ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี
ฉีดวัคซีนทั่วประเทศ ๙๘๖ จุด
ฉีดไป ๑๔๓,๑๑๖ ราย
บางคนบอกว่าน้อยไป เป็นแบบนี้อีก ๑๐ ปีถึงจะครบ
ใจเย็นๆ ครับ วัคซีนเพิ่งจะเริ่มทยอยออกมาล็อตแรกๆ จำนวนไม่มากนัก
หลังจากนี้สยามไบโอไซเอนซ์ จะติดเทอร์โบ ผลิตสำหรับประเทศไทยเดือนละ ๑๐ ล้านโดส ภายในไม่เกิน ๕ เดือนได้ฉีดกันเกือบครบทุกคน
แต่เบื้องต้น คุณหมอโอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบายไทม์ไลน์วัคซีน ฟังแล้วชัดเจน ไม่ต้องไปเดากันอีกต่อไป
ขณะนี้มีวัคซีนจำนวน ๓.๕๔ ล้านโดส
เป็นแอสตร้าเซนเนก้า ๒.๐๔ ล้านโดส และซิโนแวค ๑.๕ ล้านโดส
จะมีวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าที่ทยอยส่งมอบไปทุกจังหวัดอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์
โดยสัปดาห์ที่ ๓ ของเดือนมิถุนายนนี้จะมีวัคซีน ๘.๔ แสนโดส
สัปดาห์ที่ ๔ อีก ๒.๕๘ ล้านโดส
ในภาพรวมตลอดเดือนมิถุนายน จะมีวัคซีน ๖ ล้านโดส
ตามแผนที่ ศบค.กำหนด และคาดว่าในเดือนมิถุนายนนี้ จะฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปทั้งหมด ๑๐ ล้านโดส
สรุปคือในเดือนมิถุนายนจะมีการฉีดวัคซีนต่อเนื่องตามที่นัดหมายกันไว้
ไม่ใช่ฉีดวันที่ ๗-๘ แล้วหยุดตามที่พวกจิตไม่ว่างในโซเชียลปล่อยข่าวให้คนด่ารัฐบาลกัน
ครับ...เรื่องวัคซีนคงได้คุยกันเรื่อยๆ แต่วันนี้ขอคั่นด้วยปรากฏการณ์ที่เกิดจากคนรุ่นใหม่ ที่คิดจะเขียนถึง มาหลายรอบแล้ว แต่ความคิดมันวนๆ เพราะไม่ได้สัมผัสกับคนกลุ่มนี้โดยตรงสักเท่าไหร่
โชคดีครับ มีผู้สัมผัสโดยตรงเขียนบอกเล่าให้อ่าน จะเรียกว่าเป็นการชำแหละคนรุ่นใหม่ บางคน บางกลุ่ม ก็ไม่ผิดนัก
รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดชุดใหญ่ ในเฟซบุ๊ก Puangthong Pawakapan ลองอ่านดูครับ
"....ข้างล่างนี้เป็นข้อความที่เพิ่งส่งถึงนิสิตปี ๒ นี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกปี
๓ วันที่ผ่านมาทำเอาเส้นความอดทนขาดลง เพราะมีนิสิต ๓ คน inbox มาหาหลังเที่ยงคืนด้วยเรื่องคะแนน.... ต่อไปนี้จะเริ่มคลาสด้วยการแปะข้อความนี้ก่อนทุกครั้ง
ลูกชายเราบอกว่าถ้าแม่ไม่บอกเรื่องพวกนี้ก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อ เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่เคยมีใครสอนเขา
ในขณะที่โรงเรียนไทยให้ความสำคัญกับเครื่องแบบ การกราบไหว้ครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย แต่กลับไม่สอนมารยาทพื้นฐานในการมีชีวิตในโลกยุคใหม่ให้กับเด็ก
นิสิตคะ
เราเข้าใจว่าสมัยคุณเป็นนักเรียนมัธยม ไม่มีใครบอกคุณเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่ ที่การติดต่อส่วนใหญ่กระทำผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ ทำให้พวกคุณแยกแยะไม่ออกว่าการติดต่อระหว่างเพื่อน ระหว่างนิสิตกับอาจารย์ นิสิตกับเจ้าหน้าที่ นิสิตกับบุคคลภายนอก
เช่น การสมัครงาน การสมัครเรียน ฯลฯ พึงมี code of conduct อย่างไร ฉะนั้น ทุกปีทั้งอาจารย์ และบุคคลภายนอกที่ต้อง deal กับนิสิตนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่ จะบ่นเรื่องเด็กไม่มีมารยาทกันบ่อยมาก
ฉะนั้น อาจารย์ถือเป็นหน้าที่ที่ควรจะต้องบอกให้พวกเราได้รับรู้ เพื่อไม่ให้มีปัญหาต่อไปภายหน้า
ยกเว้นกับเพื่อนและคนในครอบครัวของคุณแล้ว ความสุภาพยังเป็นสิ่งสำคัญ การมีเสรีภาพในการแสดงออกไม่ได้แปลว่าไม่ต้องมีมารยาทและการให้เกียรติแก่กันและกัน สองอย่างนี้ควรดำเนินไปด้วยกันเสมอ และอันนี้ไม่เกี่ยวกับ 'ความเป็นไทย' หรืออนุรักษนิยม
ในสังคมฝรั่ง ความสุภาพเป็นสิ่งสำคัญไม่ย่อหย่อนกว่ากัน แน่นอนว่าความสุภาพของแต่ละสังคมมีระดับต่างกัน
สิ่งที่อาจารย์เรียกร้องจากคุณคือ 'ขั้นพื้นฐาน' ที่มนุษย์ควรมีต่อกัน เช่น ทักทายกันด้วยคำว่า 'สวัสดี' หรือ 'เรียน' ก็พอ ไม่ต้องถึงกับ 'กราบเรียน'
ในกรณีจดหมายทางการ ใช้คำว่า 'เรียน' เท่านั้น
หากอาจารย์วิชาใดให้คุณส่งงานทางอีเมล จะต้องมีข้อความในอีเมลด้วย เช่น สวัสดีครับ/เรียน อาจารย์... ผมขอส่งรายงานวิชา.... ด้วยความนับถือ.... ลงชื่อ (เขียนเหมือนจดหมายปะหน้า พวกคุณเรียนการเขียนจดหมายกันแล้วใช่ไหม)
อย่าส่งงานโดยไม่มีข้อความใดๆ ติดไปด้วยโดยเด็ดขาด คนรับจะรู้สึกเหมือนนิสิตโยนงานใส่หน้า อย่าทำแบบนี้ในเวลาที่คุณไปเรียนต่อต่างประเทศด้วย
อย่าทำแบบเดียวกันนี้ในการสมัครงาน หรือสมัครเรียนโดยเด็ดขาด
อย่าติดต่ออาจารย์ผ่านทาง messenger หรือ line หากเขาไม่ได้อนุญาตให้คุณทำ ยกเว้นมีเรื่องสำคัญมากจริงๆ เช่น คุณต้อง withdraw แล้วเป็นวันสุดท้ายแล้ว คุณติดต่อไปทางอื่นก่อนหน้านี้แล้วแต่อาจารย์ไม่เห็น -- ในความเป็นจริง คุณควรจะติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ภาค และให้เขาติดต่ออาจารย์เอง แต่นี่หมายความว่าคุณต้องมีเวลาเผื่อล่วงหน้า ไม่ใช่วิ่งเต้นแก้ปัญหาให้ตัวเองในวันสุดท้าย
ที่เลวร้ายมากคือ ส่งข้อความมาหลัง ๔ ทุ่ม หลายคนส่งมาหลังเที่ยงคืน
หากเขาไม่ได้อนุญาตไว้ก่อน อาจารย์ฝรั่งจะถือมาก หากคุณติดต่อเขาผ่าน inbox ของ social media เขาถือว่าคุณละเมิด privacy ของเขา
วิชานี้มี TA คุณสามารถติดต่อสอบถามเขาก่อน
การขอให้อาจารย์ช่วยแก้คะแนนให้ หรือขอทำงานแก้ตัวใหม่ ไม่ควรกระทำเด็ดขาด โอกาสในชีวิตหลายๆ อย่างผ่านไปแล้ว ก็จะไม่ผ่านมาอีก ถ้าพลาด ก็ถือเป็นบทเรียน --- ยกเว้นในกรณีที่อาจารย์ได้บอกข้อยกเว้นไว้แล้ว เช่น อนุญาตให้เฉพาะคนที่ติด probation หรือเสี่ยงกับการติ ด probation
หากนิสิตมีปัญหาส่วนตัว เช่น เป็นโรคซึมเศร้า หรือสภาพที่บ้านเป็นอุปสรรคต่อการเรียน คุณควรแจ้งให้อาจารย์ทราบแต่เนิ่นๆ ผ่านทางอีเมล อาจารย์ก็อาจจะหาทางออกที่เป็นไปได้ ไม่ใช่แจ้งหลังจากผลคะแนนออกแล้ว เพราะจะแก้ไขอะไรยากมาก และไม่แฟร์กับคนอื่นค่ะ
แค่นี้ก่อนแล้วกัน ถ้าใครมีคำถามอะไรก็ถามมาได้ค่ะ..."
ครับ...ผมเห็นด้วย การมีเสรีภาพในการแสดงออกไม่ได้แปลว่าไม่ต้องมีมารยาทและการให้เกียรติซึ่งกันและกัน สองอย่างนี้ควรดำเนินไปด้วยกันเสมอ
ปัญหาของคนรุ่นใหม่คือ ใช้เสรีภาพไม่เป็น
ไม่เข้าใจเสรีภาพดีพอ
ความเปลี่ยนแปลงของสังคม โดยเฉพาะในแง่รากเหง้า วัฒนธรรม เป็นตัวบ่งบอกตัวตนของสังคม
ขณะที่วัฒนธรรมนั้น ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับเสรีภาพ
แต่ลองสังเกตดีๆ คนรุ่นใหม่มักอ้างว่าเสรีภาพต้องอยู่เหนือวัฒนธรรมเสมอ เพราะวัฒนธรรมคือสิ่งล้าหลัง โดยเฉพาะวัฒนธรรมของชาติตนเอง
การใช้เสรีภาพโดยไม่มีมารยาทในรั้วมหาวิทยาลัย อาจกระทบในวงไม่กว้างนัก
แต่เสรีภาพที่ไร้มารยาทวันนี้มันพบเห็นได้ทั่วไปนอกมหาวิทยาลัย
การไม่ให้ความเคารพ ไม่ให้เกียรติ เกิดขึ้่นเป็นปกติทุกวัน
และพบเห็นได้ง่ายในโลกโซเชียล
ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ส่วนหนึ่งมีตัวเร่งมาจากการใช้เสรีภาพแบบไร้มารยาท ทั้งจากคำพูด ข้อเขียนในโซเชียล และการกระทำ
ชาชิน จนความหยาบคายคือเรื่องปกติที่ใครๆ ก็แสดงออกกัน
โควิดยังมีวัคซีนให้ฉีดป้องกันเชื้อ ลดการตาย ในสองสามเดือน
แต่หยาบคายไร้มารยาทมันติดทนนานเป็นรุ่นคน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |