ฟัน4ส.ส.-น้องบิ๊กตู่ ปปช.ชี้3ภท.1พปชร.ผิดอาญาฝ่าจริยธรรมเสียบบัตรแทนกัน


เพิ่มเพื่อน    

ป.ป.ช.ชี้มูล 4 ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน "ภท." โดน 3 คน "พปชร." 1 คน ชงอัยการส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฟันอาญา พร้อมเชือดจริยธรรมร้ายแรง "โฆษก ป.ป.ช." เผยมติบอร์ดเอกฉันท์ 9ต่อ 0 แจ้งข้อกล่าวหา "พล.อ.ปรีชา" จงใจแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ "น้องบิ๊กตู่" ยันแจงทุกอย่างหมดแล้ว "จตุพร-นกเขา" เดินสายบี้ "ประยุทธ์" ลาออก "ส.ส.พปชร." ค้านเปลี่ยนตัวเลขาฯ พรรค

    เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. มีรายงานจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีการพิจารณากรณี ส.ส. 8 ราย ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย 4 ราย คือ นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง นางนาที รัชกิจประการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ นายภูมิศิษฏ์ คงมี ส.ส.พัทลุง,  พรรคพลังประชารัฐ 3 ราย คือ นางภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ น.ส.ธนิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. และนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา, พรรคพลังท้องถิ่นไท 1 รายคือ นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน
    โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายฉลอง, นายภูมิศิษฏ์,   นางนาที กรณีเสียบบัตรแทนกันระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ในความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ที่บัญญัติไว้ว่าเจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยคดีอาญา ป.ป.ช.จะส่งให้อัยการเพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นอกจากนี้ ยังมีความผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่ง ป.ป.ช.จะส่งให้ศาลฎีกาโดยตรงเลย
    ขณะที่ น.ส.ภริมและนายทวิรัฐ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจน ไม่มีพฤติการณ์ เนื่องจากพยานระบุว่าเห็นแค่ถือบัตร 2 ใบแต่ไม่เห็นว่ามีการเสียบบัตรแทนกัน จึงไม่ผิดทั้งอาญาและไม่ผิดจริยธรรม แต่ผิดเฉพาะข้อบังคับที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงส่งเรื่องไปยังประธานรัฐสภาดำเนินการ ส่วนอีก 2 รายคือนายสมบูรณ์และนายโกวิทย์ คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป เนื่องจากพยานหลักฐานไม่ชัดเจน
    นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังมีมติชี้มูล น.ส.ธนิกานต์ กรณีฝากบัตรให้ผู้อื่นเสียบแทนระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10  แม้ น.ส.ธนิกานต์จะอ้างว่าเหตุที่ไม่อยู่ในห้องประชุมเพราะไปร่วมงานเสวนารายการหนึ่งที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง แต่เหตุผลไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้ จึงมีมติชี้มูลในความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ที่บัญญัติไว้ว่า เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยคดีอาญา ป.ป.ช.จะส่งให้อัยการเพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นอกจากนี้ ยังมีความผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่ง ป.ป.ช.จะส่งให้ศาลฎีกาโดยตรงเลย
    ส่วนนายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาฯ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 แจ้งข้อกล่าวหา พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา สมาชิกวุฒิสภา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ถูกกล่าวหาจงใจบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ขั้นตอนหลังจากนี้ ป.ป.ช.จะเปิดโอกาสให้ พล.อ.ปรีชามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา นำพยานหลักฐานมาสืบหักล้าง หลังจากชี้แจงเสร็จค่อยมาสรุปเพื่อวินิจฉัย
    ด้าน พล.อ.ปรีชา ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ทุกอย่างตนชี้แจงไปหมดแล้ว ก็แล้วแค่เขาตนยังไม่ทราบว่าเขาจะให้ทำอะไรบ้าง ส่วนมติที่ออกมาเป็นเอกฉันท์ก็แล้วแต่เขาจะมีมติอย่างไร หากข่าวออกมาอย่างนี้ตนก็จะชี้แจงต่อไป และปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
    ถามว่าขั้นตอนจากนี้จะเป็นอย่างไร พล.อ.ปรีชากล่าวว่า ตอบไม่ได้ เพราะไม่ใช่ ป.ป.ช. ตนทำตามขั้นตอน และได้ชี้แจงไปหมดแล้ว ตั้งแต่เมื่อเดือน ม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมา เขาจะว่าทำอย่างไรตนก็พร้อมทำตาม
    วันเดียวกัน ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มไทยไม่ทน "คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย" นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ลาออกจากตำแหน่ง
นายจตุพรกล่าวว่า ประเด็นที่ยื่นในวันนี้ เพื่อชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดการบริหารงานของรัฐบาลซึ่งมีการผูกขาด เศรษฐกิจและการเมือง ฉ้อฉลอำนาจเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ทั้งนี้ ในวันที่ 9 มิ.ย.จะไปรัฐสภา ยื่นหนังสือผ่านประธานวิปฝ่ายค้าน เพื่อขอให้ ส.ส.ฝ่ายค้านทั้งหมดลาออกจากการเป็น ส.ส. เพราะไม่สามารถตรวจสอบรัฐบาลและปกครองผลประโยชน์ประเทศชาติได้
    ที่บริเวณประตู 1 ทำเนียบรัฐบาล นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา ตัวแทนกลุ่ม "ประชาชนคนไทย" ยื่นหนังสือผ่านตัวแทนเจ้าหน้าที่ เพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่ง โดยนายนิติธรอ่านแถลงการณ์ระบุว่า ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งก่อนวันที่ 24 มิ.ย.2564 เนื่องจากขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์เดินมาจนสุดทางการเมืองแล้ว และทางกลุ่มไม่เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นแม่ทัพที่จะเข้าลักษณะการเปลี่ยนม้ากลางศึกท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 และยังมองว่าสถานการณ์โควิด-19 ในขณะนี้ แพทย์และพยาบาล สามารถดำเนินการไปได้ด้วยดี นอกจากนี้ที่ผ่านมารัฐบาลมักอ้างว่าประชาชนเป็นต้นเหตุแห่งการแพร่ระบาดโควิด-19 ประกอบกับที่ผ่านมาการฉีดวัคซีนยังมีปัญหาไม่ทั่วถึงประชาชน
“หลังจากนี้วันที่ 9 มิ.ย. จะไปยื่นหนังสือถึงวุฒิสภา และวันที่ 10 มิ.ย. จะไปยื่นหนังสือที่ศาลฎีกา จากนั้นในวันที่ 11 มิ.ย. จะลงพบปะประชาชนในชุมชนต่างๆ เพื่อรับฟังปัญหา และในวันที่ 24 มิ.ย. จะเดินทางกลับมาที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อทวงถามคำตอบจากนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง” นายนิติธรกล่าว
ขณะที่นายอนุชา บูรพาชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุม ครม.ว่า พล.อ.ประยุทธ์มอบหมายให้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดูข้อกฎหมายและศึกษากฎระเบียบการออกกฎหมาย เพื่อควบคุมเนื้อหาในสื่อออนไลน์และการนำเสนอในโซเชียลมีเดีย โดยศึกษาจากในต่างประเทศที่มีการใช้กฎหมายดังกล่าว เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงใช้ในประเทศไทยก่อนที่จะเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบต่อไป
    ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค พปชร. ทำหน้าที่ประธานการประชุมพรรค พปชร. โดยตอนหนึ่งมี ส.ส.บางส่วนสอบถามไปถึงกระแสข่าวเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค ซึ่ง ส.ส.หลายคนเห็นตรงกันว่าหากต้องการให้พรรคเข้มแข็ง มั่นคง ไม่ควรมีการเปลี่ยนม้ากลางศึกบ่อยครั้ง หากคนในพรรคหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเห็นว่านายอนุชาบกพร่องเรื่องใด ก็ควรมีการสอบถามและเปิดโอกาสชี้แจงภายในพรรคก่อน ที่สำคัญพรรคต้องดำเนินการใดๆ โดยยึดเสียงข้างมาก ต้องไม่ให้มีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมามีอำนาจครอบงำพรรค.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"