9 มิ.ย.2564 - นายสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทยพาดพิงกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหลายประเด็นว่าประเด็นแรกที่ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวหาว่า นายกฯเป็นเผด็จการ มาตามรัฐธรรมนูญซ่อนเงื่อน เป็นเผด็จการที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตยนั้น ขอเตือนว่า คุณหญิงจะหาเสียงให้พรรคใหม่อย่างไทยสร้างไทยแล้วไปประดิษฐ์คำสวยหรูอะไรมาก็ไม่ว่าอะไรกัน แต่อย่ามาเที่ยวประดิษฐ์สำนวนโวหารป้ายสีคนอื่น แทนที่คุณหญิงควรจะนึกถึงสมัยอยู่พรรคไทยรักไทยและเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ถูกประชาชนประฌามว่าเป็นระบอบทักษิณ เป็นเผด็จการรัฐสภาเสียงข้างมากลากไป ออกกฎหมายผ่านสภาหลายฉบับเพื่อเอื้อประโยชน์ของผู้นำบางคนในพรรคขณะนั้น ทำไมคุณหญิงจึงไม่ออกมาต่อว่าด่าทอโจมตีเหมือนเช่นทุกวันนี้บ้าง หรือมีอะไรปิดหูปิดตาปิดปากคุณหญิงไว้ จึงขอให้คุณหญิงมีจิตใจเป็นธรรม เป็นกลางบ้าง อย่าคิดเพียงแค่ใครไม่ใช่พวกคุณหญิงก็จะใส่ความโจมตีให้แหลกคามือแบบไร้เหตุผลเพราะความอาฆาตแค้นส่วนตัวหรือเปล่า การจะเป็นนักการเมืองที่ดีจะต้องมีจุดยืน มีอุดมการณ์ที่มั่นคงมีเหตุผลและเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่บ้าง ต้องยึดหลักข้อเท็จจริงและพูดความจริงกับประชาชน ไม่ใช่เอาแต่เรื่องเท็จมาบิดเบือนเพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อนายกฯและรัฐบาลตลอดมา เพียงแค่เริ่มต้นของพรรคใหม่ได้ไม่นาน เปรียบเหมือนเด็กยังตั้งไข่ หัดเดิน ก็มาเล่นวาทะการเมืองโจมตีระบายสีสาดสีใส่คนอื่น นี่คือสไตล์นักการเมืองน้ำเน่า ที่มีตรรกะความคิดและการพัฒนาการเมืองถอยหลังลงคลองน้ำเสียมากกว่าที่จะเป็นพรรคการเมืองน้ำดี
“คุณหญิงอย่าทำตัวเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่เลย มิเช่นนั้นคุณหญิงจะเสียภาพพจน์และเสื่อมคุณภาพในสายตาประชาชนไปเรื่อยๆ ตนไม่อยากเห็นคุณหญิง มีภาพพจน์เป็นเช่นนั้น ไม่อยากเห็นคุณหญิงตกต่ำในสายตาประชาชนและไม่อยากเห็นพรรคที่คุณหญิงสร้างขึ้นมาใหม่ แต่กลายเป็นพรรคที่เล่นการเมืองไม่สร้างสรรค์จะหวังเป็นที่พึ่งพาของประชาชนแทบมองไม่เห็นเลยสักนิด แล้วพรรคนี้จะมีประโยชน์ต่อประเทศชาติประชาชนได้อย่างไร”
นายสุภรณ์กล่าวต่อว่า การกล่าวหานายกฯ ถ้าจะพูดความจริงก็อยากชี้แจงครั้งที่นับไม่ถ้วนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจจากรัฐบาลในอดีตของ นา.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะมีสาเหตุที่ประชาชนคนไทยทราบดีว่า รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ปล่อยปะละเลยให้มีการทุจริตมากมายหลายโครงการ มีการทุจริตเสียหายจากโครงการจำนำข้าวทำชาติเสียหายชาวนาเดือดร้อน จนรัฐบาลปัจจุบันต้องมาแก้ปัญหาและใช้หนี้จนทุกวันนี้ ตลอดจนเกิดปัญหาความวุ่นวาย ในบ้านเมืองขัดแย้งกันอย่างรุนแรงนำไปสู่การทะเลาะถึงขั้นประกาศรบราฆ่าฟันกันบนท้องถนน อาจถึงขั้นแผ่นดินนองเลือด เป็นยุคที่เกิดการจลาจลวุ่นวายที่สุดในประเทศ ต่อมาเมื่อเรามีรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านการลงประชามติของประชาชน 16 ล้านเสียง พล.อ.ประยุทธ์ ก็เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ด้วยการไปอยู่ในบัญชีรายชื่อของผู้ถูกเสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคการเมือง จากนั้นรัฐสภาก็เลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ไม่มีอะไรที่เป็นเผด็จการเลย มาตามครรลองทั้งนั้น มีแต่พรรคเพื่อไทย ของคุณหญิงต่างหากที่กลับไปสนับสนุน นายธนาธร มาแข่งขันเป็นนายกฯ ทั้งที่คุณหญิงเป็นผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯของพรรคเพื่อไทย ทำไมคุณหญิงจึงไม่เสนอตัวเองให้สภาเลือกเป็นนายกฯ
“พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีเสียงมากกว่ากลับไปหนุนพรรคอนาคตใหม่ของนายธนาธร ที่มีเสียงน้อยกว่า อย่างนี้เขาเรียกว่าประชาธิปไตยแบบไหนกัน คุณหญิงคิดได้อย่างไร ไม่ใช่เป็นเพราะพรรคเพื่อไทยของคุณหญิงขณะนั้น ไม่เห็นหัวประชาชนที่ลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ มีเสียงมากกว่ากลับไปสนับสนุนพรรคที่มีเสียงน้อยกว่ามาเป็นนายกฯ เป็นการทรยศเสียงประชาชนที่ลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่ คิดแค่นี้ก็ไม่เป็นประชาธิปไตยแล้ว คิดแต่ประโยชน์ส่วนตัวที่จะเอาชนะ พล.อ.ประยุทธ์ให้ได้ เพราะความอิจฉาริษยาอาฆาตโกรธแค้นส่วนตัวใช่ไหม ตนสงสัยมาก ประชาชนภาคอีสานที่เลือกพรรคเพื่อไทยยังมีเสียงบ่นมาว่า เสียใจผิดหวังอุตส่าห์เลือก ส.ส.พรรคเพื่อไทย แต่กลับไปเลือกธนาธร คนที่คิดก้าวล่วงจาบจ้วงสถาบันฯจะมาเป็นนายกฯ คุณหญิงจะตอบคำถามนี้ต่อคนที่เคยเลือกพรรคเพื่อไทยและคาดหวังกับคุณหญิงที่ทำให้คนอีสานผิดหวังและเสียความรู้สึกอย่างไร”
นายสุภรณ์กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลาที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์บริหารมา 2 ปีเศษ ได้ให้ความเท่าเทียมและความเสมอภาคกับธุรกิจทุกขนาด ไม่ว่าขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ที่บอกว่าคนตัวเล็กเสียเปรียบและเสียโอกาสในการเจริญเติบโตทางธุรกิจก็ไม่จริง รัฐบาลให้การสนับสนุนและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาตลอด โดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ทอัพ เพียงแต่รัฐบาลโชคร้ายมาเจอวิกฤตโควิด 19 กว่า 2 ปี ทำให้ธุรกิจเหล่านั้นประสบปัญหา การที่คุณหญิงจะหาเสียงก็หาไป เพราะเมื่อถึงเวลาจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะมาแก้ได้ในวันสองวัน ต้องใช้เวลาเพราะวิกฤตโควิดเป็นเรื่องของมนุษยโลก ไม่ใช่เกิดที่ประเทศไทยเพียงแห่งเดียวเสียเมื่อไร ตนคิดว่าประชาชนคงไม่โง่หลงเชื่อแค่คำพูดสวยหรูของคุณหญิงอย่างแน่นอน เพราะประชาชนรู้ดีว่านักการเมืองคนไหนขี้โม้โอ้อวด และประชาชนรู้ว่านักการเมืองคนไหน ทุ่มเทตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่เพื่อรักษาชีวิตและลมหายใจของพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัยจากโควิด ดังเช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บ้าง
ส่วนประเด็นที่คุณหญิงบอกว่าแยกทางจากคุณทักษิณเด็ดขาด ไม่มียุทธการแตกแบงก์พันนั้น นายเสกสกล กล่าวว่า ไม่เชื่อและประชาชนก็คงไม่เชื่อเช่นเดียวกับตน เพราะคนที่เติบโตได้ดิบได้ดีจากนายทักษิณ จะมาทิ้งกันแบบนี้ง่ายดายเพราะคุณหญิงอยู่ด้วยกันยาวนานกับนายทักษิณตั้งแต่สมัยพรรคพลังธรรมปี 2538 ไม่เชื่อว่า คุณหญิงจะกล้าเนรคุณนายทักษิณคนที่ให้รางวัลคุณหญิงเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวงมาแล้ว เวลาลงพื้นหาเสียงเลือกตั้ง คุณหญิงจะบอกชาวบ้านว่าอย่างไร ชาวบ้านจึงจะเชื่อว่าคุณหญิงไม่เป็นคนเนรคุณต่อนายทักษิณ เหมือนกับที่ตนเคยโดนคนในพรรคเพื่อไทยกล่าวหามาแล้ว ใครที่ย้ายออกจากพรรคเพื่อไทย ออกจากนายทักษิณต้องเป็นคนเนรคุณ เหมือนที่ตนลาออกจากพรรคเพื่อไทยก็โดนมาแล้วเช่นกัน คุณหญิงไม่กลัวโดนต่อว่าเหมือนตนอย่างนั้นหรือ ทั้งที่ตนมีจุดยืนไม่อยากเป็นสมุนโจร ไม่อยากเป็นเครื่องมือใครและไม่อยากให้ใครเหยียบหัวขึ้นไปเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองและครอบครัว และไม่อยากอยู่ด้วยกับใครก็ตามที่มือไม่สะอาดจิตใจสกปรกที่คิดแต่มีอำนาจเพื่อธุรกิจครอบครัวเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม คนเช่นนี้ไม่ขอร่วมสังฆกรรมทางการเมือง ตนจึงต้องขอแยกทางเดิน ตนยังถูกกล่าวหาว่าเนรคุณ ยิ่งคุณหญิงใกล้ชิดสนิทสนม และยิ่งได้รับการไว้วางใจดูแลจากนายทักษิณและมอบตำแหน่งให้เป็น รมต.หลายกระทรวงฯ ไม่กลัวจะถูกตำหนิด่าทอต่อว่าหรือสาปแช่งจากคนในพรรคหรือสมาชิกเพื่อไทยว่าเป็นคนเนรคุณนายทักษิณหรือ คุณหญิงอาจจะถูกโดนรุมถล่มโจมตีหนักยิ่งกว่าตนหลายเท่าหรือเปล่าตนไม่ทราบ คุณหญิงไม่กลัวข้อกล่าวหานี้หรือตนมีประสบการณ์มาแล้วจึงขอบอกกล่าวเอาไว้ก่อน
“ส่วนการที่คุณหญิงฯประกาศว่า พรรคไทยสร้างไทย เป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แล้วกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์และบอกว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับขั้วพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นเผด็จการนั้น เป็นคำพูดแผ่นเสียงตกร่อง ฟังจนนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคพวกคุณหญิงดาหน้าด่าทอว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นเผด็จการ ถ้าคิดว่าเป็นเผด็จการจริงทำไมพรรคเพื่อไทยจึงส่งผู้สมัครลงสนามเลือกตั้งในปี 62 คุณหญิงเองก็เสนอตัวเป็นนายกฯถ้าคิดว่าเป็นเผด็จการจริงจะลงมาร่วมมือในรธน.ฉบับนี้ทำไม อย่าทำตัวเกลียดปลาไหลกินน้ำแกงเลยดีกว่า ทำเป็นปากว่าตาขยิบ ประชาชนเขารู้ทันอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่หมดแล้ว พึงอย่าคิดว่าประชาชนโง่ ประชาชนก็รู้แก่ใจดีว่าพรรคไทยสร้างไทยเป็นพรรคนอมินี หรือสาขาพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน และอยากให้ถึงวันเลือกตั้งเร็วๆ พรรคไทยสร้างไทย จะได้ส.ส.กี่คนถ้าผู้ใหญ่ของพรรคฯยังเล่นการเมือง แบบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นเช่นนี้ สุดท้ายพรรคใหม่พรรคนี้อาจจะไม่ได้ ส.ส.เข้าสภาเลย แม้แต่คนเดียว ถ้าประธานพรรคยังใช้วิธีพ่นพิษน้ำลายใส่คนอื่นรายวัน
นายสุภรณ์กล่าวอีกว่า คุณหญิงอย่าได้ให้ลิ่วล้อออกมาตอบโต้คนอย่างแรมโบ้ เพราะที่ผ่านมานายกฯไม่เคยพูดใส่ร้ายใครก่อนและไม่คิดตอบโต้ใคร มีแต่คุณหญิงที่กัดนายกฯไม่เคยปล่อยเอง คุณหญิงเริ่มก่อนทุกครั้ง ทั้งที่นายกฯไม่เคยตำหนิหรือต่อว่าอะไรคุณหญิงเลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่คุณหญิงและลิ่วล้อด่าว่านายกฯฝ่ายเดียว ยืนยันว่าถ้าคุณหญิงไม่ยอมโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ยอมหยุดใส่ร้ายป้ายสีนายกฯ ตนก็จะไม่ยอมหยุดเช่นกัน ตนจะไม่ยอมให้คุณหญิงและลิ่วล้อหรือสมุนของคุณหญิงออกมาด่าทอใส่ร้ายป้ายสีนายกฯฝ่ายเดียว ตนคงยอมไม่ได้เด็ดขาด นายกฯไม่มีเวลามาเล่นการเมือง จะไม่เสียเวลามาทะเลาะกับใคร มีแต่เวลาทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนกับประชาชนเท่านั้น
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |