วิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 แน่นอนว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด จึงมีข้อสั่งการจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยากให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ จากนี้ไปการรณรงค์เรื่องการฉีดวัคซีนจะเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าภาครัฐสามารถที่จะจัดหาวัคซีนเข้ามาได้ทันท่วงที และสามารถฉีดให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ทุกหน่วยงานประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยเข้ามารับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุดเพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เพื่อที่จะให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ในกิจกรรมต่างๆ เช่น การเปิดประเทศกระตุ้นการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจในภาคต่างๆ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการให้บริการฉีดวัคซีนที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ณ สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งเริ่มฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มองค์กร และกลุ่มที่จองคิวฉีดวัคซีนโควิดผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 4 ราย ได้แก่ AIS, TRUE, DTAC และ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT
ขณะที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเจ้าของพื้นที่ได้รายงานถึงการเปิดให้บริการฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อที่ “ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ” ว่า ในการฉีดวัคซีนให้กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ให้บริการด้านการขนส่งสาธารณะทุกประเภทและส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจในกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม และผู้ประกอบการเอกชน รวมไปถึงแท็กซี่ รถจักรยานยนต์รับจ้าง ได้เข้ามารับบริการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.- 6 มิ.ย.64 ซึ่งสามารถฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย 10,000 คน/วัน โดยสูงสุดฉีดได้ถึง 15,000 คน/วัน
จากรายงานพบว่า การฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.จะเป็นกลุ่มองค์กรและกลุ่มที่ลงทะเบียนผ่านผู้ให้บริการมือถือ 4 ค่าย โดยยังคงเป้าหมายฉีดไม่ต่ำกว่า 10,000 คน/วัน ทั้งนี้ จะฉีดได้เท่าไรนั้นต้องดูองค์ประกอบอื่นด้วย เช่น เรื่องจราจร ที่จอดรถ จำนวนบุคลากรทางการแพทย์ และจำนวนวัคซีนที่ได้รับจัดสรรจากกระทรวงสาธารณสุข โดยจะมีทั้งวัคซีนซิโนแวค และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ได้ให้ทุกฝ่ายประเมินการฉีด เพื่อให้เพิ่มความสามารถในการฉีดขึ้นอย่างน้อย 5% ต่อวัน โดยตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.-27 มิ.ย.64 จะมีการฉีดเข็มที่ 2 ของกลุ่มผู้ให้บริการด้านการขนส่งสาธารณะทุกประเภท ซึ่งได้มอบหมายให้จัดการทั้งพื้นที่และระบบให้พร้อม
สำหรับ “ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ” จะเปิดให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. ไปจนถึงสิ้นปี 64 โดยให้บริการในระหว่างเวลา 09.00-20.00 น. ขณะนี้มีประชาชนลงทะเบียนฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อผ่านค่ายโทรศัพท์มือถือต่างๆ รวมประมาณ 4.3 แสนคน คาดว่าจะสามารถฉีดวัคซีนให้กับประชาชนกลุ่มนี้แล้วเสร็จประมาณเดือน ส.ค.64
แน่นอนว่าอาจจะมีข้อกังวลเรื่องความแออัดของสถานที่ เรื่องนี้กระทรวงคมนาคมได้จัดพื้นที่สถานีกลางบางซื่อไว้สำหรับการบริการฉีดวัคซีน 1.42 หมื่นตารางเมตร (ตร.ม.) แบ่งเป็น 4 โซน ได้แก่ 1.จุดคัดกรอง 2.จุดลงทะเบียนข้อมูล และเซ็นใบยินยอม รองรับได้ 260 โต๊ะ 3.จุดฉีดวัคซีน รองรับได้ 100 โต๊ะ และ 4.จุดพักรอสังเกตอาการ ประมาณ 1,400 ที่นั่ง
ก็ขอย้ำว่าการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แก่ประชาชน ณ สถานีกลางบางซื่อนั้น ยังไม่มีรูปแบบ Walk in แต่จะให้บริการประชาชน 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มองค์กรที่ประสานมายังกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 5,000 คน/วัน กลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนนัดหมายเข้ารับบริการฉีดวัคซีน ผ่านผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ได้แก่ ดีแทค (DTAC) เอไอเอส (AIS) ทรู (TRUE) และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) จำนวน 5,000 คน/วัน โดยผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน จะต้องยืนยันตัวตนโดยแสดง QR Code ที่ได้รับจากการจองคิวผ่านเครือข่ายมือถือทั้ง 4 เครือข่ายพร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชน.
กัลยา ยืนยง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |