วัคซีนป้องกันความเหงา ลดปัญหาสว.ทำผิดกฎหมาย


เพิ่มเพื่อน    

        เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นจริงกับกระแสข่าวคุณยายวัย 71 ปี ไม่มีลูกหลานดูแล จึงเลือกเลี้ยงชีพด้วยการขายยาเสพติด สะท้อนปัญหาสังคมครอบครัวที่ทุกฝ่ายควรจะรู้จักไตร่ตรองและทบทวน ว่าสังคมไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

(พรวรินทร์ นุตราวงศ์)

 

      พี่แอ้-พรวรินทร์ นุตราวงศ์ พยาบาลชำนาญการพิเศษ คณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล ม.นวมินทราธิราช บอกให้ฟังว่า สิ่งสำคัญที่จะทำให้คนทุกเพศทุกวัยห่างไกลจากยาเสพติด ที่ขายง่ายและได้เงินมาง่ายๆ คือเรื่องของการมีจิตสำนึกและการมีจริยธรรมในตัวเองที่จะอยู่ให้ห่างไกลจากอบายมุขเหล่านี้ แต่ในกรณีที่คนอายุกว่า 70 ปี ถูกลูกหลานทิ้งให้ต้องอยู่ลำพัง ดังนั้นบุตรหลานถือได้ว่ามีส่วนโดยตรง จึงควรมีส่วนร่วมในการแก้ไขและป้องกันปัญหาดังกล่าว จริงๆ แล้วคนสูงวัยไม่ได้ต้องการเงินมากๆ แต่ท่านเพียงขอให้ตัวเองกินอิ่ม นอนอุ่น ลูกหลานควรเลี้ยงดูให้ท่านอยู่สุขสบาย หรือดูแลคุณตาคุณยายให้เป็นคนสำคัญของบ้าน โดยให้ช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ เช่น ช่วยดูลูกหลาน, ช่วยซักเสื้อผ้า, เลี้ยงสุนัข, รดน้ำต้นไม้ ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อให้ท่านรู้สึกว่าได้อยู่แบบมีคุณค่า เมื่อนั้นความสุขจะเกิดขึ้น

(ลูกหลานควรให้เงินกับผู้สูงอายุตามสมควร เนื่องจากคนวัยนี้ไม่ต้องการทรัพย์สินเท่ากับการดูแลเอาใจใส่จากลูกหลาน)

 

      นอกจากการดูแลแล้ว การใช้คำพูดเพื่อให้ผู้สูงอายุรู้สึกอบอุ่นก็สำคัญ โดยเฉพาะคำพูดขอร้องจากลูกหลานเพื่อให้ท่านอยู่ในครอบครัวเดียวกัน หรือกล่าวในเชิงว่า ถ้าหากขาดท่านไป ครอบครัวก็ต้องแย่แน่ๆ เลย เพราะอันที่จริงแล้วปู่ย่าตายายถือเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลาน และด้วยประสบการณ์ในการใช้ชีวิตของท่าน จะช่วยลูกหลานแก้ไขปัญหาในทุกๆ เรื่องให้คลี่คลายได้ ที่ลืมไม่ได้ เวลาที่กลับจากทำงาน แนะนำว่าให้ลูกหลานทักทายท่าน และต้องไม่คิดว่าพ่อแม่มีหน้าที่เฝ้าบ้าน แต่ให้คิดว่าท่านเป็นคนสำคัญของบ้าน สิ่งเหล่านี้จะเป็นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจพ่อแม่ 

ทั้งนี้ หากผู้สูงอายุทำเรื่องผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ แนะนำว่าไม่ควรใช้คำพูดในลักษณะของคำสั่ง แต่ให้ใช้ความรู้สึกเป็นตัวบอก เช่น หนูรู้สึกไม่ดีเลยถ้าแม่ทำอย่างนี้ แทนที่จะพูดว่า หนูรู้สึกไม่ชอบเลยถ้าแม่ทำอย่างนี้ หรือ สิ่งที่แม่ทำลงไปมันผิดนะ เนื่องจาก 2 ประโยคหลังนั้นจะทำให้ผู้สูงอายุเสียใจและต่อต้านลูกหลาน หรืออาจทำให้ท่านรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

กลับมาที่ประเด็นของการดูแลพ่อแม่โดยการให้เงิน อันที่จริงก็เป็นน้ำทิพย์ชโลมใจท่านอีกทางหนึ่ง แต่ลูกหลานไม่จำเป็นต้องให้สตางค์ท่านครั้งละมากๆ เพราะในชีวิตประจำวันท่านไม่ได้ใช้เงินเยอะ และไม่ได้ต้องการเงินจากลูกหลานครั้งละเป็นพันเป็นหมื่น โดยเฉพาะลูกหลานที่เงินน้อย ก็ให้ท่านครั้งละ 100-200 บาทก็เพียงพอแล้ว หรือมีน้อยก็ให้น้อย โดยกล่าวในทำนองว่า หนูมีแค่นี้ ให้เท่านี้ก่อนนะแม่ เนื่องจากในชีวิตประจำวัน ท่านอาจต้องการซื้อโอเลี้ยงถุง 10 บาทรับประทาน หรือจ้างคนมานวดครั้งละ 20-30 บาทเท่านั้น เพียงแต่ท่านต้องการความเอาใจใส่ พูดคุยและถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ และไม่ปล่อยให้ท่านอยู่เพียงลำพัง จนกระทั่งขัดสนหนทาง และไปลงที่การทำเรื่องผิดกฎหมาย ทั้งหมดที่แนะนำมาก็เป็นการดูแลสุขภาพกายและใจของผู้สูงวัย เพื่อไม่ให้กระทำความผิดรุนแรงค่ะ

เงินถือว่ามีความจำเป็นในการดำรงชีวิตของมนุษย์ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการไม่ปล่อยให้พ่อแม่หรือปู่ย่าตายายอยู่เพียงลำพัง เพราะอาจนำไปสู่เหตุการณ์ ที่คนวัยหลัก 7 ต้องเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เรือนจำ ทั้งที่จริงแล้วคนวัยนี้ควรพักผ่อนภายใต้การเอาใจใส่จากบุตรหลานอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"