นายกฯขออภัยอีก เร่งฉีดวัคซีนทั่วถึง


เพิ่มเพื่อน    

  “ประยุทธ์” ฟุ้งคิกออฟวัคซีนวันแรกฉีดไปกว่า 4 แสนราย ลั่นเป้าหมายยังอยู่ที่ 100 ล้านโดสไม่มีลด มีแต่เพิ่ม พร้อมขออภัยหากไม่ได้รับความสะดวก ยอมรับต้องบริหารของในมือตามสถานการณ์ ย้ำคนจองต้องได้ฉีด สำนักงานสถิติฯ รายงานผลโพล 75% พร้อมฉีด สุดอึ้ง! วัยรุ่น-นิสิต-นักศึกษาเป็นกลุ่มยี้เข็ม ต่างจังหวัดยังคึกคักต่อเนื่อง เริ่มพบผู้แพ้บ้างประปราย “บางปู” รอไม่ไหวจ่าย 1,800 บาทซื้อซิโนฟาร์ม

เมื่อวันอังคารที่ 8 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการคิกออฟวาระแห่งชาติฉีดวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ว่ามียอดรวมวันแรกมากกว่า 4 แสนโดสทั่วประเทศ และยอดสะสมมากกว่า 4.6 ล้านโดสทั่วประเทศ ซึ่งในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ผอ.ศบค.) ได้มอบหมายหลักการกระจายวัคซีนให้มีความเท่าเทียมให้มากที่สุด โดยย้ำว่าทุกจังหวัดต้องได้รับวัคซีนเพื่อให้เริ่มต้นได้พร้อมกัน ต้องไม่มีจังหวัดใดถูกทอดทิ้ง ขณะที่จำนวนวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรตามจำนวนประชากร อายุ จำนวนผู้ติดเชื้อ กลุ่มเสี่ยง อาชีพ และการเป็นพื้นที่เฉพาะ เช่น พื้นที่ท่องเที่ยวหรือพื้นที่เศรษฐกิจ โดยแต่ละจังหวัดที่ได้รับวัคซีนไปจะเป็นผู้กำหนดจัดสรรวัคซีนให้โรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัด และคนที่จองคิวไว้แล้วต้องได้รับการฉีดวัคซีน โดยยึดวันที่จองไว้เดิมให้ได้มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ เนื่องจากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่
    "ผมต้องขออภัยหากมีประชาชนท่านใดอาจไม่ได้รับความสะดวกมากนัก หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงบ้าง ซึ่งผมได้เน้นย้ำในหลักการไปแล้ว จะดำเนินการแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบให้เร็วที่สุด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    นายกฯ กล่าวว่า ข้อจำกัดที่สำคัญที่จำเป็นต้องปรับแก้คือเรื่องการจัดส่งวัคซีน ซึ่งทุกคนน่าจะทราบดีว่าไม่ได้มาครั้งเดียวทั้งหมดตามสัญญา แต่ทยอยจัดส่งเข้ามาเป็นรอบๆ ซึ่งเราถือหลักการจัดส่งให้เร็วที่สุด โดยพิจารณาเป็นรายเดือนตามจำนวนวัคซีนในมือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งอาจเกิดข้อจำกัดในการบริหารจัดการอยู่บ้างในระยะแรก ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แจงและทำความเข้าใจโรงพยาบาลต่างๆ ให้ทราบถึงหลักเกณฑ์การกระจายวัคซีน และข้อจำกัดในการจัดสรรวัคซีนให้สอดคล้องกับยอดผู้ลงทะเบียนในระบบแล้ว ซึ่งวันนี้เราบริหารในเดือน มิ.ย. ซึ่งเรามีจำนวนวัคซีนอยู่ในมือจำนวนเท่าไหร่ก็จะเร่งกระจายให้มากที่สุด และถ้าสามารถจัดหาวัคซีนได้เพิ่มเติมก็จะกระจายเพิ่มเติมอีกให้มากที่สุด และรัฐบาลพยายามจะหาวัคซีนมาเพิ่มเติมให้ได้มากที่สุด โดยไม่รอวัคซีนที่ทำสัญญาไว้แล้วเท่านั้น เชื่อว่าในเดือนต่อไปเราน่าจะมีวัคซีนเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ  จนแต่ละจังหวัดแต่ละจุดที่ฉีดวัคซีนสามารถบริหารจัดการได้สะดวกมากขึ้น เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนคนไทยที่จองแล้วต้องถูกเลื่อนคิวอีก ถือเป็นเหตุผลหลักและความจำเป็นที่ขอชี้แจงให้ทราบ
    “เป้าหมาย 100 ล้านโดสที่ตั้งไว้ยังไม่เปลี่ยนแปลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยวันนี้ได้ทำสัญญากับแอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์แล้ว 61 ล้านโดส ซึ่งจะทยอยส่งมา อีกทั้งมีสัญญากับซิโนแวค 6 ล้านโดส และมีแผนจัดซื้อเพิ่มอีก 8 ล้านโดส ทั้งนี้เราคาดว่าสามารถทำสัญญากับไฟเซอร์และจอห์นสันแอนจอห์นสัน รวมแล้ว 25 ล้านโดส และยังมีวัคซีนอีกจำนวนหนึ่งที่ได้รับจากการเจรจาทางความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ และในปีหน้าคาดว่าจะมีวัคซีนที่ผลิตโดยคนไทยเองอีกด้วย”พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
ยอดฉีดวันแรกเกิน 4 แสนราย
    รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในที่ประชุม ครม.ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ พล.อ.ประยุทธ์ได้สอบถามนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ว่าในเดือน มิ.ย.นี้จะฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้กี่โดส ซึ่งนายอนุทินได้ตอบว่าจะทำให้ยอดรวมของผู้ที่ได้รับวัคซีนในไทยสิ้นเดือน มิ.ย.อยู่ที่ 7.5-8 ล้านโดส พร้อมกับระบุว่า รัฐบาลเตรียมลงนามจองวัคซีนไฟเซอร์และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 25 ล้านโดสในสัปดาห์นี้
    นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.แถลงถึงการคิกออฟฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ว่ามีการฉีดไปทั้งสิ้น 416,847 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 388,872 โดส และเข็มที่สอง 279,975 โดส ทำให้มียอดรวมการฉีดวัคซีนทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. ทั้งเข็มที่หนึ่งและสองรวมกัน 4,634,941 โดส
    ส่วนนายอนุทินกล่าวย้ำว่า ขณะนี้ทุกพื้นที่มีความพร้อมในการฉีดวัคซีนได้และรับการกระจายวัคซีนไปในครบทุกจังหวัดแล้ว แต่จะทยอยเข้ามา ดังนั้นต้องมีการบริหารจัดการให้ดี จะฉีดครั้งเดียวหมดก็ไม่ได้ ต้องพิจารณาฉีดให้ต่อเนื่อง และอำนาจของแพทย์ในพิจารณาว่าจะให้วัคซีนชนิดใดผู้มารับการฉีด ทั้งแอสตร้าเซนเนก้าหรือซิโนแวค แต่ยืนยันว่าวัคซีนที่รัฐบาลจัดหามาให้นั้นทั้ง 2 ชนิดมีประสิทธิภาพเท่าเทียม ไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าอันไหนดีกว่ากัน
    นายอนุทินยังกล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีโรงพยาบาลประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนโควิด ว่าไม่เป็นความจริง เป็นแค่การสอบถามตามระบบบริหารงาน เป็นอำนาจของปลัด สธ. ซึ่งการพิจารณาเลื่อนฉีดหรือยกเลิกต้องมีเหตุผลรองรับ ผ่านคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดด้วย แต่ส่วนใหญ่ที่พบเป็นการเลื่อนในกลุ่มองค์กรมากกว่า
“ที่พบการขายคิว หรือบัตรฉีดวัคซีน ได้ให้ฝ่ายปกครองดำเนินการตามกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องมาซื้อขายคิว เนื่องจากขณะนี้การมาฉีดวัคซีนมีการเปิดลงทะเบียนนัดหมายในหลายระบบ รวมถึงผ่านเครือข่ายค่ายมือถือด้วย วัคซีนโควิด-19 มีพร้อมสำหรับทุกคน ไม่ต้องซื้อขาย ทุกคนได้ฉีดแน่นอน เมื่อฉีดวัคซีนวันละ 3-4 แสนคน ผ่านไป 2-3 เดือน จะฉีดได้ 20-30 ล้านคน โอกาสติดเชื้อลดน้อยลง ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนจำนวนมาก 50-60 ล้านคน ไม่สามารถฉีดทั้งหมดได้ในเดือนเดียว ต้องทยอยฉีด” นายอนุทินกล่าว
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ผอ.ศปก.ศบค.) กล่าวถึงกรณีหลายโรงพยาบาลเลื่อนฉีดวัคซีน ว่าจำนวนยอดวัคซีนที่เข้ามาเดือน มิ.ย.จะเข้ามา 6 ล้านโดส โดยทยอยเข้ามาเป็นงวด ปัจจุบันเข้ามาแล้ว 3.54 ล้านโดส ซึ่ง สธ.ทยอยส่งไปตามจังหวัดต่างๆ ในภาพรวม แต่อาจมีบางแห่งที่ยังไม่เข้าใจว่าในเดือน มิ.ย.ได้รับเท่านี้ แต่ความจริงจะทยอยเข้ามาในงวดต่อไป ทราบว่า 1-2 วันนี้ก็จะทยอยลงไปในพื้นที่อีก   ขอย้ำว่าวัคซีนจะส่งไปเป็นงวดๆ ไม่ใช่ทั้งก้อนทั้งหมด 6 ล้านโดส ส่งมา 3.54 ล้านโดสก็แจกไปทั้งหมด ส่งมา 2 แสนโดสก็ส่งไป 2 แสนโดส
    เมื่อถามว่า นายกฯ ระบุได้ลงนามจัดซื้อวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 25 ล้านโดส จะเข้ามาเมื่อไหร่ เลขาฯ สมช.กล่าวว่า จะเข้ามาช่วงไตรมาส 3 หรือ 4 เรื่องนี้ไม่อยากบอกวันที่แน่นอนไปก่อน เพราะเมื่อไม่ได้ตามนั้นจะถูกตำหนิ แต่โดยหลักขณะนี้เรามีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส, วัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส, วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน  5 ล้านโดส และวัคซีนซิโนแวค ประมาณ 8 ล้านโดส รวมประมาณ 100 ล้านโดส ที่กำลังเข้ามาตาม และขอย้ำว่าวัคซีนที่เข้ามาในไทยจะครบ 100 ล้านโดสในปีนี้แน่นอน
    เมื่อถามว่า กรณีที่มีบางพรรคการเมืองแฉว่า ส.ส.กทม.พรรคใหญ่รับลงทะเบียนให้คนมาฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อเข้าข่ายล็อกโควตาหวังผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ไม่ตอบเรื่องนี้
ย้ำวัคซีน 2 ยี่ห้อเอาอยู่
    นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ.กล่าวว่า วันนี้กระจายวัคซีนซิโนแวคไปในพื้นที่อีก 7.5 แสนโดส ตามแผนที่ได้วางไว้กับ ศบค. และจากนั้นจะมีวัคซีนที่ผ่านการตรวจรับรองรุ่นการผลิตของซิโนแวคอีก 5 แสนโดสเข้ามาในระบบและทยอยส่งมอบในพื้นที่ จากนั้นวันที่ 10 มิ.ย. จะมีวัคซีนของซิโนแวคทยอยเข้ามาอีก 1 ล้านโดส และในวันที่ 14 มิ.ย. จะมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทยอยเข้ามาอีก แต่ยังไม่สามารถระบุจำนวนได้
    ปลัด สธ.กล่าวถึงกรณีมีคนนำเสื้อวินมอเตอร์ไซค์มาใส่ ที่อาจไม่เข้ากับบุคลิกที่ดูคล้ายคนมีฐานะดี เพื่อรับวัคซีนที่ศูนย์บางซื่อว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดำเนินการตรวจสอบ และไม่ได้ฉีดวัคซีนให้คนดังกล่าว รวมทั้งกำชับให้ดำเนินคดีด้วย โดยกระทรวงคมนาคมต้องตรวจสอบว่าใช่กลุ่มคนขับขี่รถโดยสารสาธารณะตามโควตาหรือไม่ เพราะไม่ใช่อำนาจของ สธ.
    นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ถือว่าเป็นข่าวดี หลังมีผลศึกษาวิจัยว่าวัคซีนซิโนแวคสามารถฉีดได้ในเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไปนั้น แต่ขอให้รอผลศึกษาที่ชัดเจน ส่วนวัคซีนที่ไทยจะได้รับยังคงเป็นตามเป้า เบื้องต้นใน 2 สัปดาห์แรก กระจายไป 3.5 ล้านโดส ซึ่งคณะกรรมการวิชาการได้ให้คำแนะนำว่า วัคซีน 2 ชนิด ทั้งแอสตร้าฯ และซิโนแวคสามารถฉีดได้ครอบคลุมตั้งแต่ผู้อายุ 18 ปีขึ้นไปจนถึงผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป การพิจารณาฉีดวัคซีนชนิดไหนก็ทำได้ไม่แตกต่างกัน แล้วแต่ละพื้นที่พิจารณา โดยหากเป็นในพื้นที่ระบาด การฉีดแอสตร้าฯ 1 เข็ม สามารถชะลอและควบคุมโรคได้นานถึง 3 เดือน จากนั้นถึงเริ่มฉีดเข็ม 2 ได้ แต่หากเป็นซิโนแวคต้องฉีดต่อเนื่องถึง 2 เข็ม ถึงจะสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้บางพื้นที่ต้องพิจารณาฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ ก่อน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงกรณีที่มีบุคคลปลอมเป็นวินมอเตอร์ไซค์ใส่เสื้อวินเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อว่า ได้รับรายงานจากรองปลัดกระทรวงคมนาคมที่ได้ไปดูแลที่สถานีกลางบางซื่อแล้ว ซึ่งได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟให้เข้ามาช่วยดูแล ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้รองปลัดฯ สั่งการอธิบดีกรมการขนส่งทางบกให้เข้าไปดูเรื่องนี้ด้วย หากพบว่ามีการนำเสื้อวินมาสวมไม่ตรงกับเจ้าของเสื้อ คงต้องแจ้งความดำเนินคดี  
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ ตอบคำถามสื่อมวลชนแทน พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกระแสฉีดวัคซีนให้ชาวต่างชาติว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศได้แถลงว่าประเทศไทยจะฉีดวัคซีนให้กับทุกคนที่พำนักอยู่ในไทยอยู่แล้ว ทั้งแรงงานต่างชาติ หรือผู้ที่ทำหน้าที่อยู่ในไทยในลักษณะของคณะทูตหรือองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ซึ่ง สธ.อยู่ระหว่างการจัดทำรูปแบบการลงทะเบียนให้ชาวต่างชาติผ่านระบบต่างๆ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศว่าจะลงทะเบียนอย่างไร โดยหากได้ข้อสรุปแล้วจะชี้แจงให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้งหนึ่ง
    นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้ พศ.ประจำจังหวัดรวบรวมรายชื่อพระสงฆ์ที่แสดงเจตจำนงที่จะฉีดวัคซีนแล้ว โดย รพ.สงฆ์ก็ได้รับวัคซีนเพื่อเตียมนำไปฉีดให้พระสงฆ์ ซึ่งขณะนี้ได้ฉีดให้พระสงฆ์ใน กทม.ไปแล้วกว่าหมื่นรูป?
อึ้ง! วัยรุ่นไม่อยากฉีดวัคซีน
ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เกี่ยวกับกรณีของวัคซีน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน โดยการสัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 46,600 คน พบว่าประชาชน 75.2% ต้องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในจำนวนนี้มีผู้ต้องการฉีดและพร้อมฉีดวัคซีน 47.7% และผู้ต้องการฉีดแต่ยังไม่พร้อม 27.5% ส่วนที่ฉีดวัคซีนแล้วมี 5.5% ขณะที่ 19.3% ไม่ต้องการฉีดวัคซีน โดยให้เหตุผลว่ากลัวผลข้างเคียง 16.4%, ไม่เชื่อมั่นว่าวัคซีนจะสามารถป้องกันได้ 4.9%, มีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย เช่น พิการ มีโรคประจำตัว ตั้งครรภ์ 4.6% และสามารถป้องกันตัวเองได้ 3.6%
สำหรับผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนระบุว่า  วัคซีนที่ต้องการมากที่สุดคือวัคซีนที่รัฐบาลจัดหาให้ 54.6%, วัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์ 12.5%, วัคซีนโมเดอร์นา 3%, วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 2.5% และวัคซีนโนวาแวกซ์ 0.9% สำหรับ 6 จังหวัดที่มีผู้ที่ฉีดวัคซีนไปแล้วและผู้ที่พร้อมจะฉีดสูงกว่า 70% ได้แก่ ภูเก็ต 80.2%, ตรัง 80%, ระนอง 78.8%, บุรีรัมย์ 73.3%, ชลบุรี 71.8% และนนทบุรี 71.2%
เมื่อพิจารณาตามกลุ่มอายุ พบว่าผู้ที่มีอายุ 18-29 ปี ไม่ต้องการฉีดวัคซีนและไม่พร้อมฉีดมีสัดส่วนสูงกว่ากลุ่มอายุ 30 ปีขึ้นไป ขณะที่นักเรียน นักศึกษา ผู้ว่างงาน ระบุว่าไม่ต้องการฉีดวัคซีนหรือไม่พร้อมฉีดสูงกว่ากลุ่มอาชีพอื่น
     สำหรับบรรยากาศการฉีดวัคซีนวันที่ 2 นั้น ที่ กทม. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมจุดบริการฉีดวัคซีนนอก รพ. โดยระบุว่า เมื่อวัน 7 มิ.ย. การให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนทั้ง 25 จุดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนได้ทั้งสิ้น 13,052 ราย
ขณะที่นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีน รพ.สมุทรสาคร โดยระบุว่า พึงพอใจภาพรวมการให้บริการฉีดวัคซีนในระดับหนึ่ง แต่พบปัญหาและอุปสรรคอยู่บ้าง เช่น ปัญหาเรื่องความไม่เข้าใจเกี่ยวกับคุณภาพของวัคซีน ชนิดของวัคซีน และการนัดหมายเข้ารับบริการ เป็นต้น ซึ่งในส่วนตัวก็อยากจะให้ทุกคนเชื่อมั่นวัคซีนที่ฉีดให้
“จังหวัดได้ออกบัตรพิเศษเป็นบัตรวัคซีน ททท วัคซีนช่วยตัวเรา ช่วยหมอ ช่วยชาติ ซึ่งถ้าใครเข้ารับการฉีดวัคซีนแล้วก็จะได้รับบัตรวัคซีน ททท 1 ใบ สามารถใช้เป็นส่วนลดร้านค้าที่เข้าร่วมรายการได้ 5-10%”
บางปูไม่รอสั่งซื้อวัคซีนเอง
มีรายงานว่า บริษัทในนิคมอุตสาหกรรมบางปูรอวัคซีนจากรัฐบาลไม่ไหว ได้สั่งซื้อวัคซีนฉีดป้องกันโควิด-19 กับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ผ่านสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยบริจาคเงินให้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จำนวน 1,800/คนต่อ 2 โดส
    ส่วนที่พิษณุโลก บรรยากาศฉีดวัคซีนวันที่สองยังคงคึกคัก แม้จะมีผู้สูงอายุหลงลืมมาผิดวันบ้าง แต่ส่วนใหญ่ราบรื่น โดยเฉพาะ one stop service บริการผู้สูงอายุผู้พิการได้อย่างดี ส่วนที่ จ.ชัยนาท รายงานผลการฉีดวันแรกว่า สามารถให้บริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ 3,288 คน มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 3,230 คน จากหน่วยบริการทั้งหมด 10 จุดทั่วจังหวัด โดยไม่พบปัญหาไม่ได้รับวัคซีน และยังไม่พบว่ามีผู้แพ้วัคซีน  
ขณะที่จังหวัดต่างๆ ในภาคอีสาน ไม่ว่าจะเป็นขอนแก่น, นครราชสีมา, อำนาจเจริญ บรรยากาศก็ยังคงคึกคักต่อเนื่อง ที่สำคัญยังไม่พบผู้รับบริการได้มีผลข้างเคียงจากการฉีดแต่อย่างใด ส่วนที่ จ.หนองคาย นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าฯ พร้อมคณะ แถลงการณ์คิกออฟวัคซีนเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ว่า ผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ โดยหนองคายไม่มีการเลื่อนฉีดวัคซีนออกไป มีแต่จะเลื่อนเข้ามาฉีดให้เร็วขึ้น และการฉีดวัคซีนในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีผู้อาการไม่พึงประสงค์คือชาเส้นประสาท และเป็นผื่น 3 ราย ล้วนเป็นบุคลากรทางการแพทย์จากการฉีดวัคซีนซิโนแวคขณะนี้หายแล้ว และทำงานได้ตามปกติ
    ส่วนที่ศูนย์สันติสุข รพ.ระยอง อ.เมืองฯ จ.ระยอง พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (รอง ผบช.ภ.2) พร้อมคณะ ได้เข้าสอบถามข้อมูลกับ ด.ต.สิทธิชัย คล้ายพันธุ์ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เขาชะเมา ผู้ได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนที่มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก และอาการท้องเสีย ถ่ายอุจจาระเหลว แต่ขณะนี้รักษาหายแล้ว และแพทย์อนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่บ้านได้  
    ที่ จ.ชลบุรี สำนักเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 จังหวัดชลบุรี มีรายงานว่าพบลุงวัย 62 ปี พนักงานประจำฯ เพิ่งไปฉีดวัคซีน มีอาการข้างเคียงรุนแรง แน่นหน้าอก ปวดท้อง ถ่ายท้อง อาเจียน จนไม่ไหวต้องนอนซม กู้ภัยจึงเร่งนำส่ง รพ.ชลบุรีเป็นการด่วนแล้ว.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"