำหนินายกฯ เพราะในอดีตไม่เคยมีนายกฯคนใดใช้คำพูดข่มขู่สมาชิกเช่นนี้
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวถึงนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน เปรียบเทียบรัฐบาลคือโรงพยาบาลจันทร์โอชา โดยนายเสกสกลระบุว่า นายวิโรจน์มีความคิดแบบฝ่ายค้านที่ไม่สร้างสรรค์ ค้านไร้เหตุผล ทุกคนก็รู้นิสัย เพราะแม้ว่านายกฯ และรัฐบาลจะทำงานได้ดีเพียงใดต้องไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ซึ่งนายวิโรจน์ไม่ควรออกมาพูดอะไรแล้ว เพราะได้หมดความน่าเชื่อถือไปแล้ว ตั้งแต่ท้าทายให้นายอนุทินลาออกจากตำแหน่ง หากวันที่ 7 มิ.ย. ถ้าไม่มีวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ามาฉีดให้บริการ ตรงกันข้ามกลับมีมาฉีดให้ประชาชนตามที่กำหนดไว้ จึงมีเสียงเรียกร้องให้นายวิโรจน์ต้องลาออก แต่นายวิโรจน์ก็ไม่กล้าลาออก เพราะกลัวว่าจะไม่ได้กลับเข้ามาเป็น ส.ส.อีก.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |