"บิ๊กตู่" ส่งสัญญาณรัฐบาลเหลือ 1 ปี สั่ง ครม.เร่งเดินหน้ากิจกรรมส่งต่อรัฐบาลในอนาคต ลั่นจากนี้ไปต้องมีผลสำเร็จเป็นรูปธรรมจับต้องได้พร้อมแผน 1 ปีข้างหน้า ส่งขุนคลังแจง พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทต่อสภา กำชับพรรคร่วมรัฐบาลร่วมประชุมโหวตผ่านฉลุย พท.จัด 35 ขุนพลชำแหละ จี้ถามคลังเงินยึดทรัพย์ “แม้ว-ปู” ล่องหน ครม.เยียวยาโควิด ไฟเขียวจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจหมื่นอัตราช่วย นศ.จบใหม่
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ปัจจุบันสถานการณ์เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทได้มีการอนุมัติไปแล้ว 984,000 ล้านบาท จนถึงวันนี้เบิกจ่ายไปแล้ว 73 เปอร์เซ็นต์ ยังคงเหลือเงินกู้อีกประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งต้องมีเงินไว้ส่วนหนึ่งเพื่อสำรองในการลดค่าน้ำค่าไฟให้ประชาชนต่อไป ทั้งนี้หลายเรื่องที่ได้มีการหารือในที่ประชุม ครม. ตนมีความเป็นห่วงกังวลเกี่ยวกับเกษตรกร ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน ว่าทำอย่างไรจะให้หลุดพ้นจากความยากจนได้โดยเร็วที่สุด โดยได้สั่งการและมอบนโยบายไปแล้ว ว่าจำเป็นต้องเร่งรัดหลายกิจกรรมในช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ยังเหลืออยู่ในรัฐบาลปัจจุบัน และเตรียมพร้อมที่จะทำอะไรให้เกิดผลสัมฤทธิ์ส่งต่อให้รัฐบาลวันข้างหน้าต่อไป ทั้งนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติตามแผนงาน 1 ปี และแผนงานระยะปานกลาง 3 ปี ยุทธศาสตร์ 5 ปี
“ผมไม่ได้ขัดข้องเรื่องแผนงานโครงการที่เสนอขึ้นมา แต่เราจำเป็นต้องมีการตรวจสอบคัดกรอง โดยคณะอนุกรรมการ คณะกรรมการหลายระดับด้วยกัน จากภาครัฐและภาคเอกชน มีส่วนร่วมในการพิจารณาแผนงานโครงการทั้งสิ้น ซึ่งไม่ได้ต้องการให้ไปเกิดประโยชน์อะไรกับใครทั้งสิ้น ประโยชน์ต้องตกอยู่กับพี่น้องคนไทยทุกคน ในแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัด ให้เกิดความทั่วถึงและเป็นธรรม”
นายกฯ? กล่าวอีกว่า ขอเป็นกำลังใจให้ข้าราชการทุกคนที่ทำงานอย่างหนักในการแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด หลายเดือนมาแล้วเป็นปีมาแล้ว บางคณะทำงานทุกวัน 24 ชั่วโมง มีการประชุมทุกวันไม่มีวันหยุด หลายคนเจ็บป่วยเป็นไข้บ้าง ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข อสม.? แม้กระทั่งหน่วยงานท้องถิ่นจังหวัดทุกคน นั่นคือพลังของคนไทยที่เราจะต้องชนะไปด้วยกัน เรามีคนจำนวนมากที่เดือดร้อนในหลายอาชีพ จึงจำเป็นต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของเรา ซึ่งได้ย้ำว่าใน 1 ปีนี้จะต้องมีผลสำเร็จที่จับต้องเป็นรูปธรรมได้ ว่าเรามีการแก้ไขปัญหาอะไรไปแล้วบ้าง และอีก 1 ปีข้างหน้าจะทำอะไร เตรียมแผนเอาไว้
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม ครม.ได้มีมติเห็นชอบให้มีการจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจจำนวน 10,000 อัตรา เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เป็นวงเงินจำนวนกว่า 2,200 ล้านบาท โดยจะเปิดรับผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่จบใหม่ จัดสรรอัตราเข้าสู่หน่วยงานราชการที่มีภารกิจสำคัญและเร่งด่วนทั่วประเทศโดยเฉพาะในส่วนภูมิภาค ซึ่งจะได้รับค่าตอบแทน 18,000 บาทต่อเดือน มีสัญญาการจ้างงานไม่เกินหนึ่งปี และได้รับสิทธิประโยชน์เทียบเท่าพนักงานราชการปกติ รวมถึงเงินประกันสังคมด้วย ถือเป็นมาตรการหนึ่งที่รัฐบาลต้องการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เรียกว่าได้เข้าเป็นพนักงานราชการเฉพาะกิจ
รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุม ครม.ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์บรรยากาศโดยรวมเป็นไปด้วยดี โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ที่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทั้งนี้ในช่วงท้ายการประชุม พล.อ.ประยุทธ์เอ่ยปากชื่นชมโครงการจับคู่กู้เงินของกระทรวงพาณิชย์ ที่เสนอโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ว่าเป็นโครงการที่ดี พร้อมกับบอกรัฐมนตรีกระทรวงอื่นๆ ว่า หากใครมีโครงการดีๆ แบบนี้ให้มานำเสนอได้
นายกฯ ยังได้กำชับพรรคร่วมรัฐบาลเรื่องการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ในวันที่ 9 มิ.ย.ด้วยว่า ให้ทุกคนเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะการโหวตที่เน้นย้ำว่าต้องให้ผ่าน ต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมฝากนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง ชี้แจงให้ครอบคลุมชัดเจนด้วย ทั้งนี้อารมณ์และน้ำเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ในระหว่างพูดเรื่องดังกล่าว สื่อถึงความซาบซึ้งที่ต้องการเห็นความรักความสามัคคีในการอยู่ร่วมรัฐบาลเดียวกัน
ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงตอบคำถามสื่อมวลชนแทน พล.อ.ประยุทธ์ ภายหลังประชุม ครม.ว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง เป็นผู้ชี้แจง พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทต่อที่ประชุมสภา และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปชี้แจงเพิ่มเติม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)? ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทในสภาวันที่ 9 มิ.ย.ว่า คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร ส.ส.ทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลคงเล็งเห็นความสำคัญในความจำเป็นต้องออก พ.ร.ก.กู้เงินในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่จำเป็นต้องเตรียมงบประมาณมาดำเนินการช่วงวิกฤตินี้ ถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วน จึงไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรในการพิจารณา
เมื่อถามว่า? ความเข้าใจในเรื่องการจัดสรรงบประหว่าง พปชร.กับพรรคภูมิใจไทยไม่น่าจะเกิดปัญหาขึ้นอีกใช่หรือไม่ นายอนุชาปฏิเสธว่าไม่มี ที่ผ่านมาหลายคนมองว่ามีปัญหา? แต่เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของสมาชิกบางคน ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ตาม เราต้องถือว่าทุกพรรคมีเอกสิทธิ์?มีความคิดของตัวเอง? แต่ถึงเวลาที่ต้องคิดเพื่อส่วนรวมต้องคิดอีกอย่างหนึ่งได้ ยืนยันรัฐบาลพร้อมชี้แจงทุกเรื่อง รวมไปถึง พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทที่สามารถตอบโจทย์ได้ทุกข้อ? มั่นใจว่าจะไม่เป็นประเด็นปัญหา
น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. เขต 2 ในฐานะโฆษกพรรค พปชร. กล่าวภายหลังการประชุม ส.ส.พรรค ว่า ได้เตรียมความพร้อมการประชุมวาระการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งวิป 2 ฝ่ายได้ตกลงกันว่า จะเปิดให้สมาชิกอภิปรายฝ่ายละ 9 ชั่วโมง เริ่ม 09.30 น. คาดว่าจะแล้วเสร็จ 05.00 น.ของวันรุ่งขึ้น
ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวภายหลังประชุม ส.ส.พรรคว่า ได้ให้ ส.ส.ของพรรคศึกษาเนื้อหาของ พ.ร.ก.ดังกล่าว ซึ่งการอภิปรายถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ว่าจะชี้ให้เห็นหรือถ่ายทอดความรู้สึกต่อประเด็นใด ทั้งนี้ การทำหน้าที่ต้องแยกว่างานสภาเป็นหน้าที่ของ ส.ส. ไม่ใช่ว่าหัวหน้าพรรคจะสั่งการได้ทุกอย่าง เพราะ ส.ส.เป็นผู้แทนประชาชนที่เลือกเขามา และการอภิปรายแสดงความเห็นไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล
“พรรคภูมิใจไทยไม่ได้อภิปรายอย่างราชสีห์แล้วโหวตอย่างหนู เพราะหนูนี่แหละที่ช่วยราชสีห์ ในนิทานอีสปไม่เคยบอกว่าราชสีห์ช่วยหนู มีแต่หนูที่ช่วยราชสีห์ และการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 65 ที่ผ่านมาก็เรียบร้อยดี เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งการอภิปรายเป็นการนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของ ส.ส.ไปรับฟัง เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้องก็ถือว่าแฟร์ดี” นายอนุทินระบุ
ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยมีความเห็นตรงกันกับกรรมการบริหารพรรค ที่พรรคเพื่อไทยจะอธิบายชี้ให้เห็นถึงความไม่จำเป็นในการกู้เงิน เนื่องจากปีที่แล้วรัฐบาลออกเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ทั้งปัญหาวัคซีนหรือการเยียวยาประชาชน ทั้งที่สถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศของปีที่แล้วน้อยกว่าปัจจุบัน เบื้องต้นพรรคเพื่อไทยได้จัด ส.ส.สำหรับการอภิปรายไว้ 35 คน ยังไม่รวมพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ โดยจะให้สิทธิ์ ส.ส.ที่ยังไม่ได้อภิปรายในการพิจารณาร่างงบประมาณที่ผ่านมาได้อภิปราย พ.ร.ก.กู้เงินนี้ก่อน
นายจิรายุ ในฐานะโฆษกคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 เปิดเผยภายหลังประชุม กมธ.งบประมาณว่า กมธ.ฝ่ายค้านได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับกรณีที่รัฐยึดทรัพย์ของนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า เมื่อยึดไปแล้วไปเก็บไว้ที่ส่วนใด ซึ่งผู้แทนของกระทรวงการคลังชี้แจงไม่ได้ ทั้งนี้ กมธ.ฝ่ายค้านก็จะตรวจสอบต่อไปว่ายึดไปแล้วไปอยู่ที่ส่วนไหนของงบประมาณ นอกจากนี้ เรายังสอบถามเกี่ยวกับกองทุนประชารัฐสวัสดิการ ที่ตั้งชื่อคล้ายคลึงกับพรรคการเมือง และถามด้วยว่าเมื่อใช้งบประมาณในส่วนดังกล่าวไปแล้ว จะหาเงินส่วนใดไปใช้คืน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |