10 มิ.ย.64 - ต่อมาเวลา 10.30 น. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจงว่า ตนจะรับข้อคิดเห็นไปปรับปรุงวิธีการทำงาน โดยเฉพาะรายละเอียดของกรอบแผนงานทั้ง 3 แผนงานในพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนบาท ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นของสมาชิกที่ได้อภิปรายแนะนำ ซึ่งเป็นประโยชน์กับกระทรวงการคลังในฐานะผู้กู้เงินอย่างยิ่ง

ขณะที่นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้าน เรานำไปใช้เยียวยาฟื้นฟู เมื่อเดือนมิ.ย. 63 ธนาคารโลกคาดการณ์เศรษฐกิจประเทศไทยจะติดลบร้อยละ 8.3 ส่วนไอเอ็มเอฟประเมินว่าเศรษฐกิจของเราจะติดลบ 7.7 แต่เมื่อใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านจริง ทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถโตติดลบ 6.1 ซึ่งดีกว่าที่ทั้งสองภาคส่วนคาดการณ์ไว้ ต้องบอกว่า เงินกู้ 1 ล้านล้านที่ให้มา เป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจไทยจริงๆ

“ปัจจุบันหนี้สาธารณะประเทศอยู่ที่ 54 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเรารวมไปถึงการกู้งบขาดดุล รวมถึง 5 แสนล้าน ในสิ้นปีงบประมาณนี้ก็ยังไม่เกิน 60 เปอร์เซ็นต์  เราคาดการณ์ว่าอยู่ที่ 58-59 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนที่ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร เรามีคณะกรรมการการเงินการคลังพิจารณาในเรื่องหนี้สาธารณะห้ามเกินกรอบ 60 เปอร์เซ็นต์อยู่ หนี้สาธารณะของเรานั้น จะเป็นหนี้ที่รัฐบาลไม่ได้รับผิดชอบแบบตรงๆ แต่มีแหล่งเงินที่ชัดเจนนำมาคืนอยู่แล้ว ในกองทุนฟื้นฟูที่เป็นหนี้ตั้งแต่ปี 40 ซึ่งเหลือเงินต้นอยู่ที่ 7 แสนล้านบาท เงินที่เป็นแหล่งที่มาสำหรับใช้หนี้ จะเป็นการที่เราไปเก็บมาจากเงินฝากของสถาบันการเงินให้มา ดังนั้น เราเก็บได้ทุกปีก็จะนำมาชำระหนี้ตรงนั้น ไม่ได้เอางบประมาณไปชำระ ถือเป็นอีกแหล่งเงินหนึ่งที่นำมาใช้หนี้ 7 แสนล้าน ยืนยันไม่ได้เป็นภาระของงบประมาณ” ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว

จากนั้นเวลา 10.35 น. ที่ประชุมได้ส่งมติอนุมัติพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ด้วยคะแนน 270 ต่อ 196 งดออกเสียง 1 ไม่ออกเสียง 2 เสียง