พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทที่จะเข้าสู่การพิจารณาเห็นชอบในสภาผู้แทนราษฎร 9 มิ.ย.นี้ ถูกจับตาว่าจะกลายเป็นเวทีชำแหละความล้มเหลวของรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขโควิด-19 (ศบค.) ในการแก้ปัญหาโควิด และเชื่อว่าจะเป็นการขยี้ซ้ำต่อเนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน หลังสะท้อนปัญหาต่างๆ ผ่านการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 จำนวน 3.1 ล้านล้านบาทเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

            แม้สุดท้าย พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านจะผ่านสภา แต่อย่างน้อยก็เชื่อว่าประชาชนที่ติดตามปัญหาชาติบ้านเมือง จะได้รับทราบทิศทางการแก้ปัญหาโควิดจะออกมาในรูปแบบใด ผ่านค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขจำนวน 3 หมื่นล้านบาท การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 3 แสนล้านบาท กับการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม จำนวน 1.7 แสนล้านบาท และจะตอบโจทย์ประชาชน รวมถึงบางโครงการจะผิดพลาดเหมือนการกู้เงินรอบแรก 1  ล้านล้านบาทหรือไม่

            ทั้งนี้ เมื่อเปิดสภาในวันที่ 9 มิ.ย. สิ่งที่จะได้เห็นตลอดการอภิปรายของ ส.ส.ฝ่ายค้าน 9 ชั่วโมง และฝ่ายรัฐบาล 9  ชั่วโมง รวมเป็น 18 ชั่วโมง คาดว่าทุกพรรคการเมืองเว้นพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะลุกขึ้นมาอภิปรายโจมตี พล.อ.ประยุทธ์  ที่เลือกบริหารสถานการณ์โควิดแบบ "ซิงเกิลคอมมานด์" ทั้งการแก้ปัญหาโควิดผิดพลาด ที่ใช้ฝ่ายความมั่นคงนำการแพทย์ กระจายวัคซีนโดย ศบค.ไม่เหมาะสม รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ ที่ผู้ประกอบการเอกชนได้ผลกระทบอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

            นอกจากนี้ ยังอาจมีการวิจารณ์ไปถึงการจัดสรรและอนุมัติงบประมาณที่ไม่เหมาะสม และสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายหรือไม่ของกระทรวงการคลัง และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และการตั้งข้อสังเกตการใช้เงินก้อนนี้หวังผลทางการเมืองเพื่อหาคะแนนเสียง หลังมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลอาจชิ่งยุบสภาในช่วงปลายปีนี้ด้วยหรือไม่    

            โดยเฉพาะทางฝั่งที่เชื่อว่า พรรคภูมิใจไทยแม้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ก็เชื่อว่าบรรดา ส.ส.ของพรรคจะออกมาสะท้อนปัญหาหลายด้าน และต้องจับตาว่าจะมีการโจมตี นายกฯ อย่างดุเดือดอีกครั้งหรือไม่ อย่างเช่นการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 65 ที่ ส.ส.หลายคนเลิกทำตัวเป็นเด็กดี ลุกขึ้นมาอัด บิ๊กตู่ กลางสภาถึงการบริหารสถานการณ์โควิด และเรียกร้องให้ปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงาน ยุบ ศบค.พร้อมจัดงบประมาณให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังต่อสู้กับไวรัสโควิด รวมทั้งซัดผู้นำรัฐบาลในทำนองไม่ให้เกียรตินายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทั้งที่มี ส.ส.จำนวน 61 เสียงเป็นนั่งร้านสนับสนุนรัฐบาลนี้อยู่ 

            ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ คาดว่าจะออกมาเรียกร้องการใช้เงินให้ถูกต้องตามเป้าหมาย รวดเร็ว โปร่งใส เห็นผลสำเร็จ อย่าเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าอย่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 1  ล้านล้านบาท รวมทั้งอาจมีการวิพากษ์ถึงความกังวลว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านจะผิดวินัยการเงินการคลังหรือไม่  เมื่อไปรวมกับหนี้ก้อนอื่นๆ ก่อนหน้า ที่หนี้สาธารณะอาจเกินเพดานที่กำหนดไว้ 60 เปอร์เซ็นต์ และไม่ทราบว่าจะมี ส.ส.ปชป.ที่อึดอัดกับ พล.อ.ประยุทธ์ และระบอบ 3 ป.จะออกมาประกาศจุดยืนต่างๆ หรือไม่ หลังนายสาธิต ปิตุเตชะ  รมช.สาธารณสุขและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุให้ร่วมมือร่วมใจกันแก้ปัญหาโควิดและแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ แล้วเสนอยุบสภาในเดือน ธ.ค.นี้ 

            ด้าน พรรคฝ่ายค้าน นำโดยพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล มีความเห็นในทิศทางเดียวกันที่จะออกมาอภิปรายถล่มแหลก ก่อนลงมติคว่ำ พ.ร.ก.ดังกล่าว นอกจากเรียกร้องให้ "บิ๊กตู่" เสียสละลาออกแล้ว ยังต้องการให้ตอบคำถามเกี่ยวกับการใช้เงินกู้ก้อนที่สองนี้ให้ใช้จ่ายอย่างถูกต้องอีกด้วย   

            อาทิ การออก พ.ร.ก. 5 แสนล้านบาท จะมีการกำหนดกรอบการใช้ให้ชัดเจนได้หรือไม่ เพื่อให้ใช้เงินที่กู้มาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการทุจริต ไม่ใช่เป็นการตีเช็คเปล่า  การใช้จ่ายด้านสาธารณสุข 30,000 ล้านบาท จะมีการจัดหาวัคซีนให้ประชาชนอย่างเพียงพอหรือไม่ เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดฉีดให้ได้ 100 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้หรือไม่

            การใช้เงิน 3 แสนล้านบาทเพื่อเยียวยา และการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 170,000 ล้านบาท จะนำไปใช้ในด้านใดบ้าง หรือจะทำตามแบบเดิมในการกู้ 1 ล้านล้านบาทที่ล้มเหลว ไม่สามารถเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจได้เลย เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ รวมทั้งจะมีการป้องกันมิให้มีการฉวยโอกาส นำโครงการที่ควรจะใช้งบประมาณแบบประจำ  แต่หมกเม็ดใช้งบประมาณผ่าน พ.ร.ก.กู้เงิน เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบใช่หรือไม่ และกฎหมายกู้เงินดังกล่าวจะขัดกับ  พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 53 หรือไม่ ที่ไม่อนุญาตให้มีการอนุมัติในการจ่ายเงิน ซึ่งประเด็นท้ายนี้ฝ่ายค้านอาจจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในลำดับถัดไป 

            แม้สุดท้าย พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทจะผ่านไปด้วยเสียงข้างมากของพรรคร่วมรัฐบาล แต่สิ่งที่ประชาชนอยากทราบคือ "บิ๊กตู่" จะตอบคำถามเหล่านี้หรือไม่ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาโควิดอย่างถูกต้อง.