จับแล้วแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขโมยบัตรประชาชน "ณิชา" ไปต้มตุ๋นชาวบ้าน ล่าสุดได้ตัวหญิงที่นำไปเปิดบัญชีแบงก์ 5 แห่ง อ้างตกลงค่าจ้าง 1 หมื่น แต่ได้รับจริงแค่ 4 พัน ตำรวจยังอุบไต๋รายละเอียด นัดแถลงอังคาร 16 ม.ค. ด้าน ผบก.ตากเตรียมนำเจ้าของบัตรเข้าเครื่องจับเท็จ สงสัยเหตุบัตรหายบ่อย เจ้าตัวรับหายมาแล้ว 3 ครั้ง และพร้อมเข้าสู่ขบวนการ
มีรายงานว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ตำรวจกองบังคับการนครบาล 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จับกุม น.ส.ปวีณา หญิงที่นำบัตรประชาชนของ น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ไปขอเปิดบัญชีธนาคารและนำไปใช้เป็นบัญชีหลอกลวงเหยื่อให้โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้ น.ส.ณิชาต้องตกเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกงแทน
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว น.ส.ปวีณา (ไม่ขอเปิดเผยนามสกุล) ผู้ต้องสงสัยที่สวมหน้ากากอนามัยมาสอบสวน หลังการสืบสวนมีข้อมูลว่าเป็นคนนำบัตรประชาชนของ น.ส.ณิชาไปเปิดบัญชีธนาคาร จำนวน 5 บัญชี เพื่อรับโอนเงินเข้าและออกให้กับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยควบคุมตัวได้ที่บ้านพักย่านตลิ่งชัน จากการสอบปากคำ น.ส.ปวีณารับสารภาพว่าเป็นคนนำบัตรประชาชนของ น.ส.ณิชาไปเปิดบัญชีจริง พร้อมให้การซัดทอดนายไซมอน 1 ในแก๊งโรแมนสแกม ที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมได้ เป็นผู้ว่าจ้างด้วยเงิน 10,000 บาท แต่ได้รับจริงเพียง 4,000 บาท ให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร จึงได้ประสานสานขออายัดตัวนายไซมอนมาสอบสวนแล้ว ส่วนบัตรประชาชนของ น.ส.ณิชาได้มาอย่างไร เป็นรายละเอียดที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการจับกุม น.ส.ปวีณา ตำรวจกองกำกับการสืบสวน บก.น.1 ได้ควบคุมตัว น.ส.ปวีณาส่งพนักงานสอบสวน สน.หลักสอง เพื่อลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน เนื่องจาก น.ส.ปวีณาได้เปิดบัญชีธนาคารในพื้นที่ สน.หลักสอง จากนั้นควบคุมตัวส่งต่อให้พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ท้องที่ที่กลุ่มคนร้ายมากดเงินจากตู้เอทีเอ็ม เพื่อสอบสวนขยายผล
ด้าน พล.ต.ต.ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผบก.ภ.จว.ตาก เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า คดีที่ น.ส.ณิชาตกเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกงใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว คาดภายในเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งพยานหลักฐานและพยานบุคคลจะรวบรวมส่งให้ทางอัยการพิจารณาว่าจะดำเนินการสั่งฟ้องหรือไม่ ส่วนผู้ต้องสงสัยอีก 2 คนที่มีผู้เสียหาย คือ นางกาสิณี ยะเมา โอนเงินเข้าบัญชีนายขวัญ ทองน้อย ชาว จ.ลพบุรี จำนวน 5 ครั้ง เป็นเงิน 4 แสนบาท และนายธีรภัทร์นนท์ งามวงษ์ ชาว จ.หนองคาย จำนวน 2 ครั้ง เป็นเงิน 6.3 แสนบาท ขณะนี้ออกหมายเรียกไปแล้ว แต่ทั้งสองยังไม่เข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเตรียมออกหมายเรียกรอบ 2 หากยังไม่มาอีกก็จะดำเนินการขอหมายจับทันที
พล.ต.ต.ปริญญากล่าวว่า พบข้อสงสัยที่ น.ส.ณิชามีประวัติการขอทำบัตรประชาชนใหม่หลายครั้ง จึงให้พนักงานสอบสวนเตรียมนำตัวเข้าเครื่องจับเท็จ และเร่งรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับคดีให้เสร็จภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่ง น.ส.ณิชายืนยันว่าพร้อมเข้าเครื่องจับเท็จเพื่อให้หมดข้อสงสัย พร้อมทั้งฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำคดีของเธอไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อไม่ให้มิจฉาชีพนำช่องโหว่ไปหากินได้อีก
ขณะที่ น.ส.ณิชากล่าวว่า ดีใจมากที่จับตัวคนนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีได้แล้ว ซึ่งจะทำให้ทั้งพยานหลักฐานและพยานบุคคลในคดีนี้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น ความจริงจะได้ปรากฏว่าตนไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่เป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวงข้ามชาติ ส่วนข้อสงสัยประเด็นที่ว่ากลุ่มคนร้ายสามารถติดต่อกับตนได้ ก็ไม่เป็นความจริง เพราะตนไม่รู้จักกลุ่มคนร้าย และมีโทรศัพท์หมายเลขเดียวที่ใช้มาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ ส่วนอีก 4 หมายเลข คนร้ายได้นำบัตรประชาชนที่ขโมยไปเปิดเบอร์โทรศัพท์ใหม่แล้วใช้หลอกลวงเหยื่อ ซึ่งหลังตนทราบก็ได้ไปยกเลิกเบอร์ดังกล่าวแล้ว โดยมีหลักฐานแจ้งบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา
น.ส.ณิชายังได้กล่าวขอขอบคุณ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และชุดสืบสวนทุกหน่วย รวมทั้งผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองปราบปราม รวมทั้งธนาคารทุกแห่ง ที่ให้ความร่วมมือมอบเอกสารหลักฐานต่างๆ จนสามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ส่วนที่ตำรวจจะให้ตนเข้าเครื่องจับเท็จ ยืนยันว่าพร้อมเข้าตรวจสอบ และมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตน
ต่อมาในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ ที่ สน.ห้วยขวาง น.ส.ณิชาพร้อมด้วยพี่สาวคือ น.ส.ปุญญาดา ก๊กมาศ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมคนนำบัตรประชาชนของตนไปเปิดบัญชีหลอกลวงผู้อื่น
น.ส.ณิชากล่าวว่า ขอขอบคุณตำรวจที่ทำงานไว รวดเร็ว พร้อมทั้งยันยืนความบริสุทธิ์ ขอให้รอผลการตรวจสอบจากตำรวจก่อน ซึ่งเชื่อว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย เพราะที่ผ่านมาก็ให้ปากคำและข้อมูลการโทรศัพท์ และบัญชีธนาคารกับตำรวจไปหมดแล้ว รวมทั้งไม่เคยติดต่อและรู้จักส่วนตัวกับผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจคุมตัวมาสอบสวน ในชีวิตไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ ที่ผ่านมาเรื่องนี้กระทบกับตนและครอบครัวจนนอนไม่หลับ แต่เมื่อตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ วันนี้ก็นอนหลับแล้ว
เธอชี้แจงด้วยว่า ที่มีข้อมูลว่าตนโทรศัพท์ติดต่อกับกลุ่มผู้ต้องหานั้น ตนคิดว่าน่าจะเป็นเพราะถูกนำชื่อไปใช้เปิดซิมทั้ง 4 หมายเลข ที่ย่านบางใหญ่ ส่วนบัตรประชาชนยืนยันว่าทำหายไปทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งแรกคือปี 2557 และปี 2560 สองครั้ง และไปทำใหม่โดยที่ไม่ได้ไปแจ้งความ สำหรับเงินหมุนเวียนในบัญชีของตนกว่า 6 ล้านบาทนั้น เป็นของครอบครัวที่ได้มาจากการทำธุรกิจ ซึ่งอยู่ในบัญชีตั้งแต่อายุ 18 ปี เฉลี่ยแล้วเป็นเงินหมุนเวียนในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา เดือนละ 100,000 บาท ซึ่งปัจจุบันก็มีเงินเหลืออยู่ไม่มาก ส่วนกรณีเงิน 300,000 บาท ที่มีการโอนเข้ามาในบัญชีนั้น ตนไม่ทราบจริงๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังให้สัมภาษณ์เสร็จ น.ส.ณิชาพร้อมพี่สาวได้เข้าให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมอีกครั้ง เพื่อเปรียบเทียบกับหลักฐานที่เจ้าหน้าที่มีอยู่ คลี่คลายปมประเด็นต่างๆ
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า กรณีของ น.ส.ณิชานั้น ตนยังไม่ได้รับรายงาน ทั้งนี้คดีดังกล่าวสำนวนอยู่ที่ บช.ภ.6 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ เป็นเพียงผู้ขยายผลสืบสวนเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่ว่าตัวละครใด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานไว้อยู่แล้ว เพียงแค่รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานให้เกิดความชัดเจนก่อน
"สำหรับ น.ส.ณิชา ขณะนี้อยู่ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา เพราะฉะนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถเรียกมาสอบได้ และ น.ส.ปวีณายังอยู่ในฐานะผู้ให้ถ้อยคำ เนื่องจากยังไม่พบหลักฐานที่เพียงพอในการขอศาลออกหมายจับ เบื้องต้น น.ส.ปวีณาให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ อยู่ระหว่างการขยายผลต่อไป" พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เปิดบัญชีธนาคารได้ครบทั้งหมดแล้วประมาณ 6 คน โดยพบว่าเป็นขบวนการแก๊งโรแมนสแกม และในวันที่ 15 มกราคม จะประสานเจ้าหน้าที่ธนาคารที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ ว่ามีการถ่ายโอนเงินไปยังบัญชีใดอื่นหรือไม่ ก่อนจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันอังคารที่ 16 ม.ค.นี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ขณะที่ พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง ระบุว่า การสอบปากคำผู้ต้องสงสัยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี และให้การเป็นประโยชน์ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เพราะต้องรอการขยายผลสืบสวนหาผู้ร่วมกระทำความผิดก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมการจับกุมตัว น.ส.ปวีณา ผู้ต้องหาที่ขโมยบัตรของ น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ไปเปิดบัญชีให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า ตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนของ กก.สส.บก.น.1 ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง รวมทั้งพนักงานสอบสวนท้องที่ต่างๆ ได้ประชุมเพื่อคลี่คลายคดี โดยเฉพาะประเด็นความเชื่อมโยงระหว่างตัว น.ส.ณิชาและกลุ่มคนร้าย
ส่วนตัว น.ส.ปวีณา หลังจากที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.1 จับกุมตัว ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปตรวจค้นบ้านพักย่านตลิ่งชันเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำต่อที่ สน.ห้วยขวาง ตลอดทั้งวัน
กระทั่งเวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว น.ส.ปวีณาลงมาที่ห้องควบคุมเพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือรับทราบข้อกล่าวหา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมลักทรัพย์ หรือรับของโจร, ร่วมกันนำบัตรของผู้อื่นไปแสดงว่าตนเป็นเจ้าของบัตร, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม และร่วมกันใช้ มีไว้ เพื่อออกใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ เมื่อพิมพ์มือแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปยังห้องสอบสวนเช่นเดิมทันที.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |