8 มิ.ย.64 - เมื่อเวลา 12.55 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันที่ 7 มิ.ย. ตนได้เปิดวาระแห่งชาติในการคิกออฟฉีดวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศ โดยมียอดรวมวันแรกมากกว่า 4 แสนโดสทั่วประเทศ และยอดสะสมมากกว่า 4.6 ล้านโดสทั่วประเทศ ในฐานะผอ.ศบค. ตนได้มอบหมายหลักการกระจายวัคซีนให้มีความเท่าเทียมให้มากที่สุด โดยย้ำว่าทุกจังหวัดต้องได้รับวัคซีนเพื่อให้เริ่มต้นได้พร้อมกัน จะต้องไม่มีจังหวัดใดถูกทอดทิ้ง ขณะที่จำนวนวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรตามจำนวนประชากร อายุ จำนวนผู้ติดเชื้อ กลุ่มเสี่ยง อาชีพ และการเป็นพื้นที่เฉพาะ เช่น พื้นที่ท่องเที่ยวหรือพื้นที่เศรษฐกิจ โดยแต่ละจังหวัดที่ได้รับวัคซีนไปจะเป็นผู้กำหนดจัดสรรวัคซีนให้โรงพยาบาลต่างๆในจังหวัด และคนที่จองคิวไว้แล้วจะต้องได้รับการฉีดวัคซีน โดยยึดวันที่จองไว้เดิมให้ได้มากที่สุด เท่าที่สามารถจะทำได้ เนื่องจากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่
“ทั้งนี้ผมต้องขออภัยหากมีประชาชนท่านใดอาจไม่ได้รับความสะดวกมากนัก หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงบ้าง ซึ่งผมได้เน้นย้ำในหลักการไปแล้ว จะดำเนินการแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบให้เร็วที่สุด “พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯกล่าวว่า ข้อจำกัดที่สำคัญที่เราจำเป็นต้องปรับแก้คือ เรื่องการจัดส่งวัคซีน ซึ่งทุกคนน่าจะทราบดีว่าไม่ได้มาครั้งเดียวทั้งหมดตามสัญญา แต่จะมีการทยอยจัดส่งเข้ามาเป็นรอบๆ ซึ่งเราถือหลักการที่จัดส่งให้เร็วที่สุดโดยพิจารณาเป็นรายเดือนตามจำนวนวัคซีนในมือ ถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งอาจเกิดข้อจำกัดในการบริหารจัดการอยู่บ้างในระยะแรก ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แจงและทำความเข้าใจโรงพยาบาลต่างๆให้ทราบถึงหลักเกณฑ์การกระจายวัคซีน และข้อจำกัดในการจัดสรรจำนวนวัคซีนให้สอดคล้องกับยอดผู้ลงทะเบียนในระบบแล้ว
วันนี้เราบริหารในเดือนมิถุนายน ซึ่งเรามีจำนวนวัคซีนอยู่ในมือจำนวนเท่าไหร่ก็จะเร่งกระจายให้มากที่สุด และถ้าสามารถจัดหาวัคซีนได้เพิ่มเติมก็จะกระจายเพิ่มเติมอีกให้มากที่สุดในส่วนของวัคซีนยี่ห้ออื่นด้วย โดยรัฐบาลพยายามจะหาวัคซีนมาเพิ่มเติมให้ได้มากที่สุด โดยไม่รอวัคซีนที่ทำสัญญาไว้แล้วเท่านั้น ตนเชื่อว่าในเดือนต่อไปเราน่าจะมีวัคซีนเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จนแต่ละจังหวัดแต่ละจุดที่ฉีดวัคซีนสามารถบริหารจัดการได้สะดวกมากขึ้น เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนคนไทยที่จองแล้วต้องถูกเลื่อนคิวอีก ถือเป็นเหตุผลหลักและความจำเป็นที่ขอชี้แจงให้ทราบ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า เป้าหมาย 100 ล้านโดสที่ตั้งไว้ยังไม่เปลี่ยนแปลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยวันนี้ได้ทำสัญญากับแอสตราเซเนกา ที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์แล้วจำนวน 61 ล้านโดส ซึ่งจะทยอยส่งมา อีกทั้งมีสัญญากับซิโนแวค 6ล้านโดส และมีแผนจัดซื้อเพิ่มอีก 8 ล้านโดส ทั้งนี้เราคาดว่าสามารถทำสัญญากับไฟเซอร์และจอห์นสันแอนจอห์นสัน รวมแล้วประมาณ 25 ล้านโดส และยังมีวัคซีนอีกจำนวนหนึ่งที่ได้รับจากการเจรจาทางความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ และในปีหน้าคาดว่าจะมีวัคซีนที่ผลิตโดยคนไทยเองอีกด้วย จากการวิจัยพัฒนาของเรา โดยใช้ควบคู่ไปกับแพทย์แผนไทยในส่วนของสมุนไพรต่างๆเพื่อใช้ประกอบกัน มีการพัฒนาไปสู่การผลิตให้มากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะมีรายได้มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่การเพาะปลูก พืชสมุนไพรจะเป็นการช่วยเพิ่มอาชีพรายได้ให้กับเกษตรกรที่ทำการเกษตรไม่ได้ผล ซึ่งอยู่ในแผนงานการขับเคลื่อนของรัฐบาลต่อไป
นายกฯ กล่าวอีกว่า ในการประชุมครม.วันนี้ยังได้มีการอนุมัติเงินกู้ตามพ.ร.ก.เงินกู้ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อใช้ตรวจคัดกรอง ดูแลผู้ป่วยโควิด -19 เช่น ชุดตรวจโควิดแบบพกพา เครื่องวัดปริมาณออกซิเจนในเลือด เครื่องช่วยหายใจ รถพยาบาล อุปกรณ์ช่วยเหลือชีวิตขั้นสูง ซึ่งมีการอนุมัติมาเป็นระยะ และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานอุปกรณ์หลายอย่างด้วยกันในปัจจุบัน ในขณะที่ภาคธุรกิจเอกชนก็ช่วยบริจาคมาด้วย รัฐบาลก็ใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดผลให้มากที่สุด
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |